ฉากหลังการเมือง สูตร 500 หาร ปาร์ตี้ลิสต์ สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร

ยังต้องติดตามต่อไปว่าสุดท้าย สูตรคำนวณ ส..ระบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ ในร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งที่ประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีมติด้วยเสียงข้างมากเห็นชอบให้ใช้สูตรนำตัวเลข 500 ไปหารคะแนนบัตรเลือกตั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อทั่วประเทศของทุกพรรคการเมือง เพื่อนำมาหาสัดส่วนจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อและจำนวน ส.ส.พึงมีของแต่ละพรรคการเมือง 

ซึ่งในทางการเมือง หากสุดท้ายสูตรดังกล่าวผ่านฉลุยจนประกาศใช้เป็นกฎหมาย จะมีผลต่อการเลือกตั้งและทิศทางการเมืองในอนาคตมากพอสมควร เช่น การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง จึงทำให้เรื่องดังกล่าวตกอยู่ในความสนใจของสังคมและแวดวงการเมืองอย่างมาก

นพ.ระวี มาศฉมาดล ส..ระบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ของรัฐสภา ที่ต่อสู้และเคลื่อนไหวเรื่องสูตร 500 หารดังกล่าวมาตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา  ซึ่งเดิมทีหลายคนไม่เชื่อว่าจะสำเร็จ แต่สุดท้ายก็สำเร็จจนได้ กับการที่สามารถพลิกกระดานล้มสูตร 100 หารคะแนนบัตรปาร์ตี้ลิสต์ และทำให้สูตร 500 หารชนะในการโหวตวาระสองได้สำเร็จ

โดย หมอระวี กล่าวหลังเราถามว่า หากสุดท้ายถ้าร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ออกมาประกาศใช้เป็นกฎหมายโดยใช้สูตร 500 หารดังกล่าว ทิศทางการเมืองไทยจะเป็นอย่างไร โดยคำถามนี้ นพ.ระวี หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ให้ทัศนะว่า ถ้าสูตรหาร 500 มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย จนมีผลบังคับใช้กับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น  ระบบการคิดคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อแบบหาร 500  จะเป็นการสกัดกั้น ที่ไม่ใช่การสกัดกั้นแลนด์สไลด์ แต่เป็นการสกัดกั้น เผด็จการรัฐสภา จากทุกพรรคที่จะได้เสียงข้างมากในอนาคต เพราะถ้าพรรคการเมืองใดก็แล้วแต่ได้คะแนนเสียงจากการได้ ส.ส.ระบบเขตมากเกิน ส.ส.พึงมีที่พรรคตัวเองได้ ก็จะไม่ได้รับ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อจากการคิด ..พึงมี ที่เป็นเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันปี 2560 ที่ถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 91  เดิมที่มีการแก้ไขไปแล้ว รวมถึงในมาตรา 93 และมาตรา  94 ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

ตรงนี้คือจุดที่สำคัญอันดับหนึ่ง ยกเว้นถ้ามีพรรคการเมืองใดมีความโดดเด่นขนาดได้ ส.ส.ระบบเขตเยอะมาก  และยังได้คะแนนพรรคในบัตรบัญชีรายชื่อแบบถล่มทลาย  เช่นผลการลงคะแนนเสียงของประชาชนทั่วประเทศ มีคนลงคะแนนเสียงให้พรรคดังกล่าวระดับร่วม 60 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนเลือกตั้งทั้งหมดทั่วประเทศ

พรรคการเมืองดังกล่าวก็อาจจะได้ ส.ส.ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อรวมกันร่วม 60 เปอร์เซ็นต์ของจำนวน ส.ส.ที่มีในสภา 500 คน ก็คือประมาณ 300 ที่นั่งในสภา

ที่ก็หมายถึงหากพรรคดังกล่าวได้ ส.ส.เขตมาแล้ว  250 คน พรรคดังกล่าวก็สามารถมี ส.ส.บัญชีรายชื่อถึง 50  คนจาก 100 คนได้ เพราะฉะนั้นสูตร 500 หาร จึงไม่ใช่ระบบที่จะไปทำให้ไม่มีทางที่พรรคการเมืองใดจะได้ ส.ส.เกินครึ่งหนึ่งของ 500 คน เพราะหากพรรคการเมืองใดมีความโดดเด่น มีความซื่อสัตย์สุจริต ประชาชนยอมรับ  พรรคการเมืองดังกล่าวนั้นก็ยังมีโอกาสได้ ส.ส.เกินกึ่งหนึ่ง 250 คนได้ 

สอง ระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม ซึ่งเคยอยู่ในเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็จะกลับคืนมา หลังจากหายไปตอนที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ที่ไปแก้ให้ใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ แล้วกรรมาธิการเสียงข้างมากก็จะให้ใช้ 100 หารคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ จนเจตนารมณ์เรื่องจัดสรรปันส่วนผสมถูกตัดทิ้งไป แต่ถ้าสูตร  500 หารมีผลทางกฎหมาย ก็จะถูกดึงกลับมาใหม่

สิ่งที่ส่งผลต่อประชาชนก็คือ ระบบใหม่ดังกล่าวจะเหมือนกับระบบที่ใช้ในการเลือกตั้งปี 2562 นั่นก็คือเปิดโอกาสให้ประชาชนกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ชาวนา เกษตรกร และอื่นๆ ที่เขารวมตัวได้แล้วตั้งพรรคการเมืองแล้วส่งคนลงเลือกตั้ง จนได้คะแนนพอสมควรตามหลักเกณฑ์ พรรคการเมืองดังกล่าวเหล่านั้นก็จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แม้อาจจะได้หนึ่งคนแต่ก็เข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร โดยเข้าไปนั่งในสภาเพื่อทำหน้าที่สะท้อนปัญหาของกลุ่มเขาในสภา

ผมยกตัวอย่างให้เห็นแบบรูปธรรม เช่นในสภาตอนนี้ มี ส.ส.ที่เป็นชาวม้ง สังกัดพรรคก้าวไกลอยู่คนหนึ่ง เขาเข้าไปเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชงฯ ของสภาผู้แทนราษฎรกับผม ซึ่งพอพูดถึงเรื่องกัญชง มันเป็นวิถีชีวิตของเขาอยู่แล้ว ที่เขาปลูกกัญชงแล้วเอาเส้นใยมาทอเสื้อผ้า เอาไม้มาทำประโยชน์ เขาก็พูดเหมือนกับตามองเห็น แล้วเขาก็ให้ความเชื่อมั่นได้ว่า ในหมู่บ้านของเขาที่ปลูกกัญชงไม่มีใครเสพหรือติดกัญชาเลย

นพ.ระวี กล่าวต่อไปว่า ระบบจัดสรรปันส่วนผสมจะเกิด ปรากฏการณ์ที่ 3 ขึ้นมา ก็คือในสภาจะประกอบด้วยพรรคการเมืองจำนวนมาก เหมือนกับการเลือกตั้งเมื่อปี  2562 ที่ผ่านมา โดยอาจจะมี ส.ส.พรรคเล็กพรรคน้อยจำนวนหนึ่งที่เราไม่รู้ว่าคราวหน้าจะได้เท่าใด แต่น่าจะน้อยกว่าหลังเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เพราะจำนวน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลดน้อยลง จาก 150 คนเหลือ 100 คน แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้น ที่จะเหมือนกับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาก็คือ หากคนจากพรรคเล็กเหล่านี้ได้เข้าร่วมรัฐบาล เวลามีมติของรัฐบาลในการลงมติออกเสียงเรื่องใดก็แล้วแต่ ซึ่งหากรัฐบาลบอกให้ทำเรื่องที่มิชอบ

ผมขอยกตัวอย่างเช่นเรื่องการลงมติออกเสียงของส.ส.ต่อร่างแก้ไข พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต หรือร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ที่พรรคก้าวไกลเสนอเข้ามาให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา เพื่่อป้องกันและแก้ไขเรื่องนายทุนผูกขาดการผลิตเหล้าเบียร์ในเมืองไทย ทลายกำแพงนี้ซึ่ง ส.ส.กลุ่มพรรคเล็กเห็นว่าเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ หรือกรณีการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียมของกลุ่ม LGBT ที่เราเห็นว่าควรให้สิทธิกับเขาเหมือนกับชายหญิง คนทั่วไปในการแต่งงาน กลุ่มพรรคเล็กก็ไปโหวตออกเสียงสนับสนุนการเสนอร่าง พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับในสภาในวาระแรก เพื่อให้ไปคุยกันในชั้นกรรมาธิการของสภา แทนที่จะไปลงมติตีให้ตกตั้งแต่วาระแรก ที่แสดงให้เห็นว่า ส.ส.พรรคเล็กที่เป็นตัวแทนประชาชนสามารถโหวตได้ตามเนื้อผ้า ตามสิ่งที่เห็นว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน

หรืออย่างในการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เช่นกัน หากสมมุติว่าถ้าไม่มี ส.ส.กลุ่มพรรคเล็ก ถ้าในสภามีแต่พรรคใหญ่ พรรคร่วมรัฐบาลก็จะมีแต่ ส.ส.ที่มีคนในกลุ่มหรือในพรรคเข้าไปนั่งเป็นคณะรัฐมนตรี แล้วปรากฏว่าสมมุติ หากมีรัฐมนตรีในพรรคร่วมรัฐบาลบางคนที่ประพฤติมิชอบ  ฝ่ายค้านนำข้อมูลมาเปิดโปงในสภา โดยรัฐมนตรีตอบไม่ได้ แบบนี้ถามว่า ส.ส.ที่อยู่พรรคการเมืองเดียวกับรัฐมนตรีคนดังกล่าว กล้าโหวตไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีพรรคการเมืองที่อยู่พรรคเดียวกันหรือไม่ และ ส.ส.ที่อยู่พรรคอื่นแต่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนกัน โดยรัฐมนตรีของพรรคตัวเองก็ถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเช่นกัน ส.ส.เขาจะกล้าไม่โหวตไว้วางใจให้รัฐมนตรีพรรคตัวเองและพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เพราะหากไม่โหวตไว้วางใจให้ พรรคร่วมรัฐบาลก็จะแตกกัน เกิดความไม่พอใจต่อกัน

อันนี้คือตัวอย่าง ซึ่งกรณีแบบนี้มีการเขียนไว้เป็นบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญชัดเจนที่ให้ ส.ส.ต้องมีเอกสิทธิ์ในการลงมติ ที่อยู่ในมาตรา 114 ที่บัญญัติว่า

"สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงําใดๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์"

แต่ถ้าไม่มีกลุ่มพรรคเล็กเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้ไม่เกิด ถ้าจะเกิดก็อาจจะเป็นนาทีสุดท้าย รัฐบาลกำลังจะแตก เรือแป๊ะถูกเจาะ พรรคนี้ก็โหวตคว่่ำพรรคหนึ่ง แล้วอีกพรรคหนึ่งก็มาโหวตคว่่ำไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีอีกพรรคหนึ่ง แต่ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย จะไม่มีทางที่จะไม่กล้าโหวตไว้วางใจให้กัน

ทั้งหมดคือสิ่งสำคัญสามอย่างที่จะเกิดขึ้น หากมีการใช้ระบบสูตรหาร 500 ปาร์ตี้ลิสต์ ที่ต้องขอย้ำว่า สิ่งที่ผมต่อสู้ ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อช่วงชิงเวทีให้กับ ส.ส.ที่เป็นนักการเมือง แต่สิ่งที่ผมต่อสู้ เรียกว่าทำให้รัฐธรรมนูญกินได้ ทำให้รัฐธรรมนูญเป็นผลประโยชน์ต่อประชาชนทั่วประเทศจริงๆ จากสามเหตุผลข้างต้น

สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร จะนับได้ต้องหลัง 30 สิงหาคม ถ้าทุกอย่างผ่านฉลุยหมด ไม่เกิดอุปสรรค ถึงตอนนั้นก็นับศพทหารได้ ไปเปิดดู ที่นอนอยู่ในโลง ที่เขาบอกว่า สูตร 500 ถูกตอกฝาโลงไว้แล้ว ไปเปิดดู เป็นทหารจากฝ่ายไหน...ที่เราชนะได้ ผมต้องใช้คำว่า พระสยามเทวาธิราชมีจริง

สงครามยังไม่จบ

ฝ่าอีก 3 ด่านชี้ชะตาสูต500 หาร

-เห็นบอกว่าเรื่องสูตร 500 หาร ถึงตอนนี้ยังประกาศชัยชนะไม่ได้เพราะสงครามยังไม่นับ อย่าเพิ่งนับศพทหาร ถ้าเช่นนั้นประเมินเส้นทางการเมืองแล้วสูตร 500 จะฝ่าด่านต่างๆ ได้หรือไม่?

ที่ย้ำว่าสงครามยังไม่นับจบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร ก็เพราะว่าบางคนอาจเข้าใจว่าเราชนะโหวตเรื่องนี้ในวาระสองแล้ว ก็บอกให้ผมประกาศชัยชนะได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วผมก็อยากจะย้ำว่า ชัยชนะนี้ไม่ใช่ชัยชนะของหมอระวี ไม่ใช่ชัยชนะของพรรคพลังธรรมใหม่ ชัยชนะนี้เกิดได้เป็นชัยชนะของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะถ้าไม่มี ส.ส.กลุ่มพรรคเล็กที่ช่วยกันล็อบบี้ทั้ง ส.ส.และสมาชิกวุฒิสภา  ถ้าไม่มี ส.ว.ที่เขาเป็นกลาง ไม่มีผลประโยชน์เรื่องพรรคการเมือง แล้วเขาได้เข้ามาเห็นได้มารับทราบว่าสิ่งที่เราทำเป็นเหตุเป็นผล ไม่ตรงกับที่ถูกกล่าวหาว่าหาร 500 เป็นผู้ร้าย จนเขาเข้าใจเรา

อย่างไรก็ตาม กว่าที่เขาจะเข้าใจเชื่อไหมใน ส.ว. 250  คนที่มีพวกเราพรรคเล็กและ ส.ว.ด้วยได้เข้าไปคุย รวมถึงส.ส.ในสภาสี่ร้อยกว่าคน พวกเราพรรคเล็กก็ได้มีโอกาสไปพูดคุย ไปอธิบายซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายเดือน แล้วก็มีพรรคเล็กที่อยู่นอกสภา ที่ก็เป็นแนวร่วมในการสนับสนุน ครั้งนี้จึงเป็นชัยชนะของประชาชนจริงๆ

ของเราที่ชนะ เป็นการสกัดพรรคใหญ่ที่จะได้ ส.ส.เขตเยอะๆ แล้วได้บัญชีรายชื่อน้อย ผมก็ขอขอบคุณพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ซึ่งคนที่เป็นคอการเมือง ตามข่าวการเมือง คงจะได้ยินข่าวมาบ้างว่า พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา เลือกตั้งรอบหน้า เขาจะมีจำนวน ส.ส.เขตเพิ่มขึ้น เพราะเขาไปขยายงานด้านเขตเลือกตั้งไว้เยอะมาก เขาพร้อมมาก มีกระแสด้วย  ผลก็คือถ้าเขาได้ ส.ส.เขตเยอะจริง แล้วเขามาร่วมเอาด้วยกับระบบหาร 500 อย่างที่เป็นตอนนี้ พรรคพวกเขาจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อย อาจจะไม่ได้เลย หรือได้สัก 1-2 คน  ได้ไม่เกินห้าคน แต่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลจากภูมิใจไทย  ชาติไทยพัฒนา ก็ยังมาร่วมโหวตสนับสนุนให้ใช้สูตร 500  ผมก็ต้องเคารพจิตใจหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ที่ยอมจะได้ ส.ส.น้อยลงกว่าที่ควรจะได้บ้าง แต่สิ่งสำคัญคือเขานึกถึงประเทศชาติ 

นพ.ระวี ย้ำว่า ที่บอกว่าสงครามยังไม่จบก็เพราะ หลังจากนี้ก็ต้องไปรอผลการลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ในวาระสาม ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ที่ต้องใช้เสียงเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภารวมกันคือ ส.ส.และ ส.ว.ที่ต้องเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ แต่ดูจากคะแนนเสียงโหวตวาระสองเมื่อ 6 ก.ค.ก็คิดว่าคงจะผ่านวาระสาม

จากนั้นมาดูด่านต่อไป เพราะรัฐสภาต้องส่งร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ที่ผ่านรัฐสภาวาระสามไปให้องค์กร ดังนี้คือ ศาลฎีกา, ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องที่ก็น่าจะเหลือองค์กรเดียวคือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยต้องส่งไปภายในไม่เกินสิบห้าวันหลังโหวตวาระสาม

3 องค์กรดังกล่าวหลังจากได้รับร่างจากประธานรัฐสภาแล้ว ต้องตอบกลับภายในไม่เกินสิบวัน ไทม์ไลน์ตรงนี้น่าจะอยู่ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม โดยหากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาดูแล้วมาตราที่แก้ไขเรื่องระบบคำนวณ ส.ส.ไม่มีปัญหาอะไร หรือเห็นว่าบางถ้อยคำขัดรัฐธรรมนูญเล็กน้อยแต่ยังใช้ได้ และในแง่ปฏิบัติ กกต.ยืนยันความเห็นมายังรัฐสภาว่าไม่มีปัญหา หาร 500 สามารถคำนวณ ส.ส.ได้ ซึ่งเรื่องนี้ขอยืนยันว่า ระบบหาร 500 สามารถคำนวณส.ส.ให้อยู่ในเกณฑ์ตามจำนวนที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญได้แน่นอน เพราะมีการไปทดลองคำนวณตามสูตรที่ขอสงวนความเห็นไว้ในร่างของคณะกรรมาธิการที่เสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกรัฐสภาเห็นชอบ โดยหากทั้งหมดเป็นไปตามนี้คือผ่านหมด กรอบเวลาตรงนี้น่าจะอยู่ในช่วง 20-25  สิงหาคม ประธานรัฐสภาก็ส่งเรื่องไปให้นายกรัฐมนตรี และเมื่อนายกรัฐมนตรีรับร่างแล้วก็รออีกห้าวันคือ 25-30  สิงหาคม ถ้าไม่มีฝ่ายใดไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ นายกฯ ก็นำร่างขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายได้เลย

"ดังนั้นผมถึงบอกว่า สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร จะนับได้ต้องหลัง 30 สิงหาคม ถ้าทุกอย่างผ่านฉลุยหมด ไม่เกิดอุปสรรค ถึงตอนนั้นก็นับศพทหารได้ ไปเปิดดูได้ที่นอนอยู่ในโลง ที่เขาบอกว่าสูตร 500 ถูกตอกฝาโลงไว้ ถึงตอนนั้นไปเปิดโลงดูได้เป็นทหารจากฝ่ายไหน"

ฉากหลังการเมือง ก่อนชนะโหวต

-มั่นใจมากน้อยแค่ไหนว่าสูตร 500 หาร จะฝ่าด่านศาลรัฐธรรมนูญได้?

เมื่อประธานรัฐสภาส่งร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ศาลก็อาจต้องการได้ข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย (กรรมาธิการเสียงข้างมากกับกรรมาธิการเสียงข้างน้อย) ซึ่งเรื่องนี้ก็มีเอกสารคำอภิปรายของกรรมาธิการในที่ประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อ 6  ก.ค.ไว้หมด แต่หากศาลต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถเรียกเราไปให้ข้อมูลได้ ผมก็พร้อมเสมอ เพราะสิ่งที่เราทำ เราได้กลั่นกรองอย่างละเอียด เราถึงกล้าไปพูดกลางห้องประชุมรัฐสภา โดยทุกประเด็นถูกตรวจสอบมาก่อนหมด  เพราะประเด็นที่เราอภิปรายเรื่อง 500 หาร หากไม่เป็นความจริงเราตกม้าตายไปแล้ว

ก็มีสมาชิกวุฒิสภา เขาไปตรวจละเอียดยิบเลย เช่นมาตรานี้เขียนไว้แบบนี้ เจตนารมณ์ว่าอย่างไร ซึ่งการยกประเด็นข้อกฎหมายของฝ่าย 500 มาสนับสนุน อีกฝ่ายก็ปิดปากเราตั้งแต่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ  มาบอกว่า "หมอระวีไม่มีสิทธิ์ยกเรื่องหาร 500 มาสู้ในที่ประชุมกรรมาธิการ มาบอกว่าสิ่งที่ผมเสนอมันผิดหลักการ เพราะในร่าง พ...เลือกตั้ง ส.. ที่เสนอให้รัฐสภาพิจารณาที่ส่งมาสี่ร่าง ให้ใช้ 100 หารหมด หมอระวีมาเสนอ  500 ได้ยังไง ผิดหลักการ เอามาพิจารณาในห้องประชุมไม่ได้"

เราก็ต้องเอาเหตุผลไปโต้เขา เช่น ตอนเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ตอนนั้นร่างที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมร่วมรัฐสภาวาระแรก (ร่างของพรรคประชาธิปัตย์) เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญแค่สองมาตรา แต่กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้งที่เกินครึ่งหนึ่งเลย  ตอนนั้นเป็นอดีตกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ยังไปเสนอแก้ไขร่วม 7-8 มาตราเลย  แต่ตอนเช้าก่อนร่างจะเข้า จะให้ที่ประชุมโหวตกรรมาธิการถึงกับต้องเรียกประชุมฉุกเฉิน เพราะกลัวถูกที่ประชุมตีตก  เลยรีบแก้ไขตัดออกเหลือให้แก้ไขแค่ 3 มาตรา ทำไมพวกคุณยังทำได้เลย

-คิดว่าอะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตอนพิจารณาวาระสอง เสียงส่วนใหญ่พลิกกลับมาหนุนสูตร 500  หารมากกว่าสูตร 100 หาร?

บอกตรงๆ กลุ่มพรรคเล็กเราต่อสู้ด้วยความเดียวดาย  เพราะว่าหลังจากสู้เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนจากบัตรเลือกตั้งหนึ่งใบเป็นบัตรสองใบแล้วเราแพ้ เราไม่สามารถรวบรวมรายชื่อสมาชิกรัฐสภาได้ 50 คนเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อคว่่ำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อเราแพ้ เราก็กลับมาคิดว่า หากใช้บัตรสองใบ แต่ใช้ 500 หาร เป็นระบบ MMP แบบเยอรมนี ก็เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ  และยังคงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทั้งเรื่อง ส.ส.พึงมี, จัดสรรปันส่วนผสม, รัฐธรรมนูญปราบโกง อาจจะมีหายไปครึ่งหนึ่ง ก็คือคะแนนเสียงตกน้ำ เพราะระบบ MMP คะแนนในบัตรเลือกตั้ง ส.ส.ระบบเขตยังตกน้ำอยู่ เพราะเอาแต่คะแนนของคนที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งให้ได้เป็น ส.ส.

ในท่ามกลางการต่อสู้ เชื่อไหมผมต้องคุยกับสมาชิกวุฒิสภาเป็นร้อยคน คุยกับ ส.ส.เป็นร้อยคน พวกเราพรรคเล็กแบ่งงานกัน ทุกคนเหนื่อย พบใครก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจทีละคน ต้องคุยออกสื่อเช่นให้สัมภาษณ์ไทยโพสต์ก่อนหน้านี้ หรือไปออกทีวี จนบางที่บอกว่าผมพูดเรื่อง 500 หารครั้งที่สามแล้ว ต้องไปอธิบาย  ใช้เวลานานมากหลายเดือนในการสู้เรื่องนี้ เผอิญว่าร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ที่เข้าพิจารณาก่อนหน้านี้ใช้เวลาไปร่วม 3 สัปดาห์ เลยทำให้มีเวลาพูดคุยกันมากขึ้น

"ที่เราชนะได้ ผมต้องใช้คำว่า พระสยามเทวาธิราชมีจริง คือพระสยามเทวาธิราชทำให้เกิดปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ในกรุงเทพมหานคร หรือทำให้เกิดปรากฏการณ์อุ๊งอิ๊ง ที่เปิดตัวได้ไม่กี่วัน โพลให้เป็นนายกรัฐมนตรีแซงหน้าพลเอกประยุทธ์ และปรากฏการณ์อีกหลายอย่าง เช่น ทักษิณ ชินวัตร กับเพื่อไทยพลาดทางยุทธวิธี หลังรุกแหลก พอรัฐธรรมนูญถูกแก้ไข ก็ประกาศแผนการแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน

ก่อนหน้านี้ผมได้เคยเปิดเผยยุทธการทักษิณ เรื่องการกินทีละคำ สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันทำให้พลเอกประวิตร, พลเอกประยุทธ์ และบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลต้องคิดแล้วว่าจะเอาอย่างไร จึงเกิดปรากฏการณ์ที่ผมบอกช่วงต้น ที่พรรคการเมืองหลายพรรคยอมเสียสละ แม้พรรคตัวเองจะได้ ส..น้อยลง ไม่เป็นไร แต่ให้ประเทศอยู่ได้ ถ้าไม่มีปรากฏการณ์เหล่านี้ พรรคขนาดเล็ก พรรคพลังธรรมใหม่ หมอระวี แพ้แน่นอน".

โดย วรพล กิตติรัตวรางกูร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“มิจฉาธรรม .. ในอสัตบุรุษที่น่ากลัวยิ่ง”

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา สงกรานต์ร้อนที่เข้าสู่จุลศักราช ๑๓๘๖ เถลิงศกตรงกับ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๗ นับว่าร้อนแล้ง ตรงกับคำพยากรณ์ที่พร้อมเกิดพายุร้อนได้ในทุกพื้นที่ เป็นการแสดงสภาวะผันผวนที่เนื่องมาจากวิกฤตร้อนของโลก (Climate Change) ที่หลายฝ่ายเฝ้าสังเกตการณ์ด้วยความเป็นห่วงว่า มนุษยชาติจะผ่านวิกฤตโลกร้อนไปได้หรือไม่..

สู่.. โครงการพระคืนสู่ป่า น้อมถวายเป็นพระราชกุศลฯ

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในห้วงเวลาที่อากาศร้อนจัด จนเข้าสู่วิกฤตการณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสานของประเทศ

สู่.. โครงการพระคืนสู่ป่า.. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในภาวะที่เข้าสู่วิกฤตการณ์โลกร้อน.. ด้วยภาวะการเปลี่ยนแปลงแบบผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติปกติ (Climate Change) อันเป็นผลจากการกระทำของมนุษยชาติ ทั้งในทางตรงและทางอ้อม จึงได้ถือโอกาสคิดทำโครงการนำพระคืนสู่ป่า.. เพื่อศึกษาวงจรธรรมชาติของชีวิตที่เนื่องกับสิ่งแวดล้อม อันประกอบด้วยสรรพสิ่งต่างๆ ที่เกาะเกี่ยวเนื่องกันอย่างมีความสมดุล (Nature Cycle in Balance)

ลัทธิผีบุญ .. ภัยร้ายต่อพระศาสนา!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ปัญหาของพุทธศาสนาในปัจจุบันที่ยังเจริญเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ คือ การยึดถือคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากพระสัทธรรมดั้งเดิม...

คุณค่าแท้–คุณค่าเทียม ที่ชาวพุทธควรคำนึง..!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. คำว่า “วิกฤตศรัทธา” เริ่มมีการพูดถึงกันมากในห้วงเวลานี้ ด้วยเหตุปัจจัยในเรื่องนั้น ที่นำไปสู่ความสั่นคลอนในความเชื่อมั่น ที่เคยอบรมสั่งสมมานานในสิ่งนั้นๆ เรื่องนั้นๆ บุคคลนั้นๆ.. ซึ่งนับเป็นเรื่องปกติของวิถีชีวิตสัตว์ทั้งหลายที่พยายามหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ

บูชาพระโอวาทปาติโมกข์ .. ณ เวฬุวันมหาวิหาร ปี พ.ศ.๒๕๖๗

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. กลับมาจาก งานมาฆบูชาโลก ที่เวฬุวันมหาวิหาร พระนครราชคฤห์ แคว้นมคธ พร้อมกับติดเชื้อเป็นของแถม ด้วยมีไวรัสแพร่ระบาดในหมู่คณะที่มีทั้งพระสงฆ์และฆราวาสติดตามไปร่วมร้อยชีวิต