ออกแบบสถาปัตยกรรม (Security Architecture) ใหม่ เพื่อความมั่นคงของโลก เอเชีย และประเทศไทย

เรื่องนี้เป็นงานในเฟซบุ๊กของ “อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา” กัลยาณมิตรของผม ท่านเป็นอาจารย์จุฬาฯ-เชี่ยวชาญการวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจ การเมือง และรัฐศาสตร์ ทั้งในและต่างประเทศ เรื่องนี้น่าสนใจมาก เลยขอท่านเอามาเผยแพร่ในคอลัมน์โลกใบใหม่ ให้อ่านและคิดกันครับ

 “..สงครามคือ ธรรมชาติและอุปนิสัยของชาวยุโรป พวกอียู 27 ประเทศนั่นแหละ แม่งชอบรบกัน จนเกิดสงครามโลก 2 ครั้ง จะเกิดครั้งที่ 3 ก็เกิดจากยุโรปแน่นอน

ยุคที่มีสันติภาพยาวนานที่สุดของยุโรป คือ ช่วงปี 1814 จนถึง 1914 รวม 100 ปีหลังชนะศึกนโปเลียนจนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 แม่ทัพดังๆ จากยุคสงครามนโปเลียนก็พวกลอร์ดเนลสัน ดยุคแห่งเวลลิงตัน

ฟังไม่ผิดครับ ยุโรปคือทวีปที่มีสันติภาพยาวนานที่สุดได้แค่ 100 ปี นอกจากนั้นแล้วมีสงครามระหว่างมหาอำนาจใหญ่ในทวีปตลอดเวลา

สันติภาพ 100 ปีครั้งนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร

หลังจากที่ยุโรปรวมตัวกันรบจนชนะนโปเลียน ซึ่งใช้เวลายาวนานเกือบ 20 ปี เลยมีแนวคิดว่าชาติใหญ่ในยุโรปจะต้องมาคุยกันเพื่อจัดสรรผลประโยชน์ให้ลงตัว ทุกคนจะได้พอใจและไม่รบกันอีก

จึงได้จัดประชุม Congress of Vienna เพื่อให้ชาติมหาอำนาจในยุโรปทุกชาติมาคุยกันอย่างละเอียด ว่าจะจัดแบ่งผลประโยชน์ระหว่างมหาอำนาจกันอย่างไร และแผนที่ดุลอำนาจใหม่ของยุโรปควรเป็นอย่างไร

พูดง่ายๆ คือ มาวาดแผนที่กันใหม่เลยว่าจะให้ประเทศไหนได้หรือเสียดินแดนตรงไหนไป และจะยุบหรือสร้างประเทศตรงไหนขึ้นมาใหม่

การประชุมทำกันที่เวียนนา แหล่งอารยธรรมของยุโรปยุคนั้น นำโดยคนที่ฉลาดที่สุดอย่างเจ้าชาย Metternich สุดยอดนักการทูตของโลก ที่เป็นที่นับถือกันจนทุกวันนี้ ที่สำคัญคือแม้แต่ฝรั่งเศสที่เป็นผู้แพ้สงครามก็เข้าร่วมวงนี้อย่างเต็มตัว

ประชุมกันอยู่นาน คุยไป จัดงานเลี้ยงเต้นรำไปตามสูตรชนชั้นสูงยุโรปยุคนั้น กินนอนกันอยู่ที่เวียนนาเป็นเดือนๆ จนได้ข้อตกลงที่มหาอำนาจยุโรปต่างๆ พอใจ รู้สึกปลอดภัย สันติภาพจึงเกิด

การทูตแบบ Metternich เป็นต้นแบบแนวคิดของ เฮนรี คิสซิงเจอร์ ที่อยู่เบื้องหลังการเปิดความสัมพันธ์ สหรัฐ-จีน ยุคนิกสัน ที่ฟอร์เรสท์กัมพ์ไปตีปิงปองนั่นแหละ

การสร้างสันติภาพของยุโรปในยุคนั้นสามารถนำมาปรับใช้กับสถานการณ์ปัจจุบัน และน่าจะเป็นแนวทางทำให้เกิดสันติภาพ ไม่ต้องยิงนิวเคลียร์ใส่กันได้

เรื่องที่เป็นประเด็นขัดแย้งตามที่รัสเซียระบุก็คือ ไม่อยากให้นาโต และอาวุธของนาโตมาประชิดชายแดน เพราะขัดแย้งกันเมื่อใด จะกลายเป็นรัสเซียต้องรบกับนาโตทั้งหมด เช่น ถ้ายูเครนเข้านาโตไปแล้วบุกยึดไครเมียคืน เมื่อรัสเซียยิงใส่ยูเครนกลายเป็นเกิดสงครามกับนาโตขึ้นมา

สหรัฐที่ต้องการทำให้รัสเซียอ่อนแอจนแตก เพื่อเข้าครอบครองทรัพยากรของรัสเซีย หากสบโอกาสลากให้เรื่องยาวและยุ่ง ยุให้ยุโรปกับรัสเซียตีกันไปเรื่อยๆ เพื่อผลประโยชน์ของอเมริกา เพื่อจะเป็นเจ้าโลกต่อคนเดียว แต่ปูตินบอกแล้วว่า หากไม่มีที่ให้รัสเซีย ก็ไม่ต้องมีโลกที่ไร้รัสเซีย ก่อนรัสเซียจะแตก คงได้ยิงนิวเคลียร์แลกกันก่อน ตายกันหมด

ทางออกของเรื่องนี้ จึงเป็นการจัดงานแบ่งเขตอิทธิพลแบบ Congress of Vienna ขึ้น ชาติที่เกี่ยวข้องมานั่งแบ่งเขตอิทธิพลกันได้และผลประโยชน์เอาให้ลงตัวให้ได้ ว่าชาติอดีตสหภาพโซเวียตชาติไหนให้อยู่ในนาโต ชาติไหนให้เป็นกลาง ทั้งสหรัฐและรัสเซีย จีน อียูรับรองสถานะนี้  เรื่องก็จบ

อย่าไปคิดครับว่าระบบนั่งคุยกันแบ่งเขตอิทธิพลเป็นเรื่องแปลกในเวทีระหว่างประเทศ เดิมเรื่องในโลกตกลงกันเองระหว่างมหาอำนาจ 2-3 ประเทศเท่านั้นแหละ เพิ่งมายุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สหรัฐสร้างระบบ Multilateralism ขึ้น มีองค์กรระหว่างประเทศด้านต่างๆ รวมถึงนาโต

ที่จริงๆ แล้วก็คุมโดยสหรัฐและชาติยุโรปในเครือมานาน เรื่องนี้จะให้จบ สันติภาพจะให้อยู่ยาว ก็ต้องมานั่งมองหน้าคุยกันให้หมด ไม่ต้องไปแอบนั่งวิเคราะห์เดาใจ ยุยง ดักทางกันไปมา จนเกิด miscalculation ขึ้น ทำให้ชาวโลกเดือดร้อน จะมีขั้นตอนอย่างไร ใครจะเข้ามารอบไหน เป็นรายละเอียดของนักการทูต

นักการทูตมีไว้ทำไม? ประเทศไทยก็น่าจะเผื่อใจไว้ด้วย ถ้าจะต้องเป็นพื้นที่เป็นกลางของงานเจรจาระดับนี้ เพราะตอนนี้แทบไม่เหลือประเทศที่คุยได้กับทุกคน เป็นมิตรกับทุกฝ่ายได้เหมือนไทย

ไทยเป็นชาติ เป็นที่ตั้งของสถานทูตมหาอำนาจและสถานทูตสำคัญของชาวโลก มีเครือข่ายสายลับมาเดินกันพลุกพล่านอยู่แล้ว จากทุกประเทศ ดีกว่าประชุม Apec แบบข้าราชการ forum เดิมๆ ในยุคสงครามนิวเคลียร์ที่ยาวนาน คิดเรื่องใหญ่ๆ บ้าง...” (เครดิต : FB สมเกียรติ โอสถสภา)

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลัทธิผีบุญ .. ภัยร้ายต่อพระศาสนา!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ปัญหาของพุทธศาสนาในปัจจุบันที่ยังเจริญเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ คือ การยึดถือคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากพระสัทธรรมดั้งเดิม...

คุณค่าแท้–คุณค่าเทียม ที่ชาวพุทธควรคำนึง..!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. คำว่า “วิกฤตศรัทธา” เริ่มมีการพูดถึงกันมากในห้วงเวลานี้ ด้วยเหตุปัจจัยในเรื่องนั้น ที่นำไปสู่ความสั่นคลอนในความเชื่อมั่น ที่เคยอบรมสั่งสมมานานในสิ่งนั้นๆ เรื่องนั้นๆ บุคคลนั้นๆ.. ซึ่งนับเป็นเรื่องปกติของวิถีชีวิตสัตว์ทั้งหลายที่พยายามหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ

บูชาพระโอวาทปาติโมกข์ .. ณ เวฬุวันมหาวิหาร ปี พ.ศ.๒๕๖๗

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. กลับมาจาก งานมาฆบูชาโลก ที่เวฬุวันมหาวิหาร พระนครราชคฤห์ แคว้นมคธ พร้อมกับติดเชื้อเป็นของแถม ด้วยมีไวรัสแพร่ระบาดในหมู่คณะที่มีทั้งพระสงฆ์และฆราวาสติดตามไปร่วมร้อยชีวิต

บนเส้นทางมหาปรินิพพาน “มัชฌิมาปฏิปทา สู่ อัปปมาทธรรม”..

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาปสาทะในพระพุทธศาสนา.. บนเส้นทางมหาปรินิพพานของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในปัจฉิมสมัย มีปรากฏร่องรอยธรรมที่ควรศึกษาอย่างยิ่ง

มาฆบูชาโลก ณ เวฬุวันมหาวิหาร ชมพูทวีป (พ.ศ.๒๕๖๗)

เจริญพรศรัทธาสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในห้วงเวลาระหว่าง ๒๒-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ได้เดินทางไปประกอบศาสนกิจอันสำคัญยิ่งในชมพูทวีป บนแผ่นดินเกิดพระพุทธศาสนา เนื่องใน วันมาฆบูชาโลก ซึ่งปีนี้ตรงกับ วันเสาร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ เป็น “วันมาฆบูชาปูรณมี”

“มายาสาไถย..” ..ในสังคมปัจจุบัน!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ย่อมมีประโยชน์ ๓ ระดับ ได้แก่