เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในกระแสโลกที่เปี่ยมล้นด้วยอำนาจของกิเลสสมัยวัตถุนิยมไอทีครอบงำจิตวิญญาณมนุษยชาติ... จึงเกิดปรากฏการณ์แปลกๆ ให้เห็น สะท้อนถึงความจริงในยุคแห่งความเสื่อมถอยศีลธรรม ที่มากไปด้วย วิราคะธรรม.. วิสมโลภะ และ มิจฉาธรรม.. อันแสดงความเป็นธรรมดาว่า.. “สังคมมนุษยชาติถูกครอบงำด้วย มิจฉาทิฏฐิ .. จนยากที่จะออกมาได้...”
แม้ว่า.. อำนาจแห่งมิจฉาทิฏฐิ .. จะทำให้ชาวโลกมี วรรณะ อายุ เสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงคุณธรรมความดีทั้งปวงที่บรรพชนเคยถือประพฤติปฏิบัติกันมา.. แต่สัตว์โลกก็ยากจะละออกมาได้..
พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ในอังคุตตรนิกายฯ เกี่ยวกับ มิจฉาทิฏฐิ ว่า.. “ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลคนเดียว เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้น เพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็นอันมาก.. เพื่อความพินาศ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์แก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย บุคคลคนเดียวคือ... บุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ...
..เขาย่อมมีความเห็นวิปริต
เขาทำให้คนเป็นอันมาก ออกจากสัทธรรม แล้วให้ตั้งอยู่ในอสัทธรรม...
.. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่ง จะมีโทษมากเหมือนมิจฉาทิฏฐินี้เลย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษทั้งหลาย มีมิจฉาทิฏฐิเป็นอย่างยิ่ง.....”
จากกรณีแนวคิดของนักการเมืองบางกลุ่มที่พยายามผลักดันให้เกิด กฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อการเปิดบ่อนกาสิโนอย่างถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย.. ซึ่งได้รับการต่อต้านจากชาวไทยจำนวนมาก โดยมีผลสำรวจว่า คนไทยมากกว่า ๕๕% ขึ้นไป ไม่ต้องการให้รัฐบาลเปิดกาสิโน โดยมีราวร้อยละ ๒๕-๒๘ ที่เห็นด้วยกับการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย ทั้งนี้ อีกประมาณร้อยละ ๑๗-๑๘ อยู่ตรงกลาง.. นับเป็นเรื่องที่น่าศึกษายิ่งในวิถีสังคมไทยที่มีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติมายาวนาน
สิ่งที่น่าสนใจศึกษาอย่างยิ่ง มากกว่าการคิดแสวงหาผลประโยชน์ของกลุ่มคนทางการเมือง ที่พยายามผลักดันให้เปิดบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย เช่นเดียวกับในหลายประเทศ ได้แก่ กระแสของคนไทยจำนวน ๒๕-๒๘% ที่เห็นด้วย.. รวมถึงกลุ่ม ๑๗-๑๘% ที่พร้อมจะเทเสียงสนับสนุน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีชัยชนะ.. ซึ่งนับว่าเป็นกรณีน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
จึงควรที่จะต้องจัดการศึกษาเป็นกรณีพิเศษสำหรับ แนวคิด ทัศนคติทางมโนธรรม ของชาวไทยกลุ่มดังกล่าว และโดยรวมในปัจจุบันในกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะในเยาวชน นักเรียน-นักศึกษา คนรุ่นใหม่ในสังคมไอที ที่มีความตื่นตัวทางการเมืองสูงมากในปัจจุบัน.. เพื่อค้นหาบทสะท้อนความจริงในทัศนคติ จิตสำนึกทางศีลธรรม.. คุณธรรมความดีของความเป็นมนุษยชาติ.. ในวิถีพุทธศาสนา
อะไร.. ทำไม.. อย่างไร... ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์คนไทยจำนวนไม่น้อยเกิดความเห็นด้วยกับแนวคิดของนักการเมืองกลุ่มเคลื่อนไหวผลักดันให้เกิดบ่อนกาสิโนถูกต้องตามกฎหมายบนแผ่นดินไทย
คงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบต่อการศึกษา ค้นหามูลเหตุ เพื่อนำไปสู่การวางแผนแก้ไขปัญหาความเสื่อมถอยจากมโนธรรม .. คติธรรมในวิถีพุทธ โดยเฉพาะสถาบันการศึกษา.. สถาบันทางศาสนา องค์กรมหาเถรสมาคม.. และคณะสงฆ์ ที่ทำหน้าที่สืบทอดพระพุทธศาสนาบนแผ่นดินไทย...
คงต้องยอมรับตามความเป็นจริงว่า.. สิ่งที่น่ากลัวของคนเรา คือ การดำริ-ความคิดที่ผิดธรรม.. ที่เรียกว่า มิจฉาสังกัปปะ
เพราะ มิจฉาสังกัปปะ ย่อมนำไปสู่ มิจฉาวาจา มิจฉากัมมันโต และ มิจฉาอาชีโว...
กล่าวแบบชาวบ้านคนข้างวัด ได้ว่า.. ความคิด..ความดำริ ที่ผิด.. ย่อมเป็นเหตุให้เกิดการทุจริตทางการพูด.. ทุจริตทางการกระทำ.. และทุจริตทางการประกอบอาชีวะ.. จนเป็น มิจฉาอาชีพ.. ที่รวมความว่า.. เพราะคิดผิด.. ศีลธรรมจึงเสื่อมสูญสลายไป..
ความคิด.. ความดำริ ที่ผิดเพี้ยนไปจากศีลธรรม นั้นย่อมมีเหตุมาจาก มิจฉาทิฏฐิ คือ ความเห็นที่ผิดธรรม...
จึงเป็นธรรมดา.. ของคนเรา ที่จะกล้ากระทำบาปกรรมทั้งปวงได้อย่างไม่เกรงใจ กฎเกณฑ์กรรม ที่ควบคุมสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ต้องรับผลจากการกระทำนั้น อย่าว่าแต่กฎหมาย กฎสังคม เลย
คำกล่าวที่ว่า.. มิจฉาทิฏฐิ มีโทษมากกว่า อนันตริยกรรม ทั้งหลาย จึงนับเป็นเรื่องจริง ด้วยเหตุผลที่ว่า.. อนันตริยกรรม ย่อมยังให้สัตว์เกิดในนรก การกำหนดอนันตริยกรรมเหล่านั้นมีอยู่ ที่สุดก็ยังปรากฏแต่การกำหนด นิยตมิจฉาทิฏฐิ ย่อมไม่มี..
แปลความให้ชัดๆ ว่า.. อนันตริยกรรม.. แม้จะต้องเสวยผลกรรมในนรก ก็ยังมีกาลที่จะหมดสิ้น แต่ว่าสำหรับ ความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) นั้น ตราบใดที่ยังไม่ละทิ้งให้หมดสิ้นไป.. และยังไม่เจริญความเห็นให้ถูกขึ้นมา สัตว์นั้นย่อมจะต้องวนเวียนไปในสังสารวัฏ โดยไม่มีกาลกำหนดว่า เมื่อใดจะพ้น ตราบที่ยังมีความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) อยู่.. และก็ยากยิ่งที่จะขจัดความคิดชั่วๆ ให้สิ้นไป
จริงๆ เรื่อง แนวคิดการเปิดบ่อนการพนันถูกกฎหมายบนแผ่นดินไทย มิใช่เพิ่งเกิด.. ในอดีตหลายยุคหลายสมัยได้มีการทดลองเปิดบ่อนการพนัน ตามค่านิยมและความประสงค์ของสังคมในยุคสมัยนั้นๆ... โดยเฉพาะแนวคิดในการจัดเก็บส่วยภาษีอากรจากการเปิดบ่อนพนัน.. เพื่อเพิ่มรายได้ให้รัฐ..
แต่เมื่อเปิดไปได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง.. สิ่งที่เกิดตามมากลับเป็นความเสียหายของสังคมประเทศชาติ ที่เกิดจากความเสื่อมศีลธรรมของคนในชาติ ที่นำไปสู่นานาปัญหา จนยากจะเยียวยาแก้ไข.. การประกาศยกเลิกการเปิดบ่อน.. การออกกฎหมายห้ามเล่นการพนัน จึงเกิดขึ้น.. ที่ยังปรากฏก็เป็นเพียงการเล่นพนัน เพื่อความรื่นเริงสนุกสนานตามวิสัยของคนเรา..โดยทั่วไป จึงต้องไม่ขัดแย้งต่อ กฎศีลธรรม...
ด้วยความที่สังคมไทยในแต่ละยุคสมัย.. มีการละเล่นรื่นเริงแฝงด้วยการพนัน โดยมีการเสี่ยงโชคผูกติดอยู่.. จึงทำให้ต้องมีการเฝ้าระวังมิให้เกิดการเล่นการพนันอย่างเสรี จนนำไปสู่สังคมเสื่อมถอย
การให้ความรู้ ความเข้าใจ ที่ถูกต้องในโทษภัยอันตรายของการเล่นพนัน ประกอบกับการออกกฎหมายห้ามปราม จึงเกิดขึ้น เพื่อการรักษาสังคมไทยให้ดำรงไว้ซึ่งความสงบสุข.. อันเนื่องมาจากการให้ความเคารพใน หลักศีลธรรม ดังมีคำสั่งสอนในเชิงวรรณกรรมเพื่อให้ความรู้.. ความเข้าใจ ที่ถูกต้องว่า..
ชนะท่าน ท่านก็ผูกเวรตน..
เล่นแพ้ท่าน ก็โศกเศร้า เดือดร้อน รำคาญใจ..
ฉิบหายจากทรัพย์ เสียทรัพย์แก่เขาในกาลเมื่อตอนแพ้... ฯลฯ
จากเรื่องผลพิษในแนวคิดการเปิดบ่อนพนันเสรี เพื่อรัฐจะได้มีรายได้จาก ภาษีอากรการพนัน ได้เกิดเป็นกรณีศึกษามาแล้ว ดังในอดีตครั้งรัชกาล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว .. ซึ่งในสมัยนั้น แม้ว่ารัฐจะจัดเก็บภาษีอากรพนันได้เป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่ปรากฏตามมา กลับมิได้ทำให้บ้านเมืองเจริญขึ้น แต่กลับก่อให้เกิดอาชญากรรมหนาแน่นขึ้นในสังคม ดังข้อความที่ปรากฏในพระราชหัตถเลขาที่มีถึงกรมหลวงดำรงราชานุภาพ เมื่อ ๘ สิงหาคม ร.ศ.๓๖ ๑๒๒ ศก โดยมีเนื้อหาสรุปถึง การจัดเก็บเงินอากรจากการพนัน แม้จะมีมากขึ้น ดังเช่นในมณฑลนครศรีธรรมราช มณฑลชุมพร แต่กลับมีปัญหาโจรผู้ร้ายชุกชุม ราษฎรพากันยากจนขัดสนไม่เป็นการทำมาหากิน.. จึงให้เลิกการพนัน ทำให้โจรผู้ร้ายก็สงบเบาบางลง.. ราษฎรตั้งหน้าทำมาหากิน การค้าขายก็เจริญ...
ดังนั้น ปัญหาเรื่องการพนัน .. ในสังคมไทยที่มีมานาน จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันศึกษาให้เห็นความเป็นจริงของโทษภัยจากการเปิดการพนันอย่างถูกต้อง.. ที่มากกว่าผลประโยชน์ที่คนกลุ่มหนึ่ง นักการเมืองบางพวกได้รับ.. โดยแอบอ้างเอาประโยชน์แห่งรัฐมาบังหน้า..
จึงควรยิ่งต่อการปลูกสร้าง สัมมาทิฏฐิ ให้เกิดขึ้นในประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า.. โดยเฉพาะในเยาวชน นักเรียน-นักศึกษา.. โดยการคิดคำนึงเสมอว่า...
การพนันเป็นความฉิบหาย แห่งมโนธรรม!
การพนันเป็นความฉิบหาย แห่งศีลธรรม!
การพนันเป็นความฉิบหาย แห่งชีวิต ทรัพย์สิน!
การพนันเป็นความฉิบหาย แห่งสติปัญญา!
การพนันเป็นบ่อเกิดมิจฉาทิฏฐิ.. มิจฉาธรรม..!
การพนันเป็นเครื่องทำลายประเทศชาติ!
ทำให้คนในชาติที่ไม่ชั่ว ก็ต้องชั่ว.. ไม่จน ก็ต้องจน..!
การพนันจะปิดกั้นการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญในด้านอารยธรรม!
และที่สุด... ไม่เคยมีใครได้ดีมีสุข เพราะการพนัน.. เพราะแค่คิดจะเปิดบ่อนพนัน.. ก็ฉิบหายแล้ว!!.
เจริญพร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตรวจแนวรบเมียนมา มังกรสยายปีก..จีนเทายังเบ่งบาน?
หลังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ทำการตัดการจ่ายไฟไปที่เมียนมา เมื่อวันพุธที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ตามมติสภาความมั่นคงชาติ(สมช.) เพื่อสกัดการดำเนินธุรกิจของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ
ร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม... ณ จ.สุโขทัย!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา การดำเนินโครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน ถวายเป็นพระราชกุศลฯ ได้เข้าสู่พื้นที่ จังหวัดสุโขทัย เป็นจังหวัดที่ ๓ และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นจังหวัดที่ ๔ เมื่อวันที่ ๕-๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ที่ผ่านมา
กฎหมายอากาศสะอาด ความหวังคนไทย สู้ฝุ่นพิษ ผ่านไปหนึ่งปี อยู่ขั้นตอนไหน?
ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ในกรุงเทพมหานครและอีกหลายจังหวัด ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน จนถึงตอนนี้ พบว่าได้ส่งผลกระทบไปถึงหลายภาคส่วน เช่นในเชิงเศรษฐกิจ ก่อนหน้านี้
มหันตภัย .. ในความคิดที่ไร้ธรรม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในยามสังคมชุลมุนวุ่นวายตื่นตูม.. การโต้เถียง การวิวาทะ จึงเกิดปรากฏ ด้วยทิฏฐิแห่งตนที่แฝงเข้ามาแสดงความเห็น ในการคิดรู้ตามวิสัยคนช่างคิดในสังคมไอที จึงไม่แปลกที่จะเกิดความหลากหลายในคำพูดทั้งที่ตรงและผิดแผกไปจากธรรม..
ฟิลิปปินส์-นอร์เวย์โมเดล มุมมืด-ความจริงที่ควรรู้ เปิดกาสิโน-พนันออนไลน์ถูก กม.
การเดินหน้าเปิด "กาสิโน" ในประเทศไทยในยุครัฐบาลเพื่อไทย ถึงตอนนี้คงเดินหน้าเต็มที่เพื่อผลักดันให้ "ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ..." ออกมาประกาศใช้โดยเร็ว
ก่อนจะมาเป็น “สมรสเท่าเทียม” ความก้าวหน้าของกฎหมายไทย
หลังเมื่อวันที่ 24 ก.ย.2567 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ การประกาศใช้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือ”กฎหมายสมรสเท่าเทียม”แต่ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 120 วันแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ทำให้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.2568 เป็นต้นไป