
19 ก.ย. 2568 – นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า 4 ปรากฏการณ์ ครอบครัวชินวัตรเดินหน้าต่อ
ถ้าดูเส้นทางทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ แม้ว่าหลายคนอาจจะวิเคราะห์ว่า ถึงคราวล่มสลาย หลังจากนายทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณต้องโทษในเรือนจำ แต่ด้วยพรรคเพื่อไทยเป็นมรดก และเป็นเสมือนบริษัทของครอบครัวชินวัตร จึงจำเป็นต้องมีการขยับ มีการเคลื่อนไหวเพื่อจะสู้ทางการเมืองต่อ จนทำให้เห็นปรากฏการณ์ของคนในแวดวงครอบครัวชินวัตร หรือคนใกล้ชิดนายทักษิณ ออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะต่างๆ เช่น
1.นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แม้ว่าจะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในข้อหาฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ถือว่าหมดโอกาสทางการเมืองแล้ว แต่ก็ยังต้องการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยต่อไป แม้ว่าจะไม่มีอนาคตทางการเมืองก็ตาม แต่ต้องการที่จะส่งสัญญาณว่า ครอบครัวชินวัตรยังไม่ถอย นายทักษิณยังเอาจริง ยังส่งลูกสาวมาคุมพรรค เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการจะย้ายพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า
2.เห็นปรากฏการณ์ของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร หรือคุณหญิงอ้อ เคลื่อนไหวเดินทางมาร่วมประชุมส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และให้กำลังใจส.ส.พรรคเพื่อไทย ด้วยคำพูดสั้นๆ ว่า“สู้สู้นะคะ” ซึ่งต้องการส่งสัญญาณให้ส.ส. พรรคเพื่อไทยเห็นว่า คุณหญิงพจมานจะไม่ทอดทิ้ง และพร้อมสนับสนุน พร้อมให้กำลังใจ ซึ่งคนในพรรคเพื่อไทยต่างรู้ดีว่า การตัดสินใจทางการเมืองของครอบครัวชินวัตร คุณหญิงอ้อมีบทบาทสำคัญ และครั้งนี้เมื่อเห็นว่า นางสาวแพทองธารไม่สามารถควบคุมพรรคได้ หรือเอาไม่อยู่ คุณหญิงอ้อก็จำเป็นจะต้องเปิดหน้าออกมา เพื่อการันตีว่า ครอบครัวชินวัตรยังสู้ต่อทางการเมือง และยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยต่อไป ขอให้ สส. สบายใจและมั่นใจ ไม่ต้องย้ายพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
3.ท่าทีของนายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งเปรียบเสมือนมือขวาของนายทักษิณ ได้ออกมาเปิดเผย หรือแย้มท่าทีว่าการเมืองของพรรคเพื่อไทย ยังมีคนในครอบครัวชินวัตรมาสานต่อ แม้ว่าจะสิ้นนางสาวแพทองธารทางการเมืองไปแล้ว เมื่อมีการพูดถึงการทาบทามนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยในครั้งหน้าหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า นายณัฐพงศ์เป็นคนสมาร์ท หล่ออยู่แล้ว ต้องถามเจ้าตัว อย่างไรก็ตาม ถ้าหากกระแสสังคมเชียร์นายณัฐพงศ์เสียงดังมากๆ ตนอาจจะไปเจรจากับคุณแม่และภรรยาของนายณัฐพงศ์ เพื่อให้มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
4.เมื่อกระแสข่าวออกมาว่า นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ลูกเขยของนายทักษิณ จะสืบทอดตำแหน่งทางการเมืองของครอบครัวชินวัตรต่อไป ซึ่งสื่อได้สัมภาษณ์นายณัฐพงศ์ ซึ่งนายณัฐพงศ์กล่าวสั้นๆ ว่า “ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้” การตอบคำถามเช่นนี้ สามารถวิเคราะห์ได้ว่า นายณัฐพงศ์ไม่ได้ปฏิเสธโดยเด็ดขาด แสดงว่ามีความเป็นไปได้สูง ถ้านายณัฐพงศ์ไม่สนใจก็จะตอบปฏิเสธทันทีว่า ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่เมื่อตอบว่ายังไม่คิดเรื่องนี้ แสดงว่ากำลังคิดอยู่และในอนาคตก็อาจจะคิด และเชื่อว่าถ้าหากมีเสียงสนับสนุน และเป็นความต้องการของครอบครัวชินวัตร ให้เดินหน้าการเมืองต่อไปในนามพรรคเพื่อไทย นายณัฐพงศ์ก็จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้
ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่าครอบครัวชินวัตรยังไม่วางมือทางการเมือง ยังไม่ยอมแพ้ทางการเมือง ยังสู้ต่อทางการเมือง รอดูหลังจากนายทักษิณออกจากเรือนจำแล้ว จะเดินเกมการเมืองอย่างไร ซึ่งสังคมจะต้องจับตามองกันต่อไปว่า นายทักษิณจะผลักดันให้พรรคเพื่อไทย ประสบความสำเร็จบนเวทีทางการเมืองอีกครั้งหนึ่งหรือไม่ และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เขยใหญ่ของบ้านชินวัตร จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 7 ของครอบครัวชินวัตร หรือระบอบทักษิณอีกคนหรือไม่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฟันธง! สถานการณ์บีบ 'ปชน.' ต้องยื่นซักฟอก ยอมทิ้งแก้รธน.
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สุดท้าย พรรคส้ม ต้องยื่นซักฟอกรัฐบาล
'โฆษกรัฐบาล' ตบปาก 'ทวี-จอม' แจงยิบปมอนุมัติงบ MotoGP
'สิริพงศ์' ฟาด 'ทวี-จอม' ทำการบ้านน้อย กล่าวหา MotoGP เอื้อธุรกิจใคร ชี้จัดมา 7 ปี สนามช้างฯ ให้ใช้ฟรีมาตลอด 'อนุทิน' ทะเบียนบ้านอยู่ที่นั่นไม่แปลก ไม่ใช่คู่สัญญา ชวนไปใส่ใจโครงการ Tomorrowland 2025
อุ้ย! รองเลขาฯพท. เปิดเหตุผลไม่ไว้วางใจรัฐบาล โชว์ประเด็นเด็ด 'มุบมิบเซ็นMOU-เสี่ยงทำไทยเสียดินแดน'
รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเหตุผลที่เราไม่สามารถไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้
ชูวิทย์ ชำแหละ 'มีเรา ไม่มีเทา' สโลแกนพรรคส้ม ปลุกแซงกระแสรักชาติ วางแผนยาวถึงการเลือกตั้ง
ชูวิทย์ ชำแหละเมื่อรัฐบาลหนูวางแผนสั้น แต่พรรคส้มวางแผนยาวไปถึงการเลือกตั้งด้วยสโลแกน มีเรา ไม่มีเทา ตีกันด้วยเรื่องเทาๆ ที่ชาวบ้านร้านตลาดถูกใจ
สรวงศ์ ซัด 'ไหม' ยิ่งกว่าละคร บอกไม่เห็นรัฐบาลทำผิดร้ายแรงจนต้องซักฟอก
สรวงศ์ โพสต์โต้ศิริกัญญา น่าจะอยู่คนละประเทศ หลังบอกยังไม่เห็นรัฐบาลทำผิดร้ายแรงจนต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ

