นิยายเศรษฐกิจสองนครา

เริ่มต้นยังไม่ถึงหนึ่งเดือนดี เศรษฐกิจโลกพ่นพิษใส่ไทยต้อนรับตรุษจีน

FED ส่งสัญญาณเข้าสู่ภาวะรัดเข็มขัดเมื่อพฤหัสบดีที่แล้ว ทำให้หุ้นเททั้งกระดานทั่วโลก

ภาค real sector ทางการเงินเริ่มได้รับผลกระทบจากการคาดสถานการณ์ผิดเรื่องโรคระบาด แทนที่จะช่วยกันป้องกันรักษาภาค real sector และจัดการความเสี่ยง กลับเอาความเสี่ยงมาเป็นเกมการพนัน บริษัทประกันต้องล้มหรือเลิกกิจการ มีผลกระทบต่อห่วงโซ่ธนาคาร เกิดการล้มละลายใหม่

อีกทั้งภาคก่อสร้างและห่วงโซ่ของอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งที่ดินทำกินว่างเปล่ากำลังจะโดนภาษีถ้าไม่พัฒนา และผู้บริโภคที่หมดเงินบริโภค ตลอดจนภาคเอกชนไม่มีเงินลงทุนใหม่ทั้งห่วงโซ่ และการส่งออกสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และการนำเข้าวัตถุดิบประสบกับปัญหาหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน

ทั้งหมดนี้จะทำให้การลงทุนต่างๆทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในกรณีที่เลวร้าย พลาดเป้า การเก็บภาษีไม่เข้าเป้า นำมาสู่การขาดดุลงบประมาณ และดุลบัญชีเดินสะพัด หนี้ภาคธุรกิจครัวเรือนและภาครัฐสูงไม่สามารถบริโภคและจับจ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้กดดันดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นทำให้มีภาระหนี้ครัวเรือนและหนี้ภาคธุรกิจมากขึ้น และในที่สุด

เศรษฐกิจที่เติบโตจาก rent หรือค่าเช่าในภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชนไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ ด้านการเงิน การธนาคาร การลงทุน การชำระหนี้ การประกันภัย การท่องเที่ยว ร้านอาหารโรงแรม และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ตลอดจนค้าปลีก ยี่ปั๊วซาปั๊วทั้งหมดในห่วงโซ่ของ rent มีหนี้เพิ่ม ต้นทุนหาย กำไรหด

นักเศรษฐศาสตร์ เรียกเศรษฐกิจนี้ว่า เศรษฐกิจ “ไฟ” อันได้แก่ Finance Insurance Real Estate “ FIRE Economy” ซึ่งเป็นเศรษฐกิจใช้เงินในการสร้างความมั่งคั่งให้คนไม่กี่กลุ่ม

ในเศรษฐกิจ FIRE นี้ คิดมูลค่าค่าเช่าเงิน ทรัพย์สินและสินทรัพย์( Rent seeking ) ไม่ว่าจะเป็นในรูปใด เช่นค่าเช่าห้องแถว ช้อปปิ้งมอลล์ ที่ดิน คอนโดที่พักอาศัย การคิด premium ประกันทุกชนิด แม้กระทั่งอัตราดอกเบี้ยสุดโหดจากการเช่าเงินและการมียี่ปั๊วซาปั๊ว ต่างๆ รวมทั้งการเช่าทำการค้าการทำธุรกิจที่ไม่เป็นธรรมของภาครัฐและเอกชน รวมทั้งการคอร์รัปชั่นจึงทำให้เศรษฐกิจเกิดความเหลื่อมล้ำอย่างมากทั่วโลก

ประเทศไทยจัดประชุมเอเปคท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนผ่านนี้

เศรษฐกิจไฟนี้คงจะเดินหน้าร่าเริงต่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่บังเอิญต้องเจอกับหงส์ดำตัวที่สองคือ โควิด 19 เสียก่อนซึ่งไม่เคยเจอมาก่อน นอกจากฆ่าคนตายไป 5.677 ล้านคนยังอาจส่งผลร้ายเป็น The Great Stagflation ภายในปีนี้และอีกหลายปีข้างหน้า

เศรษฐกิจ FIRE แบบนคราเก่า ที่เรากำลังเผชิญอยู่ ได้ล่มสลายซ้ำแล้วซ้ำอีกมาหลายครั้งหลายหนใน FIRE Sector ล้มไม่ลุกคลุกไม่คลานมาตั้งแต่ปี 1970 จนถึงปัจจุบัน คือเศรษฐกิจแบบ Rent seeking ของ ภาคการเงินการคลัง( Finance ) ประกันภัย ( Insurance ) และภาคอสังหาริมทรัพย์ ( Real Estate ) มีนายหน้าตัวกลางยี่ปั๊วซาปั๊ว สร้างงานบนระบบผูกขาด ใช้แรงงานที่มีการจ้างงานแบบunderemploymentสูงเพื่อคุมค่าจ้างแรงงานให้ต่ำแต่ดูจ้างงานมาก ตลอดจนสร้างอุปสรรคการทำธุรกิจที่ไม่ยุติธรรม ไม่มีการแข่งขัน มีกฎระเบียบมากมายหยุมหยิมยุบยับและไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพการค้าที่เสรีและเป็นธรรม

อันเป็นที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งว่าเศรษฐกิจนี้จะเลี้ยงมนุษย์โลกที่จะเพิ่มขึ้นจาก 7.8 พันล้านในปีนี้ไปจนถึงปี 2050 คืออีก 30 ปีข้างหน้าเมื่อประชากรโลกเพิ่มเป็น 9.9 พันล้านคนได้อย่างไร และเศรษฐกิจอะไรจะสร้างงานและเงินและเศรษฐกิจโลกได้อย่างไรในอีก 30 ปีข้างหน้า ความเหลื่อมล้ำและความยากจนที่ยังคงมีอยู่จะต้องใช้เศษฐกิจอะไรมาเยียวยา

เศรษฐกิจที่ว่านั้นต้องโตไม่ใช่จากสมการคงที่ของเศรษฐกิจ FIRE หรือ GDP คือ C+I+G+ ( X-M ) แต่น่าจะเป็นเศรษฐกิจ FAIRLESS ของสมการความเจริญทางเศรษฐกิจอย่างมีระบบในพลวัตรใหม่

เศรษฐกิจพลวัตรใหม่ FAIRLESS ของอีกนครานี้น่าจะมาจากตัวแปรต่างๆด้านเทคโนโลยีนวัตกรรม และ ความแม่นยำทางผลิตผลและประสิทธิภาพ ด้วยการป้องกันและจัดการความเสี่ยงต่างๆ ดังนี้

F คือ Food ที่จะต้องผลิตโดยการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตผลเพื่อเลี้ยงประชากรที่เพิ่มขึ้นในอีก 30 ปีข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นการทำเกษตรในรูปแบบใด ซึ่งได้แก่ แบบ Bio-Circular- Green ที่ประเทศไทยกำลังเสนอให้ การประชุมเอเปค ซึ่งรวม ไบโอ การแพทย์ ยา และสาธารณสุข A คืออุตสาหกรรม ดิจิทัลและเทคโนโลยีเอไอแห่งอนาคตกาล I คือโครงสร้างพื้นฐานใหม่ R คือ Robotics E คือพลังงาน มวลชีวภาพ พลังงานหมุนเวียน ลม แสงอาทิตย์ แทนฟอสซิล  L คือ Labor ประชากรโลก ที่จะร่วมสร้างงานและทำงานในพลวัตรใหม่การป้องกันจัดการความเสี่ยงจาก Climate Change ไปด้วยกัน ส่วน ESS คือ ตัวพลวัตร Economy of Scale, Speed, และ Scope

ส่วน APEC ในปีนี้ เจ้าภาพไทยชูเศรษฐกิจ BCG เป็นธงหลัก หวังประคับประคองประกายไฟการพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่ให้แผ่วลง แต่ไทยต้องระวังไม่ให้ติดหล่ม เสียเวลาอันมีค่าไปกับการแก้ปัญหาแต่ผิวเผิน หรือพึงพอใจกับชัยชนะเล็กๆ อย่างการเลิกใช้ถุงพลาสติก หรือส่งเสริมการติดแผงโซลาร์เซลล์ในครัวเรือน แต่ควรมุ่งมั่นขับเคลื่อนโลกให้พ้นจากเศรษฐกิจ FIRE ที่ลามไปทั่วระบบเศรษฐกิจโลก ให้ไปสู่เศรษฐศาสตร์นคราใหม่ที่เสรี เป็นธรรม และมีความรับผิดชอบ ต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม

สำหรับประเทศไทย เป็นประธานการประชุมระหว่างหน่วยงานกำกับการแข่งขันสมาชิกเอเปคในปีนี้ ซึ่งจะต้องทำหน้าที่กำกับดูแลการแข่งขันทางธุรกิจ ดังนั้น กฎหมายการแข่งขันก็ต้องมีบทบาทขับเคลื่อนวาระนี้เช่นกัน โดยนอกจากจะมุ่งมั่นผลักดันให้หน่วยงานกำกับการแข่งขันในเอเปคให้ความสำคัญใส่ใจประเด็นการแข่งขันที่มีธุรกิจ MSME เป็นศูนย์กลาง ทั้งในช่วง covid 19 ระบาด และช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวแล้ว จะจัดให้มีการหารือเกี่ยวกับการเสริมศักยภาพการกำกับการแข่งขันในตลาดดิจิตอล ที่นอกจากจะเป็นปัจจัยสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต ยังเติบโตและเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทำให้เกิดประเด็นปัญหาการแข่งขันที่ใหม่ๆ ที่ผู้บังคับใช้กฎหมายต้องตามให้ทัน

กฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์ กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปฎิรูปการศึกษา: กุญแจสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ไม่ทราบจะเรียกว่าเป็นวิกฤตได้ไหม เมื่อผลการประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล หรือ PISA ประจำปี 2565 ของนักเรียนไทยออกมาต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี ในทุกทักษะ ทั้งด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน

สังคมไทยภายใต้กระบวน การยุติธรรมหลาย มาตรฐาน 

ต้องยอมรับว่าหลายๆ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเราในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นทำให้ระบบสังคมโดยเฉพาะระบบย่อยหลายระบบ เช่น เศรษฐกิจ ครอบครัว สาธารณสุข ความเชื่อและศาสนามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเจริญเติบโตด้านวัตถุ โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี รถยนต์ไฟฟ้า หรือการนำปัญญาประดิษฐมาประยุกต์ใช้งานและธุรกิจต่างๆ

โฉนดเพื่อเกษตรกรรมกับปัญหาการลักลอบเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน          

สืบเนื่องจากนโยบายปัจจุบันของรัฐบาล ที่ได้ผลักดันให้มีการออกโฉนดเพื่อเกษตรกรรมให้กับที่ดินเกษตรกรรม ส.ป.ก. โดยคาดหวังว่า นโยบายนี้จะช่วยเพิ่มความมั่งคั่งทางทรัพย์สินให้กับเกษตรกรที่ยากจนได้ และในขณะเดียวกัน ก็จะสามารถอนุรักษ์รูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินเกษตรกรรมเอาไว้ด้วยนั้น

นโยบายพักชำระหนี้เกษตรกรรอบใหม่ : ทำอย่างไรไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

นโยบายพักชำระหนี้เกษตรกรลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) รอบใหม่นี้นับเป็นครั้งที่ 14 ในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา คำถามคือการพักชำระหนี้ครั้งนี้จะช่วยลดยอดหนี้คงค้างของเกษตรกรลงสู่ระดับที่เกษตรกรสามารถผ่อนชำระได้ตามปรกติโดยไม่เดือดร้อนได้หรือไม่

‘สังคมสูงวัย’ คนไทยเข้าใจอย่างไร ?

“ไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 จากสถานการณ์โครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไปส่งผลเกิดผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม และปัญหาจะมีความท้าทายมากยิ่งขึ้นในอนาคต ดังนั้น สังคมไทยควรตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงและทำความเข้าใจความเป็นสังคมสูงวัย รวมทั้งทุกภาคส่วนควรเตรียมการรองรับปัญหาโครงสร้างประชากรใหม่ร่วมกัน”