น้อมถวายแผ่นดิน (สถานทูต) ไทย บูชาพระพุทธศาสนา แด่คณะสงฆ์ (ไทย) ณ นครนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒

เจริญพรศรัทธาสาธุชนในพระพุทธศาสนา... เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตรงกับ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ (กฤติกา) ซึ่งเป็น วันปรินิพพานพระสารีบุตรเถรเจ้า พระอัครสาวกเบื้องขวา เอตทัคคะทางด้านผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายทางปัญญา ได้มี การก่ออธิการกุศลขึ้นบนแคว้นกุรุ ชมพูทวีป ปัจจุบัน ได้แก่ นครนิวเดลี/อินเดีย ซึ่งแคว้นกุรุในอดีต มีหมู่บ้านหนึ่งชื่อ “กัมมาสธัมมนิคม” อันเป็นสถานที่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทับ ทรงแสดงพระธรรมคำสั่งสอนแด่พระภิกษุและมหาชนชาวแคว้นกุรุ อันปรากฏหลักฐานอยู่ในพระไตรปิฎก โดยเฉพาะพระสูตรที่ชื่อว่า “มหาสติปัฏฐานสูตร” ดังพระคาถาต้นพระสูตรที่กล่าวว่า

“เอวัมเม สุตัง เอกัง สะมะยัง ภะคะวา กุรูสุ วิหะระติ กัมมาสะธัมมัง นามะ กุรูนัง นิคคะโม......”

จากพระธรรมคำสั่งสอนบนแคว้นกุรุที่ปรากฏเป็นหลักฐานในพระไตรปิฎกในหลายเรื่องราว.. จึงยืนยันได้ว่า ชาวแคว้นกุรุในชมพูทวีปมีความเลื่อมใสศรัทธาพระพุทธศาสนายิ่ง หรือกล่าวในอีกนัยหนึ่งได้ คือ พระพุทธศาสนาหยั่งรากลงลึกประดิษฐานบนแผ่นดินแคว้นกุรุอย่างมั่นคง สืบเนื่องยาวนานจนถึงวาระสุดท้ายของพระพุทธศาสนา ที่ได้เข้าสู่วาระสูญสิ้นไปจากชมพูทวีป

แม้จะมีการนำพระพุทธศาสนาเข้ามาเผยแผ่ในชมพูทวีปอีกครั้ง โดยความยินยอมของ รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งเป็น รัฐบาลฮินดู เมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๐ ในสมัย ท่านยาวาฮาร์ลาล เนห์รู นายกรัฐมนตรีคนแรกของสาธารณรัฐอินเดีย

แต่ก็มิเคยมีปรากฏการณ์การน้อมถวายแผ่นดินจากฝ่ายอาณาจักร เพื่อบูชาพระพุทธศาสนาอย่างเป็นทางการ ดังที่ พุทธกษัตริย์ ผู้ปกครองแผ่นดินเคยถือปฏิบัติกันมาจนเป็น ราชประเพณี

แม้ว่าจะมีการสร้างวัดวาอารามของพระพุทธศาสนามากขึ้นในสาธารณรัฐอินเดีย แต่ก็เป็นไปด้วยวิธีการซื้อขายหรือการเช่าจ่ายค่าตอบแทน เพื่อรักษาไว้ซึ่งสิทธิ์การครองแผ่นดินภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญของสาธารณรัฐอินเดีย

จึงแตกต่างไปจาก.. อธิการกุศลที่เกิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ตรงกับ วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เมื่ นายธีรภัทร มงคลนาวิน ทำหน้าที่อุปทูตแห่งสถานทูตไทยในกรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย พร้อมกับเจ้าหน้าที่และชาวไทยที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ณ สถานทูตไทย ได้พร้อมใจกันกล่าวถวายแผ่นดิน ณ สถานทูตไทยแด่คณะสงฆ์ อันมี พระราชวัชรสุทธิวงศ์ (พระ อ. อารยวังโส) เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จ.ลำพูน เป็นประธาน เพื่อการใช้สอยพื้นที่ดังกล่าวในการกระทำสังฆกรรม.. อันเป็นไปตามพระธรรมวินัย.. ซึ่งภายหลังจากพระสงฆ์กระทำสาธุการและอธิษฐานใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็น อพัทธสีมา ประกอบสังฆกรรม.. จนเสร็จสิ้นไปด้วยความเรียบร้อย สวยงาม แล้วนั้น.. ในยามค่ำของวันดังกล่าว ฝนฟ้าได้ตกลงมาอย่างหนัก ท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า อย่างไม่เคยปรากฏมานาน.. ชำระล้างความสกปรกของสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองที่ติดอันดับต้นของโลก ของนครนิวเดลี อินเดีย

สภาพอากาศได้ปรับเปลี่ยนเป็นหนาวเย็นอย่างสะอาดโดยฉับพลัน ทำเอาเจ้าหน้าที่สถานทูต.. และชาวอินเดียที่ทราบเรื่อง ล้วนมีความยินดียิ่งกับอานิสงส์การประกอบสังฆกรรมบนแผ่นดินพระพุทธศาสนา ที่กลับคืนมาอีกครั้ง ดังรายละเอียดดังเอกสารที่บันทึกอ้างอิงไว้ดังต่อไปนี้

รูปภาพ

 

แผ่นดินพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นอีกครั้ง

ในแคว้นกุรุ ชมพูทวีป

“...พระสงฆ์จำนวน ๔ รูป นำโดย ท่านเจ้าคุณหลวงพ่ออารยวังโส (พระราชวัชรสุทธิวงศ์) เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธรรมยุต) ในพระราชูปถัมภ์ ซึ่งได้รับอาราธนานิมนต์ไปร่วมประชุมพุทธศาสนานานาชาติที่นครนิวเดลี อินเดีย ได้ร่วมลงอุโบสถประกอบสังฆกรรม ฟังสวดปาติโมกข์ ณ ปริมณฑลพระมหาโพธิ์ในสถานทูตไทย ณ นครนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย โดยมี นายธีรภัทร มงคลนาวิน ทำหน้าที่อุปทูตไทย (ในขณะนั้น) เป็นผู้แทนสถานทูตไทย กล่าวถวายพื้นที่ในสถานทูต ในฐานะเขตแดนราชอาณาจักรไทย เพื่อภิกษุสงฆ์จักได้รับเพื่อประกอบสังฆกรรมปฏิบัติศาสนกิจได้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย

ทั้งนี้ โดยถือสิทธิ์ตามกฎหมายว่าแผ่นดินที่ตั้งสถานทูตไทย คือ ราชอาณาจักรไทย .. ภายใต้พระปรมาภิไธยในรัชกาลปัจจุบัน

การน้อมถวายพื้นที่ในสถานทูตไทยในครั้งนี้แก่คณะสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เฉกเช่นเดียวกับ การถวายแผ่นดินไทยไว้รองรับพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นพุทธมามกะและอัครศาสนูปถัมภก ภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ทั้งนี้ เพื่อพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาจะได้ถือใช้ประโยชน์ตามพระธรรมวินัย เพื่อการสืบสานพระศาสนธรรม เพื่อการสืบเนื่องพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบต่อไปในโลกนี้

นับเป็นประวัติศาสตร์ที่ควรจดบันทึกไว้ อันเนื่องจากการเกิดขึ้นในเขตพุทธภูมิ (ชมพูทวีป) ที่มีการประกาศแผ่นดินพระพุทธศาสนาให้เกิดขึ้นอย่างถูกต้องตามอริยประเพณีในพระพุทธศาสนา อันเกิดขึ้นบนแผ่นดินในแคว้นกุรุ ชมพูทวีป สาธารณรัฐอินเดียในปัจจุบัน...”

โดยสถานทูตไทย ได้ดำเนินการแทนราชอาณาจักรไทย เพื่อกระทำสถานที่ในเขตสถานทูตให้เป็นเขตแดนพระพุทธศาสนา เพื่อรองรับการปฏิบัติศาสนกิจของพระสงฆ์ที่ต้องถูกต้องตามพระธรรมวินัย

ทั้งนี้ การที่พระสงฆ์ได้รับเขตพื้นที่ในสถานทูตเพื่อกระทำสังฆกรรมนั้น จัดอยู่ในประเภท อพัทธสีมา ด้วยปริมณฑลในนิคมหรือคามะนั้น ปราศจากวัดวาอารามและพระภิกษุสงฆ์พักอาศัย ซึ่งทรงอนุญาตให้กำหนดเขต เขตบ้าน (คาม) เขตนิคม (หมู่บ้านหรือตำบล) ที่ตนเข้าอาศัยอยู่ ซึ่งฝ่ายบ้านเมืองจัดไว้ เป็นเขตสามัคคีมีสังวาสเสมอกัน มีอุโบสถเดียวกัน ซึ่งจัดเป็นอพัทธสีมาที่สงฆ์สามารถทำสังฆกรรมได้ โดยไม่ยึดถือสิทธิ์เป็นเจ้าของ ดังที่ได้กำหนดพื้นที่ปริมณฑลต้นพระมหาโพธิ์ในสถานทูต เป็นเขตการประกอบสังฆกรรมในกาลครั้งนี้

จึงนับเป็นประวัติศาสตร์ที่ควรบันทึกไว้ บนแผ่นดินพุทธภูมิ ในชมพูทวีป (สาธารณรัฐอินเดีย) ซึ่งพุทธศาสนาสูญสิ้นไปจากชมพูทวีป ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗ เป็นต้นมา

ดังนั้น การประกาศยกเขตพื้นที่ในสถานทูตถวายพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาเพื่อการได้ใช้สอยปฏิบัติศาสนกิจตามพระธรรมวินัย จึงนับเป็นความสำคัญอันยิ่ง ด้วยเป็นการสื่อความหมายว่า นี่คือการยกแผ่นดินในแคว้นกุรุ ขึ้นสู่ความเป็นแผ่นดินของพระพุทธศาสนาอีกครั้ง อันมีผลยิ่ง อานิสงส์ยิ่ง .. ต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อันพึงจะได้ถึงซึ่งอธิการกุศลในครั้งนี้ โดยเฉพาะสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ที่ได้มีโอกาสร่วมอนุโมทนาสาธุการในอธิการกุศลที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินแคว้นกุรุในครั้งนี้

อันควรยิ่งต่อการเผยแพร่ข่าวสารดังกล่าวไปสู่ทุกฝ่าย และสาธุชนทุกท่าน.

เจริญพร

[email protected]

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.เริ่มขยับ พร้อมงัด 'กฎเหล็ก' คุมเข้มเลือก สว. 2567

ความเคลื่อนไหวการได้มาซึ่ง "สมาชิกวุฒิสภา" (สว.) ชุดใหม่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา

พนัส อดีตสว.-อดีตสสร. คัดเลือกสภาสูง 2567 ฝ่ายประชาธิปไตยมีสิทธิลุ้น

ความเคลื่อนไหวการได้มาซึ่ง"สมาชิกวุฒิสภา"(สว.) ชุดใหม่ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ....

อย่าใหญ่เกินธรรมชาติ .. พ่อมหาจำเริญ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา.. ภาวะโลกร้อน (Global warming) .. อันเกิดเนื่องเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่กำลังอยู่ใต้ห้วงวิกฤตการณ์อันเนื่องจากการกระทำของคนเรา

“มิจฉาธรรม .. ในอสัตบุรุษที่น่ากลัวยิ่ง”

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา สงกรานต์ร้อนที่เข้าสู่จุลศักราช ๑๓๘๖ เถลิงศกตรงกับ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๗ นับว่าร้อนแล้ง ตรงกับคำพยากรณ์ที่พร้อมเกิดพายุร้อนได้ในทุกพื้นที่ เป็นการแสดงสภาวะผันผวนที่เนื่องมาจากวิกฤตร้อนของโลก (Climate Change) ที่หลายฝ่ายเฝ้าสังเกตการณ์ด้วยความเป็นห่วงว่า มนุษยชาติจะผ่านวิกฤตโลกร้อนไปได้หรือไม่..

สู่.. โครงการพระคืนสู่ป่า น้อมถวายเป็นพระราชกุศลฯ

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในห้วงเวลาที่อากาศร้อนจัด จนเข้าสู่วิกฤตการณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสานของประเทศ

สู่.. โครงการพระคืนสู่ป่า.. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในภาวะที่เข้าสู่วิกฤตการณ์โลกร้อน.. ด้วยภาวะการเปลี่ยนแปลงแบบผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติปกติ (Climate Change) อันเป็นผลจากการกระทำของมนุษยชาติ ทั้งในทางตรงและทางอ้อม จึงได้ถือโอกาสคิดทำโครงการนำพระคืนสู่ป่า.. เพื่อศึกษาวงจรธรรมชาติของชีวิตที่เนื่องกับสิ่งแวดล้อม อันประกอบด้วยสรรพสิ่งต่างๆ ที่เกาะเกี่ยวเนื่องกันอย่างมีความสมดุล (Nature Cycle in Balance)