นักวิชาการ จี้รัฐตั้งกองทุนเยียวยาเหยื่ออายัดบัญชี ชงใช้ 'AI-ML' ล่าบัญชีม้า

นักวิชาการธรรมศาสตร์ จี้รัฐเร่งคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยให้เหยื่อที่เดือดร้อนจากการถูกอายัดบัญชีโดยไม่มีความผิด ชงจัดตั้งกองทุนชดเชย-จ่ายเงินเยียวยาผู้บริสุทธิ์ เสนอ “ธนาคาร” ใช้ “AI แมชชีนเลิร์นนิง” ป้องกันเชิงรุกตรวจพฤติกรรมบัญชีต้องสงสัย สามารถอายัดได้ทันทีที่พบว่าทำผิด ไม่ต้องรอประชาชนแจ้งแล้วค่อยจัดการ-ไม่ทำคนไม่เกี่ยวข้องเดือดร้อน

20 กันยายน 2568 - รศ. ดร.อัจฉรา ชลายนนาวิน คณบดีคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า นอกจากการเร่งพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับประชาชนที่เดือดร้อนจากนโยบายปราบปรามบัญชีม้าและปลดล็อกการอายัดบัญชีอย่างเร่งด่วนแล้ว รัฐควรจะคืนเงินเต็มจำนวนพร้อมดอกเบี้ย และควรมีเงินชดเชยเยียวยาให้แก่ผู้เสียหาย ผ่านการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่โดนอายัดบัญชีผิดพลาดเป็นการเฉพาะด้วย

รศ. ดร.อัจฉรา กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยมีกองทุนยุติธรรมในการชดเชยความเสียหายทางคดีอาญา หรือกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ให้กับประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว แต่ยังไม่เคยมีกองทุนเพื่อชดเชยความเสียหายจากการอายัดผิดบัญชี ซึ่งในกรณีของต่างประเทศ เช่น สหภาพยุโรป (EU) จะมีกฎหมายเพื่อการเยียวยาที่เปิดช่องให้ประชาชนสามารถไปฟ้องร้องค่าเสียหายจากรัฐได้หากมีการอายัดบัญชีผิดตัว

“เมื่อประเทศไทยยังไม่มีกฎหมาย หากประชาชนต้องการการชดเชยก็จะต้องดำเนินการฟ้องทางแพ่งและเสียค่าใช้จ่ายในการแต่งตั้งทนายเอง ต้องเสียเวลาในการต่อสู้คดีอย่างน้อย 7 ปีขึ้นไป ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องตั้งกองทุนฯ ขึ้นมาเพื่อเยียวยาให้กับประชาชน” นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าว

นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวต่อไปว่า แม้การกระบวนการในการจัดการบัญชีม้าของภาครัฐจะมีหน่วยงานอย่างศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) หรือ AOC มีสายด่วน 1441 มากกว่า 100 คู่สาย คอยให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาภัยออนไลน์แบบ One Stop Service ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ส่วนตัวมองว่า บุคลากรผู้ฎิบัติงานยังมีไม่เพียงพอต่อจำนวนของเคสปัญหาที่เกิดขึ้น ที่สำคัญคือควรมีบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้สอดรับและเท่าทันกับพฤติกรรมความก้าวหน้าในการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพ

“ขบวนการเหล่านี้ใช้เวลาสั้นมากในการนำเงินออกนอกประเทศ ดังนั้น การไปไล่ตามอายัดบัญชีมันจึงไม่ทัน เพราะอาชญากรเหล่านี้มีกลวิธีการเล่นแร่แปรธาตุมากมาย เช่น สามารถแปลงเงินบาทเป็นค่าเงิน USDT ซึ่งมีค่าเท่ากับเงินดอลลาร์จริงๆ ซึ่งสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้ในตลาดประเทศเพื่อนบ้าน มันจึงต้องมีการใช้เทคโนโลยี AI ป้องกันในเชิงรุกเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา แทนที่จะให้ปัญหาเกิดก่อนแล้วค่อยตามแก้” รศ. ดร.อัจฉรา กล่าว

ทั้งนี้ เทคโนโลยีที่ทางธนาคารควรจะนำมาใช้ คือ แมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning: ML) ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของ AI เพื่อนำมาช่วยในการตรวจตราพฤติกรรมบัญชีที่มีความผิดปกติหรือสุ่มเสี่ยงจะกลายเป็นบัญชีม้า และดำเนินการอายัดบัญชีต่อไปทันที หากพบว่ามีความผิดจริง สิ่งเหล่านี้คือมาตรการเชิงป้องกันก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้น แต่ ณ วันนี้ส่วนใหญ่ภาครัฐยังใช้มาตรการเชิงตั้งรับเป็นหลัก กล่าวคือ เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย จึงจะสามารถดำเนินการแก้ไขความเดือดร้อนต่อไป ซึ่งถือเป็นการตามแก้ไขสถานการณ์เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้ว อีกทั้ง ในระหว่างขั้นตอนกระบวนการเหล่านี้ยังได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น การนำเทคโนโลยี ML มาใช้จึงถือเป็นมาตรการเชิงป้องกันเชิงรุก ที่จะช่วยทั้งการตรวจจับผู้กระทำความผิด และลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนทั่วไปในคราวเดียวกัน

ดร.วศิน ปั้นทอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ควรจะต้องมีมาตรการในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการโดนล็อกวงเงินหรืออายัดบัญชี แต่ในเชิงรายละเอียดของการคำนวนวิธีในการเยียวยาที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องมาร่วมกันออกแบบกลไก แต่ในเชิงหลักการส่วนตัวเห็นว่าผู้บริสุทธิ์ควรได้รับการเยียวยาจากภาครัฐ

มากไปกว่านั้น ควรมีมาตรการตรวจคัดกรองเชิงรุก เพื่อป้องกันการเปิดบัญชีม้า เช่น การเพิ่มระบบ (One Time Password : OTP) การมีระบบพิสูจน์ตัวตน ในการเปิดบัญชีกับธนาคารมากกว่าเพียงแค่การใช้เอกสารเพียงอย่างเดียวแบบที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าคนที่เปิดบัญชีมีตัวตนตรงกันกับเอกสารหลักฐานที่ยื่นมา

นอกจากนี้ ควรจะมีระบบหลังบ้านให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถเฝ้าระวังผ่านการแชร์และเชื่อมโยงข้อมูลกันได้ เช่น ธนาคารต่างๆ สามารถดูข้อมูลการเปิดบัญชีและความเคลื่อนไหวทางบัญชีว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ประการต่อมาควรให้ธนาคารมุ่งเน้นเรื่องการสื่อสารองค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการจัดการบัญชีม้าให้ประชาชนซึ่งเป็นลูกค้าของตนได้ตระหนักและรับรู้รับทราบถึงมาตรการที่ธนาคารจะดำเนินการ หากตรวจพบว่าบัญชีใดมีพฤติกรรมต้องสงสัยหรือกระทำความผิด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปปง.ล้มยักษ์สแกมเมอร์ ยึดทรัพย์ ’เฉิน จื้อ-ก๊ก อาน-เบน สมิธ‘ หมื่นล้าน

คณะกรรมการธุรกรรมมีมติยึด-อายัดทรัพย์ 289 รายการ มูลค่า 10,165 ล้านบาท จาก 4 คดีใหญ่ของเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ พบเส้นทางเงินโยงกัมพูชา ใช้บัญชีม้า-คริปโตฟอกเงิน ซ่อนทรัพย์ผ่านบริษัทและบุคคลใกล้ชิดเป็นทอด ๆ

ศาลฟันหนัก! ขัง 11 คน เปิดบัญชีม้า ปั่นเหยื่อโอน 21 ล้าน โดนยาว 14-18 ปี

ศาลลงดาบจำเลยทั้ง 11 ราย คดีบัญชีม้าให้แก๊งหลอกโทรปั่นเหยื่ออ้างเป็นดีเอสไอ มองเป็นขบวนการทำร้ายสังคม-เศรษฐกิจ ย้ำต้องลงโทษแรงเพราะพฤติการณ์ร้ายแรง ไม่สนคำรับสารภาพ สั่งจำคุกตั้งแต่ 14 ถึง 18 ปี พร้อมให้คืนเงินผู้เสียหายกว่า 21 ล้านบาท

ดิ้นสู้สุดซอย! 'โจ๊ก' ให้ข้อมูล สว. ขยี้องค์กรตำรวจพังพินาศ รับส่วยเว็บพนัน-ซื้อขายตำแหน่ง

'บิ๊กโจ๊ก' เข้าแจง 'กมธ. การกฎหมายฯ สว.' ซัดตำรวจซื้อขายตำแหน่ง เป็นเรื่อง 'เลวระยำ' ลั่น ถ้าเราไม่ส่งเสริม ลูกน้องก็ไม่กล้าทำ ชี้ จากคนไร้อำนาจ พอขึ้นมาก็เอาหมดทุกอย่าง

รองจเรตำรวจ จวก กมธ. ใช้เวทีสภาฯสร้างสงครามข้อมูลข่าวสาร ชี้นำสังคม เป็นอันตรายต่อสำนวนคดี

"ไตรรงค์" โต้ "บิ๊กโจ๊ก" กล่าวหาตำรวจมีการใช้บัญชีม้าเป็นเรื่องปกติ ย้ำบัญชีม้าคือหัวใจองค์กรอาชญากรรม ชี้เป็นการสะท้อนถึงตัวผู้กล่าวหา ให้ประชาชนรับฟังข้อมูลรอบด้านจากข้อเท็จจริงและหลักฐาน เพราะคนที่พูดถูกให้ออกจากราชการ

รัฐบาลเตรียมออกพระราชกำหนด ตอบโต้สแกมเมอร์ คุมซิมบ็อกซ์-บัญชีม้า

“ไชยชนก” เตรียมออก​ พรก.​ ใช้เป็นเครื่องมือปราบสแกมเมอร์​ ย้ำ​ เดินหน้าหลายมาตรการ​ ทั้งจำกัดซิมการ์ด​-เพิ่มขั้นตอนเปิดบัญชีธนาคาร​ เล็งคุยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง​ หาวิธีป้องกันใช้ซิมบ๊อกซ์​ ส่วนบัญชีม้า​หากพบคนเดิมทำผิดซ้ำ​ในช่วง​ 3 ปี​ จ่อห้ามเปิดบัญชีตลอดชีพ ขณะที่ ”ผบ.ตร.“

นายกฯ กำชับ ปปง. ปราบสแกมเมอร์เฉียบขาด 'ฉัตรชัย' ชงขอสนับสนุนเอไอสู้อาชญากรรม

นายกฯ มอบนโยบาย ปปง. ชี้สังคมสนใจภารกิจปราบสแกมเมอร์ ลั่นหากไม่เฉียบขาดโดนตราหน้าไม่มีผลงาน -นานาชาติคว่ำบาตร ‘ฉัตรชัย’ ขอสนับสนุนเอไอสู้อาชญากรรม โวจัดการแล้ว 8 แสนบัญชีม้า