แทบไม่มีเจ้าของบริษัทคนไหนที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับแบรนด์ของตนเองมากเท่ากับที่ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก มีต่อ ‘เฟซบุ๊ก’ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาคือผู้ก่อตั้งอินเทอร์เน็ตรายใหญ่คนสุดท้ายที่ยังคงดูแลกิจการของตนเอง แต่ซักเกอร์เบิร์กก็มีปัญหา เฟซบุ๊กที่มีอายุมากขึ้นนั้นไม่เจ๋งอีกต่อไป ตอนนี้เขาจึงต้องการที่จะเปลี่ยนหลายสิ่งหลายอย่าง โดยเริ่มจากเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเอง
จากการเฝ้าสังเกตของสื่ออเมริกัน ทั้งจากการพูดคุยกับซักเกอร์เบิร์กและคนใกล้ชิดของเขา พบว่าหลายปีที่ผ่านมามีกระบวนการทำงานเพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ของผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กจากภายในสู่ภายนอก โดยเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมาความพยายามเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เป้าหมายเพื่อการเข้าถึงผู้ชม เหมือนที่ อีลอน มัสก์ ทำในการปรากฏตัวทั้งทางอินเทอร์เน็ตและออฟไลน์
นั่นไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ มัสก์แตกต่างจากซักเกอร์เบิร์กในหลายๆ ด้าน และตั้งแต่เขาเข้าครอบครอง ‘ทวิตเตอร์’ ทั้งสองก็นับว่าเป็นคู่แข่งกันโดยตรง ขณะที่มัสก์มีความมั่นใจในตัวเองมากในการให้สัมภาษณ์หรือทวีตข้อความ แต่ซักเกอร์เบิร์กกลับมีปฏิกิริยาที่ค่อนข้างสงบนิ่งมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกัน ซักเกอร์เบิร์กมักจะตอบสัมภาษณ์ด้วยท่าทีเงียบขรึม จนสังคมออนไลน์เปรียบเทียบเขาเป็นเหมือนหุ่นยนต์ใน Star Trek ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันส่งผลถึงเขา ซักเกอร์เบิร์กรู้สึกคล้ายไม่ได้รับการเคารพ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาพยายามทำวิดีโอบาร์บีคิวซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อให้คนเข้าถึงเขามากขึ้น ในงานวันประกาศอิสรภาพปี 2021 เขาออกมาโชว์ตัวด้วยผืนธงยืนบนกระดานเซิร์ฟติดเครื่องยนต์ แต่ความพยายามเหล่านั้นก็ถูกตอบรับด้วยเสียงหัวเราะเยาะอีกเหมือนเดิม ซึ่งแตกต่างจากมัสก์ หรือสตีฟ จ็อบส์-ผู้ก่อตั้ง Apple เพราะนายใหญ่ Meta มีแฟนคลับตัวจริงเพียงไม่กี่คน เขาไม่ใช่คนเท่ ภาพลักษณ์ของซักเกอร์เบิร์กในหนังเรื่อง ‘The Social Network’ ที่เป็นเด็กเนิร์ดนั้นยังติดตัวเขาแนบแน่นอย่างช่วยไม่ได้
ตอนนี้เขาตั้งใจจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองใหม่อย่างจริงจัง ด้วยการไปเยือนพอดคาสต์ของ โจ โรแกน และเล็กซ์ ฟรีดแมน ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่แฟนคลับของมัสก์ และวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่าเขาเล่นศิลปะการต่อสู้จนเหงื่อตก เพื่อส่งสาส์นไปถึง ‘พี่น้องชาวเทค’ ที่เป็นสาวกของมัสก์ อีกทั้งยังโพสต์ภาพการต่อสู้ยิว-ยิตสูบนอินสตาแกรม อวดว่าเขากำลังทำ ‘Murph Challenge’ ซึ่งเป็นความท้าทายด้านฟิตเนสสุดขีด เพื่อจะบอกว่า ดูสิ ฉันไม่ใช่เนิร์ดหน้าซีด แต่เป็นคนห้าว
นอกจากนั้นเขายังใช้ตัวเอง ในฐานะซักเกอร์เบิร์กผู้ก่อตั้งแบรนด์ ไปปรากฏตัวออกสื่อบ่อยขึ้นเพื่อประกาศทิศทางหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ เมื่อบริษัทประกาศว่าจะมุ่งความสนใจไปที่โลกเสมือนจริงของ Metaverse อย่างเต็มที่ในอนาคต และถึงขนาดเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook เป็น Meta และยังมี ‘Zuck’ ปรากฏอยู่บนเวทีด้วย แต่ก็เรียกความตื่นตาตื่นใจจากผู้ชมไม่ได้อยู่ดี
ข่าวล่าสุดจากคนวงในกล่าวว่า ซักเกอร์เบิร์กกำลังพยายามเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของตนเองให้เหมือนคู่แข่งของเขาที่ทวิตเตอร์ เป็นที่รู้กันว่า มัสก์มักยั่วยุสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ด้วยภาษาที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ และมาตรการที่ไม่เป็นที่นิยม แต่ยอดการใช้งานทวิตเตอร์ก็เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เขาเข้ามาครองกิจการ ผิดกับซักเกอร์เบิร์กที่มักประสบปัญหาในช่วงที่ผ่านมา เครือข่ายเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของเขากำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากคู่แข่งอย่าง TikTok ธุรกิจโฆษณาซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อบริษัทนั้นหดตัวลงพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
อีกทั้งตอนนี้สถานะของเฟซบุ๊กเองก็ไม่ได้ดีที่สุดแล้ว หลังจากที่บริษัทเลิกจ้างพนักงานไปหลายหมื่นคนและวิสัยทัศน์ของซักเกอร์เบิร์กเกี่ยวกับ Metaverse ทำให้ต้องเสียเงินมากกว่าได้เงิน จนเขาต้องเจอกับแรงต้านจากภายในที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรงผิดปกติ
ไม่มีใครรู้ได้ว่าการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของซักเกอร์เบิร์กจะช่วยกู้สถานการณ์ให้ดีขึ้นหรือไม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นทางออกเดียวที่เขาเลือกทำ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กมลา แฮร์ริส ตีตัวออกห่างจากความเห็นเรื่อง 'ขยะ' ของไบเดน
โดนัลด์ ทรัมป์ และอีลอน มัสก์ อ้างว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวดูถูกแฟนคลับของทรัมป์ว่าเป็น “ขยะ” เรื่องนี้ทำเนียบ
ออสเตรเลียมีแผนจะแบนเครือข่ายออนไลน์สำหรับเด็กและเยาวชน
ออสเตรเลียต้องการสั่งห้ามการใช้เครือข่ายออนไลน์ อย่างเช่น Facebook และ TikTok สำหรับเด็กและเยาวชน นายกรัฐมนต