วิกฤตประชากรไทย

ขณะนี้ประเทศไทยเกิดปัญหาด้านสังคมโดยเฉพาะด้านประชากร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำนวนคนไทยที่ลดลง (แต่คนต่างด้าวและแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้น) ปัญหาสังคมสูงวัย สังคมไร้คู่ สังคมไร้บุตรหลาน รวมทั้งปัญหาการศึกษาของเด็กไทยและคุณภาพของแรงงานไทย (ที่ยังเลือกงาน เกี่ยงงานสารพัด) ปัญหาเหล่านี้ล้วนมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและอนาคตของชาติไทยเรา
 

ก. จำนวนคนไทยลดลง
           

เมื่อย้อนหลังไปดูประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่องจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร       ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ สิ้นห้าปีที่ผ่านมา จำนวนผู้มีสัญชาติไทยมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่ผู้ไม่ได้สัญชาติไทย มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

พ.ศ.
ผู้มีสัญชาติไทย (คน)
ผู้ไม่ได้สัญชาติไทย (คน)

2567
64,953,661
997,549

2566
65,061,190
991,425

2565
65,106,481
983,994

2564
65,197,783
973,656

2563
65,228,120
958,607
 
ข. สังคมสูงวัย สังคมไร้คู่ สังคมไร้บุตรหลาน

คนไทยมีอายุยืนยาวขึ้น เพราะระบบสาธารณสุขที่ดีของประเทศไทย สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานในปี 2565 ว่า ชายไทยมีอายุเฉลี่ย 73.5 ปี หญิงไทยมีอายุเฉลี่ย 80.5 ปี ซึ่งสูงกว่ารุ่นทวด ปู่ ย่า ตา ยาย ของเรา      สิ่งที่ตามมา คือ ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัวแล้ว เพราะเรามีคนไทยที่อายุมากกว่า 60 ปี ประมาณ    13-14 ล้านคน หรือ เกินร้อยละ 20 ของจำนวนประชากร ผกผันกับจำนวนเด็กเกิดใหม่ที่ลดลง โดยในปี 2567 มีเด็กเกิด 462,240 คน นับเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี ที่คนเกิดน้อยกว่าห้าแสนคนต่อปี สหประชาชาติสำรวจทั่วโลก      

เมื่อปี 2565 พบว่าประเทศไทยมีอัตราเกิดน้อยเป็นลำดับที่ 3 ของทวีปเอเชียและอันดับ 1 ของอาเซียน (อัตราเกิดติดลบร้อยละ 79) สาเหตุเป็นเพราะคนไทยอยู่เป็นโสดมากขึ้น การจดทะเบียนสมรสลดลงร้อยละ 3.05 แต่จดทะเบียนหย่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 (เทียบระหว่างปี 2563 กับปี 2567)  โครงสร้างประชากรที่มีผู้สูงอายุมากแต่วัยแรงงาน  มีน้อยลงๆ กระทบต่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุน  

นอกจากนี้ สังคมที่ไร้คู่ (SINK:Single Income No Kids) และสังคมไร้บุตรหลาน (DINK:Double Income No Kids) เชื่อว่าจะก่อให้เกิดปัญหาสังคมรูปแบบใหม่ ๆ    ขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
 
ค. ข้อเสนอเพื่อการเพิ่มจำนวนประชากรไทย
แม้จะมีนโยบายของรัฐบาล แผนระดับชาติ และแผนงานต่างๆของกระทรวงหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพยายามเพิ่มจำนวนประชากรไทยอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนผลสัมฤทธิ์จะไม่เกิดขึ้นตามเป้าหมาย จึงมีข้อเสนอเพิ่มเติม ดังนี้ (1) หนุ่มสาวคนโสดในวัยเจริญพันธุ์ส่วนใหญ่มัวแต่ทำงานหาเงินสร้างฐานะ ต้องสร้างโอกาสให้คนเหล่านี้มารู้จักกัน เช่น จัดปาร์ตี้เย็นวันศุกร์ ถือเป็นบริการด้านสวัสดิการของหน่วยงาน หรือการจัดแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นสื่อกลางให้คนโสดได้พูดคุยกันอย่างปลอดภัย ฯลฯ  (2) เพิ่มแรงจูงใจให้คนอยากมีบุตรมากขึ้นกว่าเดิม โดยภาครัฐต้องร่วมกับภาคเอกชน เพิ่มสิทธิประโยชน์ต่างๆในการลาคลอด เพิ่มวันลาหลังคลอดที่ยาวกว่าเดิม ไม่หักเงินเดือน/ค่าตอบแทนระหว่างลาคลอด เพิ่มวันลาเลี้ยงลูกโดยอาจจ่ายเงินเดือนน้อยลงบ้าง การอนุญาตให้สามีลาช่วยภริยาเลี้ยงลูกได้ ฯลฯ (3) หาทางช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเงินเลี้ยงดูบุตร นมผง อาหาร ค่าเสื้อผ้าและอุปกรณ์จำเป็นของเด็กทารก เช่น จัดให้มีร้านค้าจำหน่ายของเหล่านี้ในราตาพิเศษสำหรับสมาชิกที่เข้าโครงการนี้ของรัฐ  (4) ช่วยวางแผนการศึกษาและค่าใช้จ่ายสำหรับชั้นเด็กเล็ก อนุบาลและประถม เพราะเรื่องนี้เป็นความกังวลของพ่อแม่มากที่สุด  (5) ควรมอบหมายให้มีสำนักงานส่งเสริมดูแลเรื่องการเพิ่มประชากรอย่างจริงจังและต่อเนื่อง  (6) เน้นการประชาสัมพันธ์ที่ฉลาด        และได้ผล
ง. ประเทศไทยในอนาคต : เมืองน่าอยู่สำหรับคนชาติอื่น
          ประเทศไทยตั้งอยู่ในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ ไม่สู้มีพายุรุนแรง ไม่อยู่ในแนวแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด  มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค สาธารณูปการ ระบบการศึกษา ระบบสาธารณสุข ฯลฯ มาหลายสิบปีจนมีความเจริญดีพอสมควร สามารถอยู่อาศัยได้อย่างสงบสุข และมีโอกาสในการทำมาหากินตามความรู้ความสามารถ ดังนั้น    จึงมีคนต่างชาติจำนวนไม่น้อยอยากจะเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ทั้งในฐานะของผู้มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจระยะยาว       ผู้มาเกษียณอายุ ผู้มาศึกษาเล่าเรียน รวมทั้งผู้มาเป็นแรงงานระดับต่างๆ  คนเหล่านี้เมื่อได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมายนานๆเข้า ตัวเองและลูกหลานก็อาจกลายไปเป็นคนไทยได้ด้วยวิธีการต่างๆโดยไม่ยากเย็นจนเกินไป ตัวอย่างเช่น ขณะนี้มีนักศึกษาจีนมาเรียนระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนกว่า 28,000 คน นักศึกษาเหล่านี้จำนวนไม่น้อยอาจจะอยู่ทำงานต่อในประเทศไทย และ ยังได้ทราบจากเจ้าหน้าที่กรมการปกครองว่า ระยะ 3–4 ปีหลังมานี้ มีผู้ประสงค์จะขอโอนสัญชาติเป็นไทย ได้ยื่นคำร้องเพิ่มขึ้นจากปีละ 600-700 ราย กลายเป็น 1,300-1,500 ราย
           

ดังนั้น แม้การเพิ่มจำนวนประชากรตามข้อ ค.อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็เชื่อว่าประชากรไทยในอีก 50-60 ปีข้างหน้า จะไม่ลดเหลือเพียง 30-40 ล้านคนตามที่มีการประเมินจากนักประชากรศาสตร์ เพราะจะมีคนชาติอื่นเข้ามาทำงาน มาอยู่อาศัยแทนคนไทย ออกลูกออกหลานแล้วมาแต่งงานมีครอบครัวกับคนไทย จนประเทศไทยกลายเป็นเมืองร้อยพ่อพันแม่ ผสมกลมกลืนกันเหมือนอย่างในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างสุดจะหลีกเลี่ยงได้

 

คอลัมน์ พิจารณ์นโยบายสาธารณะ

พงศ์โพยม วาศภูติ


 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

การทบทวนยุทธศาสตร์ชาติ

วันที่ 13 ตุลาคม 2565 นี้ พระราชโองการยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) หรือที่เรียกกันว่า ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จะมีอายุครบ 4 ปี และย่างเข้าสู่ปีที่ 5 ซึ่

กรุงเทพมหานครกับความท้าทายสำหรับผู้ว่าฯ คนใหม่

ขณะนี้มีเสียงเรียกร้องจากคนกรุงเทพฯ เป็นจำนวนไม่น้อย ให้รีบมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกันเสียที หลังจากที่ห่างหายไปนานนับจากปลายปี พ.ศ. 2559 ก็กว่า 5 ปีเต็มแล้ว ทำให้รัฐบาลอยู่เฉยไม่ได้และกำลังจะให้จัดการเลือกตั้งประมาณกลางปีนี้