'พี่ศรี' ตามขยี้ 'อดีต พส.' รุกป่า

ศรีสุวรรณรุดพบอธิบดีกรมป่าไม้จี้สอบอาณาจักรอดีต พส.ครอบครองที่ป่า ส.ป.ก.พร้อมจี้เร่งฟันคดีอาญา

09 ก.พ.2565 - นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมาเข้าพบอธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อร้องเรียนให้อธิบดีเร่งสั่งการให้มีการตรวจสอบและเอาผิดที่ดินของอดีต พส.และครอบครัวพี่น้องโดยละเอียดทั้งหมด พร้อมเร่งเอาผิดตาม มาตรา 14 ประกอบ มาตรา 31 ของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ 2507 โดยเร็ว

ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากการที่อธิบดีกรมป่าไม้ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบที่ดินของอดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ที่ระบุว่ามีการกว้านซื้อที่ดินกว่า 300 ไร่ บริเวณรอยต่อเขต ส.ป.ก. ใน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 นครราชสีมา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบไปแล้วพบว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวเดิมสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) เคยประกาศเป็นเขต ส.ป.ก. แต่สภาพไม่เหมาะกับการทำเกษตรกรรม จึงส่งมอบพื้นที่คืนให้กรมป่าไม้ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่ดินบริเวณดังกล่าวเบื้องต้นแล้ว 6 แปลง จาก 11 แปลง พบว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ทั้งหมดกว่า 200 ไร่ ส่วนใหญ่พบมีการปลูกต้นยางพารา ซึ่งไม่มีโฉนดที่ดินหรือเอกสารใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งบางส่วนอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนฯ ที่เตรียมการประกาศเป็นพื้นที่จัดสรรที่ทำกิน ตามนโยบายคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ให้ราษฎรไร้ที่ดินทำกินด้วย

“ยืนยันชัดเจนว่า ที่ดินที่ครอบครัวอดีต พส.ชื่อดัง อยู่นอกเขตปฏิรูปที่ดิน ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอคอนสาร อำเภอหนองบัวแดง กิ่งอำเภอภักดีชุมพล อำเภอหนองบัวแดง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ อำเภอแก้งคร้อ และอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ.2531 ซึ่งเป็นการประกาศให้อำเภอคอนสารเป็นเขตปฏิรูปที่ดินทั้งอำเภอ ซึ่งถ้าที่ดินไม่อยู่ในแปลง ส.ป.ก. ก็ต้องอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 538 ซึ่ง ส.ป.ก.ได้คืนพื้นที่บางส่วนออกมาจากเขตปฏิรูปที่ดินดังกล่าว เพราะยังมีสภาพเป็นป่าไม้อยู่ แต่ทว่ากลับปรากฏมีผู้บุกรุกแผ้วถางยึดถือครอบครองไปเป็นจำนวนมาก”

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความมาร้องเรียนต่ออธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อให้สั่งการให้มีการตรวจสอบที่ดินโดยละเอียดทั้งหมด และดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการเอาผิดผู้ที่ฝ่าฝืน มาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ที่ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ หากผู้ใดฝ่าฝืนย่อมมีความผิดตามมาตรา 31 มีอัตราโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 2 หมื่น – 2 แสนบาท แต่ถ้ายึดครองมากกว่า 25 ไร่ และทำให้ไม้ยืนต้น และต้นน้ำลำธารเสียหายจะมีความผิดเพิ่มขึ้นเป็นโทษจำคุก 4-20 ปี ปรับ 2 แสนถึง 2 ล้านบาทเลยทีเดียว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สัปดาห์หน้า 'กรมแผนที่ทหาร-ส.ป.ก.-กรมอุทยาน-กรมที่ดิน' ลงรังวัดพร้อมกัน เคลียร์พื้นที่ทับซ้อนเขาใหญ่

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์กรณีที่ส.ป.ก.แจ้งความเอาผิดนายชัยวัฒน์ ฐานเข้าไปถอนหมุดส.ป.ก.4-01 ที่เขาใหญ่ ว่า เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

เลขาฯ ส.ป.ก.ไม่ถอย! สั่งแจ้งความเอาผิดอาญา ชัยวัฒน์พร้อมพวก บุกถอนปักหลักหมุดที่ดินเหวปลากั้ง

เลขาฯส.ป.ก. สั่งส.ป.ก.โคราช เข้าแจ้งเอาผิดอาญา “ชัยวัฒน์” พร้อมพวก กรณีบุกถอนหลักหมุด ส.ป.ก. แปลงเลขที่ 9 และแปลงอื่นบริเวณบ้านเหวปลากั้ง หมู่ที่ 10 ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา  จำนวน 27 หมุด ที่เป็นทรัพย์สินของ ส.ป.ก.ออกไป ส่อพฤติการณ์ผิดกฎหมายอาญาชัดเจน