ครม.สั่งอัดฉีดบัตรคนจนเพิ่มอีก200บาท อุ้ม 13.2 ล้านคน บรรเทาภาระค่าครองชีพสูง

27 ธ.ค. 2565 – นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะประธานกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2565 มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำเดือน ม.ค. 2566 โดยมาตรการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.2 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อยและได้รับผลกระทบโดยตรงจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ยังอยู่ในระดับที่สูง ประกอบกับราคาพลังงานที่ยังคงมีแนวโน้มอยู่ในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อต้นทุนราคาสินค้าที่สูงขึ้น ทำให้มีผลกระทบต่อราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นในการดำรงชีพของผู้มีบัตรสวัสดิการ และทำให้กำลังซื้อของผู้มีบัตรสวัสดิการลดลง

สำหรับมาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษนี้ จะให้ความช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมจากเดิมอีก จำนวน 200 บาท เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน ในเดือน ม.ค. 2566 โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เดิมได้รับวงเงิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน จะได้รับเพิ่มอีก 200 บาท รวมเป็น 400 บาทต่อคนต่อเดือน และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เดิมได้รับวงเงิน 300 บาทต่อคนต่อเดือน จะได้รับเพิ่มอีก 200 บาท รวมเป็น 500 บาทต่อคนต่อเดือน

“มาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษนี้ จะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีกทั้งยังก่อให้เกิดการใช้จ่ายในท้องถิ่น กระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญ” นายสันติ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เศรษฐา1/1เร่งเครื่อง ปม'พิชิต'ทำติดหล่ม หวังศาลรธน.เคลียร์จบ

ครม.เศรษฐา 1/1 หลังจากนี้ก็สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเป็นทางการ หลังเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำ รมต.ที่ได้รับการแต่งตั้ง ที่มีทั้งรัฐมนตรีหน้าใหม่

'เศรษฐา1/1'เศรษฐกิจ-การเมืองนำ เว้นระยะ'ความมั่นคง-กองทัพ'

โฉมหน้า “คณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1” ที่ออกมา นอกจากจะเป็นการสับเปลี่ยนหมุนเวียนตัวบุคคลของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว เป้าหมายที่ฉายภาพชัดต่อทิศทางการบริหารงานของรัฐบาล