“อุปสรรคที่ยังไม่ได้มีการใช้ cryptocurrency หรือ สินทรัพย์ดิจิตัลกันอย่างจริงจังนอกจาก จะเป็นเรื่องการลงทุนให้มีต้นทุนเทคโนโลยีลดลงแล้ว ยังเป็นเรื่องความชัดเจน ในแต่ละบริบท ของการทางการควบคุม ประเด็นข้อกฏหมาย ประเด็นภาษี ว่าได้ชั่งน้ำหนักข้อดีคุ้มกับข้อเสีย ออกมาชัดๆได้หรือยัง”
ในช่วงที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกกำลังมีความกังวลกับภาวะเงินเฟ้อ ในเวลาเดียวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศยังลุ่มๆ ดอนๆ คือการฟื้นตัวยังไม่มีแรงส่งต่ออย่างชัดเจนจากผลกระทบกับการระบาดของโรคโควิด-19 หลายระลอกตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี และยังไม่มีทีท่าว่าจะควบคุมได้ในระยะใกล้ๆ นี้
ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มหภาคเบื้องต้นที่เรียนมาก็สอนว่า นโยบายการคลังผ่านการกระตุ้นการใช้จ่าย การลงทุนภาครัฐ หรือมาตรการลดหย่อนภาษี ถือว่าน่าจะช่วยชดเชยอุปสงค์การบริโภค การลงทุนภาคเอกชนที่หดตัวได้ และก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลประเทศต่างๆ ทั่วโลกดำเนินการกันอยู่
ไม่ยกเว้นประเทศไทยที่มีการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ ทั้งทางตรงและทางอ้อมมากมายหลายต่อ หลายโครงการที่ปรากฏให้เห็นอยู่ตลอดเวลาในระยะหลายปีที่ผ่านมา ประเด็นในทางเศรษฐกิจที่เงินจำนวนมหาศาลที่ภาครัฐจ่ายออกไปนั้น ให้ประสิทธิผลและประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด คงเป็นประเด็นที่ต้องหยิบยกมาพิจารณาเชิงประจักษ์กันต่อไป
ประเด็นที่จะพิจารณาคือ ประสิทธิภาพของการใช้จ่ายจำนวนมากนี้จะต่างจากการใช้จ่ายและการลงทุน ภาคเอกชนซึ่งจะมีกลไกกลั่นกรองความคุ้มค่าและประสิทธิภาพที่รัดกุม อีกทั้งไม่ได้เป็นเงินจากภาษีอากรของประชาชน จึงมีความพยายามจากหลายหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่จะสร้างกลไกตรวจสอบ เพื่อทำให้เกิดธรรมาภิบาลในภาครัฐให้เป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบในกระบวนการรัฐสภา หรือองค์กรอิสระที่พยายามหากระบวนการตรวจสอบทางตรงหรือทางอ้อม ผ่านการสร้างแรงจูงใจ ส่งเสริมให้มีธรรมาภิบาลในหน่วยงานภาครัฐให้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี จากรายงานของ Global Economy.com จัดอันดับ Control of coruption จากจำนวน 192 ประเทศ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีแนวโน้มที่แย่ลงจากอันดับ 108 ในปี 2016 เป็นอันดับที่ 116 ในปี 2020
นักวิชาการทางด้านเทคโนโลยีหลายต่อหลายแห่งก็เสนอให้นำความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีดิจิทัลมาควบคุมตั้งแต่ต้นทาง น่าจะเป็นอีกเครื่องมือที่จะลดโอกาสให้เกิดการทุจริตได้ เทคโนโลยีดังกล่าว ได้แก่ blockchain หรือที่รู้จักกันมากในฐานะ digital asset คือ bitcoin
หลายคนอาจสงสัยว่าเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาช่วยยังไง และอย่างไร
Cryptocurrency หรือสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นรูปแบบหนึ่งที่ใช้กันในลักษณะที่เป็นสื่อกลางของการแลกเปลี่ยน ข้อดีของการใช้ Cryptocurrency คือมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนการทำธุรกรรม และมีความปลอดภัย เนื่องจากเป็นการใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า blockchain ที่เริ่มมีการใช้กันมาตั้งแต่ประมาณทศวรรษที่แล้ว การทำงานของระบบ blockchain เป็นระบบจัดการฐานข้อมูลที่ “บัญชีการทำธุรกรรม” (Ledger) จะถูกกระจายไปเก็บไว้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ส่วนบุคคลจำนวนมหาศาล ที่ใครก็ตามในเครือข่ายสามารถเห็นได้ในเวลาทันทีทันใดที่ธุรกรรมนั้นเกิดขึ้น
โดยจุดใช้งานของเครือข่ายคอมพิวเตอร์นี้จะบันทึกธุรกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในลักษณะ “บล็อก” (Block) และบันทึกธุรกรรมแรกที่ถือเกิดขึ้น ร้อยต่อๆ ธุรกรรมทั้งหมดกันเป็นห่วงโซ่ (Chain) ที่แต่ละบล็อกในห่วงโซ่จะถูกสร้างรหัสล็อกข้อมูลด้วยระบบการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ความปลอดภัย เหมือนกับการจัดเก็บทางกายภาพคล้ายเข้าไว้ในตู้เซฟที่มีรหัสกำหนดเฉพาะ จึงมั่นใจว่าเป็นธุรกรรมของแท้ และสามารถยืนยันธุรกรรมและตรวจสอบหลังจากนั้นว่าถูกต้อง
เป็นแบบนี้แล้วธุรกรรมต่างๆ จึงสามารถเกิดขึ้นได้รวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือ โปร่งใส โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางหรือบุคคลที่สาม ที่มีความเสี่ยงเรื่องการหลุดรั่วของข้อมูลให้เกิดการขายข้อมูลได้ ผู้ทำธุรกรรม 2 ฝ่ายสามารถส่งสำเนาข้อมูลต่างๆ ระหว่างกันเพื่อสร้างความไว้วางใจด้วยระบบนี้ การปลอมแปลงธุรกรรมในแต่ละบล็อกจึงทำได้ยากในทางเทคนิค และสามารถรับรู้หากมีการโจรกรรมข้อมูลได้ทันเวลา
อย่างไรก็ดี หากยังไม่พูดถึงข้อวิตกกังวลของ digital asset ในมุมมองของเรื่องการควบคุมของทางการ ที่จะทำได้ยากขึ้น และต้นทุนของเทคโนโลยีนี้สูง เราจะถือว่าการใช้ digital asset หรือ Cryptocurrency นี้ ตอบโจทย์ในการลดและปรามการทุจริตได้ในหลายแง่มุมเลยทีเดียว เพราะถ้าเจ้าของอนุญาตให้เข้าดูข้อมูลได้ ก็สามารถติดตามการไหลเข้า-ออกของเงินในสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ได้โดยละเอียด โดยที่ผู้สนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลก็ขยายความถึงข้อโต้แย้งว่า การใช้สินทรัพย์นี้ในวงการอาชญากรรม การฟอกเงิน จะทำได้ง่าย สะดวก และตามจับได้ยากนั้น แต่เมื่อใดก็ตามที่สินทรัพย์นี้มีการถ่ายเปลี่ยนมือในตลาด ก็จะสามารถเข้าไปตรวจสอบบันทึกรายธุรกรรมได้ว่ามีที่มาที่ไปถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
ศักยภาพในการป้องปรามการเกิดทุจริตคอร์รัปชันของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น มีความจำเป็นต้องมีการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อเชื่อมโยงกับระบบ blockchain ในระบบงานที่ต้องการสร้างความรัดกุม ปิดความเสี่ยงของการเกิดทุจริตคอร์รัปชันนั้นๆ ตัวอย่างระบบงานภาครัฐที่มีการพูดถึงได้เริ่มใช้เทคโนโลยีนี้บ้างแล้ว เช่น ในหลายประเทศนำร่องด้วยระบบจดทะเบียนที่ดิน ที่ไม่ใช้ระบบกระดาษในการจัดเก็บ รายการทะเบียนที่ดินและกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เพื่อป้องกันการฉ้อโกงและการทุจริต และระบบการยืนยันตัวตนในการลงคะแนนและแอปพลิเคชันส่วนตัว เช่น ธุรกรรมการเงิน การจัดการ supply chain เป็นต้น
สำหรับในประเทศกำลังพัฒนาที่มีโอกาสจะเกิดการทุจริตมากในการใช้จ่ายเงินภาครัฐจำนวนมากในโครงการทั้งขนาดเล็กไปถึงขนาดประเทศ การใช้ Cryptocurrency หรือสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ สามารถติดตาม end beneficiary ได้อย่างถูกต้อง เพราะข้อมูลธุรกรรมจะอยู่ในระบบอย่างคงทนตลอดไป สามารถตามไปจับกุมผู้กระทำความผิดได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี อุปสรรคที่ยังไม่ได้มีการใช้ Cryptocurrency หรือสินทรัพย์ดิจิทัลกันอย่างจริงจัง นอกจากจะเป็นเรื่องการลงทุนให้มีต้นทุนเทคโนโลยีลดลงแล้ว ยังเป็นเรื่องความชัดเจนในแต่ละบริบททางการควบคุม ประเด็นข้อกฎหมาย ประเด็นภาษี ว่าได้ชั่งน้ำหนักข้อดีคุ้มกับข้อเสียออกมาชัดๆ ได้หรือยัง.
โดย ดร.สิงห์ชัย บุณยโยธิน
กลุ่มงานนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ร้ายกว่าวิกฤตการณ์ธรรมชาติ ..ภัยมนุษย์ .. ขาดศีลธรรม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา...
เมื่อคน.. สังคม! .. ไร้คุณค่าความเป็นมนุษย์.. ประเทศชาติหายนะ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา.. คำว่า “ศรัทธา” ในพระพุทธศาสนา มีความหมายกินลึกลงไปมากกว่าความเชื่อโดยทั่วไป ด้วยต้องมีความรู้ความเข้าใจในคุณค่าของคุณสมบัติสิ่งนั้นๆ
สมดังเป็น .. “วีรกษัตรี มหาราชินี...” ของชาวไทย!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
“โมหมูลจิต” .. ..มูลเหตุของการถูกหลอกลวง โดย Scammer!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในกระแสสังคมยุคไอที ที่มีความเจริญอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยีชั้นสูง จนเข้าสู่ ยุควัตถุ AI ในปัจจุบัน ที่แสดงความเสมือนจริงให้สัมผัสได้ใกล้เคียงอย่างน่าศึกษายิ่ง
โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง”
เจริญพรสาธุชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า.. นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นมา พสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่า ได้พร้อมเพรียง.. ร่วมไว้อาลัยแด่การเสด็จสู่สวรรคาลัย ใน “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”
AI กับการสนับสนุนจากภาครัฐ ไม่ให้ใคร ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ปัจจุบันเทคโนโลยี AI ( Artificial intelligence ) มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในโลกของ”การศึกษา-การทำงาน”


