เปิดกาสิโน มีโอกาส เกิดในรัฐบาล เศรษฐา แต่ต้องไม่ล็อก-เอื้อกลุ่มใด

คิดว่ารัฐบาลก็คงทำ จากมติของเสียงส.ส.ในสภาฯ ที่รับทราบรายงานดังกล่าวของคณะกมธ.ฯ วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ ของสภาฯ อีกทั้งฐานะทางการคลังของรัฐบาลก็ไม่ค่อยดีนัก จำเป็นต้องหารายได้-หาเงินหาทองเข้ามาใช้ เรื่องการพัฒนาประเทศ ก็มีเหตุผลความจำเป็นที่ต้องทำเรื่องนี้... ถ้ารัฐบาลเดินหน้า เรื่องกาสิโนน่าจะเกิดได้

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ได้ลงมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่อง การเปิดสถานบันเทิงครบวงจร(ENTERTAINMENT COMPLEX)เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ที่ศึกษาและนำเสนอโดย "คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร" ที่มีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังจากพรรคเพื่อไทย  เป็นประธานกมธ.ฯ ซึ่งก็มีข้อเสนอให้มีการเปิดกาสิโนอย่างถูกกฎหมายรวมอยู่ใน ENTERTAINMENT COMPLEX

รายงานดังกล่าว มีการนำเสนอ ร่างพรบ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ ที่ให้มีเรื่องของการเปิดกาสิโน รวมอยู่ด้วย โดยประเด็นดังกล่าว ได้มีส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้านอภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยพบว่ามีเสียงอภิปรายสนับสนุนให้มีการเปิดกาสิโนอย่างถูกกฎหมายจำนวนมาก

โดยหลังจากนี้ สภาฯ จะส่งรายงานฯดังกล่าวไปให้ฝ่ายบริหารคือรัฐบาล ซึ่งหากรัฐบาลเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว ก็จะให้กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎหมายเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรเข้าสภาฯ ขณะที่ พรรคการเมือง ก็จะใช้วิธีให้ส.ส.รัฐบาลร่วมกันลงชื่อเสนอร่างกฎหมายเข้าสภาฯ

มุมมองจากอดีตนักวิชาการสายเศรษฐศาสตร์ ที่ติดตาม ศึกษา-ทำวิจัยเรื่อง "เศรษฐกิจนอกกฎหมาย-การพนันทางเลือก"มายาวนานหลายปี นั่นก็คือ"รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิกวุฒิสภา-ประธานคณะกรรมาธิการ การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมลํ้า วุฒิสภา"ที่ให้ความเห็นถึงการที่ประเทศไทย อาจจะมีการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย ภายใต้การผลักดันของรัฐบาลหรือส.ส.ในสภาฯชุดนี้ว่า

ผมคิดว่ารัฐบาลตอนนี้คงมีความยากลำบากทางการคลังพอสมควรในขณะนี้ คิดว่ารัฐบาลก็คงทำ จากมติของเสียงส.ส.ในสภาฯ ที่รับทราบรายงานดังกล่าวของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ ของสภาฯ อีกทั้งฐานะทางการคลังของรัฐบาลก็ไม่ค่อยดีนัก จำเป็นต้องหารายได้-หาเงินหาทองเข้ามาใช้ เรื่องการพัฒนาประเทศ ก็มีเหตุผลความจำเป็นที่ต้องทำเรื่องนี้

-ที่ผ่านมาเรื่องENTERTAINMENT COMPLEX โดยให้มีกาสิโนด้วย เป็นเรื่องที่พูดกันมาแล้วหลายรัฐบาล แต่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนกล้าตัดสินใจ คิดว่ากับรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน จะกล้าตัดสินใจผลักดันเรื่องนี้หรือไม่?

ตลอดสามสิบปีที่ผ่านมา เกือบจะทุกรัฐบาล มีแต่ข่าวอื้อฉาวเรื่องการทุจริต จึงไม่ค่อยมีความชอบธรรมที่จะทำเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเม็ดเงินจำนวนมหาศาล เรื่องของผลประโยชน์ที่คนในวงการเมืองจะเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงทำให้การผลักดันเรื่องนี้(กาสิโน)ทำได้ยาก

อย่างในอดีตก่อนหน้านี้ สมัยผมเคยไปช่วยพรรคไทยรักไทย ช่วยคุณทักษิณ ชินวัตร ทำเรื่องหวยใต้ดินให้ถูกกฎหมาย ผมก็เสนอคุณทักษิณตอนนั้นว่า เมื่อได้เงินจากหวยใต้ดินมาแล้ว ควรนำเงินดังกล่าวเข้ามาเป็นงบแผ่นดินก่อน แล้วหากอยากได้เงินไปใช้ ก็ไปตั้งโครงการจากงบที่ผ่านสภาฯเรียบร้อยแล้ว แต่คุณทักษิณเวลานั้น เมื่อผมสนับสนุนให้ทำหวยใต้ดินให้ถูกกฎหมาย ก็ปรากฏว่าไม่เอาเข้างบประมาณแผ่นดิน กลับมีการเอาเงินจากหวยใต้ดินไปใช้จ่ายทางการเมืองทันที จนกระทั่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิกฤตรัฐบาล ก็คือเรื่องอื้อฉาวว่านำเงินไปใช้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ภาพลักษณ์นายทักษิณก็เสียหาย ทำให้โอกาสของรัฐบาลชุดต่อๆมา ในการที่จะเข้าไปทำเรื่องการพนันให้ถูกกฎหมาย ก็ไม่ค่อยชอบธรรม เพราะคนไม่เชื่อถือรัฐบาล ประกอบกับเกิดวิกฤตการเมืองอย่างต่อเนื่องในช่วงเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา จึงทำให้ไม่มีรัฐบาลไหนมีความชอบธรรมที่จะทำเรื่องยากๆ แบบนี้

แต่มาวันนี้ สถานการณ์ทางการเมือง ก็มีความสงบตามสมควร ความขัดแย้งทางการเมืองลดลงไปจากเดิมมาก และรัฐบาลชุดนี้ ก็คงมีความสนใจที่อยากจะทำเรื่องนี้อยู่แล้ว อีกทั้งส.ส.ในสภาฯชุดปัจจุบัน ก็ให้การสนับสนุนมาก ทั้งหมดจึงเป็นสถานการณ์ที่เอื้ออำนวยให้รัฐบาลสามารถทำเรื่องนี้ได้

-การตัดสินใจทำเรื่องกาสิโน   หากรัฐบาลตัดสินใจจะทำ จะต้องทำภายในเวลาเท่าใด?

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเคยบอกว่า จะก่อสร้างให้เสร็จภายใน 5-10 ปี ถ้ารัฐบาลจะใช้เวลา 5-10 ปี ผมคิดว่า demand ของโลกในเรื่องการพนัน ก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว ทำออกมาสินค้าก็ล้าสมัย เพราะตอนทำ demand ของโลก เป็นแบบหนึ่ง แต่พอทำเสร็จ demand ของโลกมันเปลี่ยนไป สินค้าที่เตรียมเอาไว้กับความต้องการของโลกมันเปลี่ยนไป มันก็จะขายไม่ค่อยออก

เพราะฉะนั้นเมื่อรู้ตอนนี้ว่าความต้องการของโลกเป็นอย่างไร ก็ควรต้องรีบดำเนินการเพื่อรีบตอบสนองกับความต้องการของโลกได้อย่างทันการ ผมจึงเห็นว่า การที่จะทำแล้วบอกว่าต้องใช้เวลา 5-10 ปีมันจะช้าเกินไป ควรทำให้เสร็จภายใน 2 ปี

-ในร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ตามรายงานของสภาฯ กำหนดเงื่อนไขการประกอบธุรกิจ ผู้ขออนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ต้องเป็นนิติบุคคลซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย และต้องมีทุนจดทะเบียนซึ่งชำระเต็มไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท และใบอนุญาตมีอายุยี่สิบปี มองเงื่อนไขที่กำหนดไว้อย่างไรบ้าง?

ผมคิดว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเม็ดเงินจำนวนมาก ใหญ่กว่าหวยใต้ดินเยอะ เรื่องหวยใต้ดิน คนอาจคิดว่ามีเม็ดเงินเกี่ยวข้องเยอะ แต่ต้องเข้าใจว่าเงินจะมาทุกสองอาทิตย์ ไม่เหมือนกับกาสิโน โดยกาสิโน เงินเข้ามาทุกห้านาที สิบนาที อย่างสมมุติ กาสิโนแห่งหนึ่ง มีโต๊ะเล่นอยู่ห้าโต๊ะ สิบโต๊ะ เงินมันเข้ามาอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าทุกนาทีเลย เงินมันจะหมุนเข้ามาเร็วมาก เพราะฉะนั้น เงินกาสิโนจะมีเม็ดเงินใหญ่กว่าหวยใต้ดินเยอะ

เรื่องนี้ผมจึงเห็นว่า ความโปร่งใส ในกระบวนการดำเนินงาน ในกระบวนการทำนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล ต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของกระบวนทั้งหมดของการทำกาสิโน

ผมมีข้อสังเกตุเรื่องแรกที่รัฐบาลหากจะทำต้องพิจารณาให้รอบคอบ ก็คือ ตามร่างฯ ที่บอกว่าจะให้เฉพาะบริษัทคนไทยเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เข้าประมูล โดยต้องเป็นบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนซึ่งชำระเต็มไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท ผมคิดว่าคนไทยมีความสามารถ ที่จะทำเรื่องกาสิโนแน่ ผมมั่นใจ แต่การจะไปกำหนดว่าตลาดนี้ จะเป็นตลาดผูกขาดเฉพาะคนไทย ที่ไม่ให้ธุรกิจของต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง อันนี้จะเริ่มไม่ค่อยมีความโปร่งใสแล้ว เพราะธุรกิจในโลก ที่เขาบริหารงานกันเก่ง ๆ มีเป็นจำนวนมาก เขามีประสบการณ์มากกว่าคนไทยเยอะ

เพราะฉะนั้นผมเห็นว่าควรเป็นตลาดที่เปิดให้มีการแข่งขันกันระหว่าง นักธุรกิจคนไทยกับนักธุรกิจต่างชาติ ใครที่จะสามารถเสนอเงื่อนไขตอบแทนให้กับรัฐบาลได้ดีที่สุด ให้แก่ประชาชนคนไทยได้ดีที่สุด เสนอเงื่อนไขที่จะทำให้คนไทยได้สวัสดิการตามผลตอบแทนที่ดีที่สุด ผมคิดว่าต้องนำเรื่องนี้มาพิจารณาด้วย คือหากเอาแต่คนไทย ผมคิดว่ามันเหมือนกับตลาดมันผูกขาด อาจจะเหลือแค่หนึ่งรายหรือสองราย แบบนี้ไม่ดี ควรเปิดตลาดเลย ไม่ว่าจะเป็นทุนจากสหรัฐอเมริกา ทุนจากยุโรป ทุนจากมาเก๊า ให้มาแข่งกันเลย แล้วเรามาดูเงื่อนไขกัน ใครที่ให้ผลตอบแทน ใครที่ให้ผลประโยชน์ ที่ดีที่สุด เราก็เลือกอันนั้น แล้วเราค่อยมาดูว่า ที่เขาประมูลได้แล้วทำงานไปยี่สิบปี มันโปร่งใส น่าเชื่อถือหรือไม่ มันก็จะมีเวลาตัดสินใจได้ แต่ตอนเริ่มทำ มันต้องมีความโปร่งใส

อีกประเด็นคือข้อเสนอที่บอกว่า สถานที่ตั้งกาสิโน ต้องอยู่ไม่ห่างจากสนามบินหนึ่งร้อยกิโลเมตร ผมคิดว่าอย่าเอาเงื่อนไขนี้มาใส่ไว้เลย เพราะมันจะอยู่ที่ไหน ต้องให้ภาคธุรกิจเอกชนเขาเป็นฝ่ายลองคิดดู เพราะหากทำแล้ว ต้องทำให้สำเร็จ ไม่ใช่ไปตั้งแล้ว ผลออกมาไม่ประสบความสำเร็จ รัฐบาลก็เสียหาย ธุรกิจก็เสียหาย อันนี้ต้องยึดถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง เพราะฉะนั้น ผมเห็นว่าเงื่อนไขแบบนี้ไม่ควรออกมาเพื่อจำกัดตัวเราเอง

เปิดกาสิโน-สิงคโปร์โมเดล ถ้าไทยทำ สามารถสู้ได้

"ดร.สังศิต"ยังกล่าวถึงการทำ เอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโน แบบประเทศสิงคโปร์ หรือ"สิงคโปร์โมเดล"ที่มีการพูดถึงกันเยอะ ว่า เรื่องสิงคโปร์โมเดล ที่ผมศึกษามาที่มีมากว่าสิบปีแล้ว มันเป็นนวัตกรรมในด้านการบริหารจัดการที่ดีที่สุดในโลกในขณะนั้น ก็คือ ก่อนที่สิงคโปร์จะให้การเปิดกาสิโน พบว่ากาสิโนทุกแห่งในโลกไม่ว่าจะเป็นที่ มาเก๊า ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มาเลเซีย กัมพูชา เมียนมา หรือในยุโรป ต่างจูงใจให้นักการพนันไปเล่นที่กาสิโนของตัวเอง ที่เป็นตลาดเดียวกัน คืออยากได้นักการพนันไปเล่น คนที่ไปเล่นก็คือนักการพนัน

แต่ว่าที่ประเทศสิงคโปร์ เขาหาลูกค้า จากคนที่ไม่ใช่นักการพนัน อันนี้คือหาตลาดใหม่เลย โดยตลาดนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า กลุ่มMICE คือเป็นพวกนักธุรกิจ ผู้ประกอบวิชาชีพ คือพวกที่มีอาชีพทำธุรกิจต่างๆ หรือคนที่อยู่ในสมาคมวิชาชีพด้านต่างๆ พวกจัดแสดงสินค้า จัดประชุมสมาคมวิชาชีพต่างๆ เช่น สมาคมด้านการแพทย์ สมาคมสถาปนิก เป็นต้น ซึ่งคนพวกนี้เป็นคนกลุ่มใหญ่ของโลก ก็จะมีการประชุมกันปีละหนึ่งถึงสองครั้ง โดยจะเวียนกันไป เช่นปีนี้ จัดที่มิวนิค ปีหน้าจัดที่ปารีส ปีต่อไปจัดที่โตเกียว และอีกปีถัดไปจัดที่สิงคโปร์ คือจะไม่จัดที่เดียวซ้ำกันทุกปี ทำให้โอกาสที่โลกทั้งโลก จะได้คนกลุ่มนี้มาประชุมกันที่ประเทศต่างๆ จึงมีมาก

ทางสิงคโปร์ ก็คิดว่าเขาต้องการดึงคนกลุ่มนี้ เข้ามาที่ประเทศสิงคโปร์ให้ได้มากที่สุด โดยที่สิงคโปร์พื้นที่เขาน้อยกว่าภูเก็ตอีก แต่แนวคิดของเขา พอเขาสร้างโรงแรมขึ้นมา เขาสร้างสถานที่จัดแสดงสินค้านานาชาติและสถานที่จัดประชุมใหญ่ที่สุดในโลก ของสิงคโปร์ คนมาประชุมพร้อมกันทีเดียวรองรับได้ถึงสามหมื่นคน เรียกได้ว่า ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ทำให้พอสิงคโปร์เปิดตั้งแต่ปีแรก กลุ่ม MICE หลั่งไหลไปจัดประชุมกันที่สิงคโปร์มากที่สุดในโลก ของสิงคโปร์แค่ปีเดียว คนมาจัดประชุมกันมากกว่าที่บรัสเซลส์  ประเทศเบลเยี่ยม ที่เป็นเมืองหลวงของอียูมากกว่าสองเท่า รวมถึงของสิงคโปร์ปีเดียว คนไปจัดประชุมกันที่สิงคโปร์มากกว่าคนไปจัดประชุมกันที่ญี่ปุ่นรวมกับเกาหลีใต้เสียอีกเพราะสถานที่ประชุมเขาใหญ่ คนเลยแห่กันไปที่สิงคโปร์

ผมคิดว่าแนวคิดแบบนี้ดี เพราะพอไปประชุม ก็ทำให้โรงแรมเต็มหมดทุกห้องตลอดสัปดาห์ จันทร์ถึงอาทิตย์ ซึ่งกาสิโนในโลก ไม่ว่าจะเป็นมาเก๊า ลาสเวกัส ส่วนใหญ่โรงแรมจะเต็มเฉพาะเสาร์กับอาทิตย์ วันธรรมดาไม่มีคน แต่สิงคโปร์เต็มทุกวันเต็มทั้งเดือน เพราะพวกนี้ไม่ใช่นักการพนันแต่เขามาประชุมมาทำธุรกิจ ก็เป็นแนวคิดที่ดี แต่จุดอ่อนของสิงคโปร์เท่าที่ผมมองเห็นก็คือ เวลาคนมาประชุมแล้ว เขาไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติเลยแม้แต่แห่งเดียว ที่เที่ยวของเขา อยู่กลางเมืองเป็นสวนต้นไม้ ไปดูครั้งเดียวต่อไปก็ไม่อยากไปดูอีกแล้ว และพอดูเสร็จ ต่อไปจะไปทำอะไรต่อ จะไปช็อปปิ้ง มันก็มีเหมือนกันทั้งโลก หรือจะไปหาอาหารกิน ซึ่งเรื่องอาหาร ประเทศอื่นก็มีได้เหมือนกัน

...แล้วจะไปไหน ก็ต้องเดินเข้าไปในกาสิโน ทั้งที่ไม่ใช่นักการพนัน แล้วคนพวกนี้ ก็เหมือนกับเขา เข้าไปเล่นสนุกๆ ของเขา เล่นอาจจะเสีย สองแสน สามแสน เขาก็ไม่ได้จน เขารวยกันทั้งนั้น เขาก็เล่นสนุกๆ ของเขา แต่การสนุกแบบนี้กลายเป็นรายได้ เป็นภาษีของรัฐบาลสิงคโปร์เยอะ แต่ต้องบอกว่าพวกนี้เขาไม่ใช่นักการพนัน เขาแค่อยากสนุกกับตัวเอง ในเวลาสัก1-2 ชั่วโมง

..สิงคโปร์โมเดลแบบนี้ หากคนไทยมาคิดในแบบเดียวกัน อย่างสิงคโปร์มีห้องประชุมสามหมื่นคน ผมก็อยากเห็นเมืองไทยมีสถานที่จัดประชุมที่จุคนได้ห้าหมื่นคน คือเอาให้ใหญ่กว่า แต่ว่าราคาที่ดินของเรา ถูกกว่าสิงคโปร์เยอะ ค่าห้องก็ถูกกว่า แต่บริการต่างๆ ดีกว่า เพราะคนไทยบริการเก่งกว่า จิตใจแบบนี้คนไทยเขาเก่ง แล้วเราก็มีอาหาร มีพืชผักผลไม้สดๆ ตลอดทั้งปี แต่สิงคโปร์ต้องนำเข้า มาแข่งกัน ยังไง คนไทยต้องชนะ

นอกจากนี้คนที่มาประชุม เขาก็ต้องคิดว่า มาถึงเมืองไทยแล้ว ประชุมเสร็จ บินไปต่อที่ภูเก็ต อีกสัก 1-2 คืน หรืออาจจะไปเชียงใหม่ ไปหัวหิน เรามีสถานที่ท่องเที่ยวจำนวนมาก เยอะกว่าสิงคโปร์ ก็ทำให้โอกาสที่โรงแรมของไทยเราจะได้โอกาสก็จะมีมากกว่าของสิงคโปร์ การท่องเที่ยว เราก็จะได้ประโยชน์

ผมก็คิดว่าคนกลุ่มนี้(กลุ่มMICE)ที่เราควรจะดึงเข้ามา เพื่อแข่งกับสิงคโปร์ ซึ่งหากเราแข่ง เราน่าจะสู้ได้ สู้กันไหว

-หากไทยเปิดกาสิโน จะมีผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ จะทำให้เก็บภาษีได้มาก ทำให้จีดีพีของประเทศ สูงขึ้นหรือไม่อย่างไร?

คืออย่างนี้ กาสิโน เป็นทั้งโอกาสและวิกฤต คือมันก็มีข้อเสียด้วย อย่าไปเห็นแต่ข้อดี แน่นอนว่า ถ้าเราบริหารจัดการเรื่องการประมูล บริหารจัดการเรื่องกาสิโน อย่างโปร่งใส คนก็จะเข้ามา ก็จะมีรายได้ แต่ถ้าคุณเริ่มต้นอย่างไม่โปร่งใส จนธุรกิจต่างประเทศ ไปประโคมข่าวว่า การประมูลใบอนุญาตไม่โปร่งใส มีการล็อกอะไรกันไว้ คนมันก็จะไม่มา ถ้าประเทศเป็นแบบนี้ คนก็จะแอนตี้

 นอกจากนี้ คนก็จะเบื่อหน่ายรัฐบาลว่าเอาอีกแล้ว มาทำอะไรที่มันไม่มีธรรมาภิบาล ไม่มีความโปร่งใส ก็จะเกิดการประท้วง จะเป็นวิกฤตของรัฐบาล ทำให้แทนที่จะเป็นโอกาสของประเทศ จะกลายเป็นวิกฤตของประเทศ วิกฤตของรัฐบาลไป คือมองอะไร ต้องมองทั้งบวกและด้านลบไปพร้อมกัน เพราะของทุกอย่างในโลกเหมือนกัน มีบวกก็มีลบ มีโอกาสก็มีวิกฤต เท่ากันต้องบริหารจัดการให้พอเหมาะ นึกถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง

ดังนั้น ต้องบริหารจัดการให้โปร่งใส อย่าเล่นพรรคเล่นพวก อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว เห็นแก่พวกพ้อง แบบนี้อย่าทำเลย ทำอะไรก็ต้องทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ นี้เป็นโอกาสที่ดีของประเทศ แต่ถ้าท่านไม่สุจริต มีอคติที่อยากจะทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ประเทศก็ไม่ได้ประโยชน์แล้วจะเสียหายกันเปล่าๆ

-ถึงตอนนี้คิดว่า แรงต้านของคนในสังคมที่ไม่ยอมรับกาสิโนในประเทศไทย แรงต้านลดลงจากเมื่อก่อนหรือไม่ มาถึงตอนนี้คิดว่าสุดท้าย กาสิโนจะเกิดขึ้นในประเทศไทยได้หรือไม่?

คนต่อต้าน ก็ต้องอนุญาตให้เขาต่อต้านต่อไป เหตุผลเรื่องศีลธรรม ก็ต้องให้เขาต่อต้าน เหตุผลเรื่องว่าเปิดแล้วจะเป็นการมอมเมาเยาวชน ก็ต้องให้เขาต่อต้าน แต่แรงต่อต้านทุกวันนี้มันน้อยลง เพราะว่าเสียงในสภาฯ มันไม่เคยปรากฏมาตลอดสามสิบปี ที่พรรคการเมืองทุกพรรคเห็นพ้องต้องกันหมดที่จะให้ทำ อีกทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศไทยเวลานี้ มันเลวร้าย คนไม่มีงานทำ ธุรกิจมันแย่กันหมด ต้องการเม็ดเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจจริงๆ เงื่อนไขต่างๆเหล่านี้มันเอื้ออำนวยให้ควรต้องมีธุรกิจใหม่ๆเข้ามาในประเทศไทย

"มันเอื้ออำนวยอยู่ เพียงแต่ว่าคนที่เป็นรัฐบาล ก็อย่าไปทำอะไรที่มันไม่เหมาะสม เพราะหากทำแล้วมีอะไรไม่เหมาะสม  คนมันจะมาต่อต้าน แล้วจะทำให้เสียโอกาสกันไปหมด"

เมื่อถามปิดท้ายว่า คิดว่าเรื่องกาสิโนในประเทศไทย มีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ในรัฐบาลปัจจุบัน"ดร.สังศิต"ระบุว่า"ผมคิดว่า ถ้ารัฐบาลเดินหน้า เรื่องกาสิโนน่าจะเกิดได้ แต่เกิดแล้ว อะไรจะเป็นต่อไป ผมตอบไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับความโปร่งใสในการบริหารจัดการของรัฐบาล ที่อันนี้ผมไปพูดแทนรัฐบาลไม่ได้แล้ว"

โดยวรพล กิตติรัตวรางกูร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ เตือน ‘กาสิโน’ จะเป็นแหล่งฟอกเงิน-นักการเมืองขี้ฉ้อ มากกว่าได้ภาษี

คนที่ติดการพนันตามบ่อนที่จับได้ ส่วนใหญ่เป็นคนรวยมากหรือจน คาสิโนที่จะเปิดจะมีแต่คนรวยกำมะลอ

‘อนุทิน’ หนุน ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์’ เต็มสูบ ชี้ไม่ทำเงินไหลไปประเทศเพื่อนบ้าน

”อนุทิน“ หนุน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” และต้องควบคู่กับการบังคับใช่กฎหมาย ชี้ไม่ทำเงินก็ไหลไป ปท.เพื่อนบ้าน ไทยเหลือแค่ “จุดแก้บน -ไหว้เจ้า”

‘ปชป.’ ไม่เอา Entertainment Complex ขอแค่รัฐส่งเสริมการละเล่นพื้นบ้านถูกกฎหมาย

“ปชป.”หนุนการละเล่นพื้นบ้าน ไม่เอา Entertainment Complex “ชัยชนะ”แนะยกระดับ วงพนันงานศพต้องขออนุญาตนำค่าธรรมเนียมเข้ารัฐ ซัด “เศรษฐา”อย่าฝันในสิ่งที่ทำไม่ได้ เหน็บ เป็นนายฯทิพย์ ชกเป้าลม ทำงานจึงเป็นแบบลม