8 กันยายน 2568 - นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ "6 ฉากทัศน์ในละครแห่งชีวิตของทักษิณคดีป่วยทิพย์ชั้น 14"
เวลา 10 นาฬิกา วันพรุ่งนี้ (วันอังคารที่ 9 กันยายน 2568) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 ระหว่างอัยการสูงสุดและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โจทก์ นายทักษิณ ชินวัตร จำเลย
ผู้เขียนขอเสนอ “6 ฉากทัศน์ในละครแห่งชีวิตของทักษิณคดีป่วยทิพย์ชั้น 14” ดังนี้
1)ฉากทัศน์ที่ 1 จากสนามบินดอนเมืองถึงศาลฎีกา
เหตุการณ์เช้าวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ทักษิณเดินทางโดยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวสุดหรูจากประเทศสิงคโปร์ ถึงสนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ แต่งตัวด้วยชุดสากล ผูกเนคไท เดินด้วยท่าทางองอาจผ่าเผย มายังอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคล พบบุคคลในครอบครัวของตน ทำพิธีเปิดกรวย ถวายพวงมาลัย ก้มกราบพระบรมฉายาลักษณ์ เดินโบกมือมาทักทายแกนนำและอดีต สส. พรรคที่มาต้อนรับ แล้วโดยสารรถยนต์ติดฟิล์มดำของตำรวจ เดินทางไปศาลฎีกา สนามหลวง
ความเห็น ภาพเคลื่อนไหวที่เห็นในจอโทรทัศน์ แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า ทักษิณมีความคล่องแคล่วและกระฉับกระเฉง ทั้ง ๆ ที่เพิ่งลงจากเครื่องบินมา ไม่ปรากฏอาการป่วยร้ายแรงแต่อย่างใด สภาพร่างกายน่าจะแข็งแรงกว่าบุคคลทั่วไปที่มีอายุกว่า 70 ปีขึ้นไปเสียด้วยซ้ำ
2) ฉากทัศน์ที่ 2 จากศาลฎีกาถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
เหตุการณ์ หลังจากทักษิณแสดงตนต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด ทักษิณเดินทางจากศาลฎีกาถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อเวลา 11.30 น. ระหว่างอยู่ในเรือนจำ ทักษิณอ้างว่านอนไม่หลับ แน่นหน้าอก แพทย์ตรวจแล้ว พบความดันโลหิตสูง ระดับออกซิเจนปลายนิ้วต่ำ และมีรายงานประวัติการรักษาของผู้ป่วยโดยแพทย์จากโรงพยาบาลต่างประเทศ (สิงคโปร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) พบมีโรคประจำตัวหลายโรคที่อยู่ระหว่างการรักษาติดตามอาการ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง พังผืดในปอด กระดูกสันหลังสื่อม โดยโรคที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือโรคหัวใจ
แพทย์อ้างว่า ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ยังขาดเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพ จึงมีความเห็นว่า เพื่อป้องกันความเสี่ยงอันตรายที่อาจจะส่งผลต่อชีวิตแก่ทักษิณซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเปราะบาง (ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว) ควรส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจที่มีความพร้อม มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพสูงกว่า โดยแนวปฏิบัติกรณีมีผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อชีวิต จะมีการส่งตัวรักษาให้ทันท่วงที ทักษิณเดินทางด้วยรถยนต์ออกจากเรือนจำเมื่อเวลา 23.59 น.
ความเห็น ทักษิณเดินทางถึงเรือนจำโดยไม่ปรากฏความผิดปกติ ต่อมาไม่กี่ชั่วโมงทักษิณอ้างว่า นอนไม่หลับ ก็เป็นเรื่องปกติของคนทั่วไปที่ต้องมาติดคุกในเรือนจำเป็นเวลา 1 ปี ยิ่งทักษิณเป็นมหาเศรษฐีและเคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน เมื่อมาพบกับสภาพการณ์เช่นนี้ก็ย่อมนอนไม่หลับเป็นธรรมดา
ส่วนโรคที่ทักษิณรักษาอยู่ในต่างประเทศนั้น ก็เป็นโรคที่อยู่ในระหว่างการรักษาและติดตามอาการ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับเรือนจำ เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ย่อมมีศักยภาพพอที่จะตรวจรักษาและติดตามอาการในขณะนั้นได้ทันที ง่ายกว่าการเดินทางไปโรงพยาบาลตำรวจซึ่อยู่ห่างออกไปประมาณ 22 กิโลเมตร และต้องใช้เวลาเดินทางร่วมครึ่งชั่วโมง
อีกทั้งปรากฏต่อมาว่า เมื่อทักษิณออกจากเรือนจำในคืนเดียวกัน ไปอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นเวลา 180 วัน ก็ไม่มีการตรวจรักษาโรคหัวใจซึ่งอ้างว่าต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษแต่ประการใด ข้อเท็จจริงจึงไม่น่าเชื่อว่า ทักษิณป่วยจนถึงขนาดต้องออกจากเรือนจำไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจภายหลังเดินทางมาถึงเรือนจำไม่เกิน 14 ชั่วโมง
3) ฉากทัศน์ที่ 3 จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปโรงพยาบาลตำรวจ
เหตุการณ์ เรือนจำตัดสินใจส่งตัวทักษิณออกไปรักษานอกเรือนจำ เมื่อเวลา 23.59 น. ของวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ทักษิณถูกเคลื่อนย้ายด้วยเตียงเคลื่อนที่ (stretcher) จากเรือนจำไปยังโรงพยาบาลตำรวจ โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด
ความเห็น พฤติการณ์ของพยาบาลราชทัณฑ์ในการตรวจอาการของทักษิณ และใช้โทรศัพท์ปรึกษาแพทย์ของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ รวมทั้งการนำเอกสารการส่งตัวซึ่งแพทย์ได้ลงนามไว้ในเวลากลางวันมาใช้ส่งตัวทักษิณในเวลาเที่ยงคืนออกไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นเรื่องผิดปกติ มีพิรุธ ประกอบกับมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หลายคนซึ่งช่วยกันเข็นเตียงเคลื่อนที่เบิกความขัดแย้งกันหลายประการ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้ป่วยอาการหนักที่จำเป็นต้องย้ายไปรักษาตัวนอกเรือนจำในยามวิกาลเช่นนี้
4) ฉากทัศน์ที่ 4 เมื่อเดินทางถึงโรงพยาบาลตำรวจ
เหตุการณ์ รถยนต์นำตัวทักษิณจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อเวลา 23.59 น. ถึงโรงพยาบาลตำรวจเวลา 00.20 น และนำตัวทักษิณไปที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ ชั้น 14 (VIP ward) อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ที่มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า
ความเห็น หากทักษิณป่วยจนถึงขั้นต้องออกจากเรือนจำไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจจริง เมื่อเดินทางมาถึงโรงพยาบาลตำรวจ ทักษิณพึงถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน (ER) หรือ ICU เหมือนผู้ป่วยวิกฤติทั่วไป แต่กลับถูกนำขึ้นไปยังห้องพักผู้ป่วยพิเศษ ชั้น 14 (VIP ward) อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ที่มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า โดยไม่มีการตรวจประเมินเบื้องต้น เช่น X-ray, CT scan, MRI หรือการตรวจร่างกายฉุกเฉินโดยแพทย์ แต่ปรากฏว่ามีการตรวจ CT scan และ MRI ในอีก 10 ชั่วโมงต่อมา แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า ทักษิณไม่ได้ป่วยด้วยโรคที่กล่าวอ้างจนถึงขั้นต้องรีบออกจากเรือนจำไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ
5) ฉากทัศน์ที่ 5 การรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจรวม 180 วัน
เหตุการณ์ ทักษิณเข้าโรงพยาบาลตำรวจตอนเช้ามืดวันที่ 23 สิงหาคม 2566 และออกจาหโรงพยาบาลในเช้าวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 รวม 180 วัน (นับวันที่ 18 ด้วย)
ความเห็น
(1)ที่โรงพยาบาลตำรวจไม่มีการตรวจรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อาการป่วยของทักษิณ หากเป็นผู้ป่วยทั่วไป สามารถกลับไปได้ และเฝ้าระวังโรคประจำตัวคือ หัวใจ, ความดัน, พังผืดที่ปอด, กระดูกสันหลัง
(2) ทักษิณไม่ได้ใช้ยารักษาจากโรงพยาบาลตำรวจ แต่ใช้ยาที่ได้รับจากต่างประเทศเอง แสดงให้เห็นว่า ทักษิณไม่มีความจำเป็นที่ต้องมารักษาอยู่ในห้องวีไอพีของโรงพยาบาลตำรวจ
(3) ระหว่างพักรักษา ทักษิณเข้ารับการผ่าตัดเล็ก 2 ครั้ง เกี่ยวกับศัลยกรรมกระดูก ซึ่งเป็นการผ่าตัดเล็ก และไม่เกี่ยวข้องกับอาการเจ็บป่วยซึ่งทักษิณอ้างเป็นเหตุขอออกรักษานอกเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
(4) ทักษิณเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาเอง ส่วนใหญ่เป็นค่าห้องพักชั้น 14 ราคาคืนละ 8,500 บาท เป็นเวลา 180 วัน คิดเป็นค่าห้องพัก 1.5 ล้านบาท ไม่พบค่ายา ผิดวิสัยของผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ
(5) ตามกฎกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับการรักษาผู้ต้องขังนอกเรือนจำ จะต้องมีเจ้าพนักงานเรือนจำอย่างน้อยจำนวน 2 คน ควบคุมผู้ต้องขังป่วย 1 คน ต้องตรวจสอบและควบคุมการรับประทานอาหารให้เป็นไปตามที่สถานที่รักษาผู้ต้องขังจัดให้ และจดบันทึกข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมและเวลาเข้าเยี่ยม แต่มีผู้เข้าเยี่ยมทักษิณเมและอยู่กับทักษิณป็นเวลานาน พบทักษิณใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสั้น ไม่ได้ใส่ชุดผู้ป่วย และไม่พบผู้คุม กรณีจึงไม่อาจถือได้ว่ามีการคุมขังทักษิณ
การคุมขังทักษิณที่ได้รับมาแล้วจึงไม่ครบ 6 เดือน อันจะเป็นเหตุให้เข้าเกณฑ์ข้อแรกที่จะพักการลงโทษจำคุกได้ การพักการลงโทษจำคุกส่วนที่เหลืออีก 6 เดือน และคุมความประพฤติไว้ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อการพักการลงโทษและคุมความประพฤติไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทักษิณจึงไม่ได้ประโยชน์จากพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พ.ศ. 2567
6) ฉากทัศน์ที่ 6 หลังออกจากโรงพยาบาลตำรวจเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567
เหตุการณ์ เช้าวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 ทักษิณได้รับการพักโทษและเดินทางออกจากโรงพยาบาลตำรวจ กลับบ้านจันทร์ส่องหล้าโดยสวมหน้ากากอนามัยและใส่เฝือกพยุงแขนและคอ
หลังจากนั้นไม่นาน ทักษิณใส่เฝือกอ่อนเดินทางไปไหว้บรรพบุรุษที่เชียงใหม่ พร้อมกับครอบครัวชินวัตร และนัดหมายรับประทานอาหารเย็นกับคนสนิท
ต่อมา ทักษิณเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทยเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ก่อตั้งพรรคเมื่อปี 2550 โดยมีผู้บริหารพรรค, สส.เก่า และ สส.ใหม่ ให้การต้อนรับ
ความเห็น หลังจากได้รับการพักโทษและออกจากโรงพยาบาลตำรวจเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 ไม่ปรากฏว่าทักษิณเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลใด และต่อมาอีกไม่นานก็สามารถเดินทางไปทำกิจกรรมในสถานที่ต่างๆ ทั้งในจังหวัดไกลๆ และในกรุงเทพมหานคร เจือสมกับเหตุการณ์ในโรงพยาบาลตำรวจที่ทักษิณไม่ได้ป่วยจนถึงขนาดต้องออกจากเรือนจำมารับการรักษา น่าเชื่อว่า ทักษิณแกล้งใส่เฝือกที่คอและแขนเพื่อตบตาสาธารณชน
7) กล่าวโดยสรุป ผู้เขียนเห็นว่า การบังคับโทษจำคุกของนายทักษิณ ชิณวัตร ไม่เป็นไปตามคำพิพากษาเมื่อคดีถึงที่สุด
หากศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีการจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ถูกต้องครบถ้วน ไม่ว่าทั้งหมดคือ 1 ปี หรือบางส่วน เช่น ขาดอีก 350 วัน ศาลฎีกาก็มีอำนาจออกหมายให้จำคุกนายทักษิณตามระยะเวลาที่ยังขาดอยู่ได้ หากนายทักษิณหลบหนี ไม่มาฟังคำสั่งในวันนัด ศาลฎีกาก็มีอำนาจออกหมายจับนายทักษิณมารับโทษตามหมายได้
วัส ติงสมิตร
นักวิชาการอิสระ
8/9/68
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
'ทักษิณ' ร่วมเวที 'เสก โลโซ' ร้องเพลงใจสั่งมา ในเรือนจำกลางคลองเปรม
"ทักษิณ" ขึ้นเวทีเรือนจำฯ ควงไมโครโฟนร้องเพลง "ใจสั่งมา" บรรยากาศอบอุ่นมวลความสุข เพื่อนผู้ต้องขังกว่า 1,000 คน ต่างลุกโชว์สเต็ปแด๊นซ์
เพจดังงัดภาพใหม่กว่า ตบหน้าแฟนคลับพรรคแดง ขว้างงูไม่พ้นคอ ทักษิณก็รู้จัก 'เบน สมิธ'
จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลังปรากฏภาพนายเบน สมิธ ถ่ายร่วมเฟรมกับบุคคลระดับสูงในแวดวงการเมืองไทย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ศาลรับอุทธรณ์คดี ม.112 ให้ 'ทักษิณ' ยื่นคำแก้อุทธรณ์ภายใน 15 วัน
พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ได้ยื่นคำอุทธรณ์คดี ที่ศาลอาญายกฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ


