'สว.สีส้ม' ปีศาจตนใหม่

มาช้ายังดีกว่าไม่มา

คณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง​ (กกต.) เริ่มขยับแล้ว

วานนี้ (๒๖ เมษายน) กกต.ออกประกาศแจ้งเตือนว่า...

"...ตามที่มีกลุ่มบุคคลและตัวแทนองค์กรจัดแคมเปญ ให้มีการจูงใจ ชี้ชวน รวบรวมบุคคลจากหลากหลายอาชีพ รวม ๒๐ กลุ่ม ให้เป็นผู้เสนอตัวสมัครเข้ารับการเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ ที่ปรากฏในเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ประเภทต่างๆ

ปรากฏว่า มีบุคคลที่ประสงค์จะสมัครเข้ารับการเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาเป็นจำนวนมาก กรอกข้อมูลส่วนตัว  จุดยืน วิสัยทัศน์ และข้อมูลอื่นๆ ลงในเว็บไซต์และสื่อสังคม

ออนไลน์ เพื่อให้ผู้จัดแคมเปญทำการรวบรวมรายชื่อผู้สมัคร เผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์ของตนเอง อันเป็นการจัดตั้งบุคคลให้มาเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา

กกต.เตือนว่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย

จึงขอแจ้งให้ผู้ประสงค์จะสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา อย่าได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด หรือกรอกข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งจุดยืนของตนเองให้เผยแพร่และปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ หรือสื่อสังคมออนไลน์ใดๆ

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้รวบรวมข้อเท็จจริง ข้อมูล และพยานหลักฐานตามที่ปรากฏในเว็บไซต์ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หากพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมาย หรือมีผู้ร้องเรียนว่าเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย สำนักงานฯ จะดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายในทันที

จึงขอให้ยกเลิกและยุติการกระทำดังกล่าว..."

มันมีเหตุครับที่ กกต.ต้องออกมาเตือน

เพราะมีความเคลื่อนไหวในกลุ่มก้อนของพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า และเครือข่าย เพื่อรณรงค์การเลือก สว.  โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเข้าไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ และสรรหากรรมการในองค์กรอิสระ

"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" นำทีมเปิดแคมเปญ “สว.ประชาชน” ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน

อ้างว่าเป็นการเชิญชวนคนธรรมดาร่วมลงสมัครเพื่อเข้าสู่กระบวนการเลือก สว. นำไปสู่การปลดล็อกการเมืองไทย

โดยตั้งเป้าให้มี สว.ที่มีอุดมการณ์เดียวกันมากพอต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

มีการลงพื้นที่ต่างจังหวัดมาระยะหนึ่งแล้ว และยังคงดำเนินต่อไป

ขณะเดียวกันในโลกออนไลน์ มีการเคลื่อนไหวผ่านเว็บไซต์ senate67.com ที่ระบุว่าจัดทำโดยเครือข่ายภาคประชาชน ๑๗ กลุ่ม เปิดให้ตรวจสอบคุณสมบัติ, แสดงตัวเป็นผู้สมัคร และค้นหาผู้สมัคร อ้างว่าเพื่อเป็นฐานข้อมูลเกี่ยวกับการเลือก สว.ชุดใหม่

ล่าสุดมีผู้สมัครกับเว็บไซต์นี้แล้วกว่า ๑.๓ พันคน

โต้โผใหญ่ การเคลื่อนไหวผ่านโลกออนไลน์คือ โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ไอลอว์

ฉะนั้น จึงมีข่าว ไอลอว์ ออกมาค้านหัวชนฝา

ตอบโต้กลับว่า ข่าวจาก กกต.เป็น "ข้อมูลเท็จ"

นำเสนอข้อมูลเชิงข่มขู่ประชาชนที่ทำกิจกรรมรณรงค์เรื่องการสมัคร สว. ว่าจะเป็นความผิด จึงไม่มีกฎหมายรองรับ

ถ้าเชื่อมั่นแบบนั้นก็ทำต่อไปครับ

สิ่งที่ประจักษ์ในขณะนี้คือ กลุ่มก้อนของพรรคก้าวไกล  คณะก้าวหน้า กลุ่มที่ไล่ตามประกันตัวผู้ต้องหา ม.๑๑๒ มีส่วนขับเคลื่อนแทรกแซงการเลือก สว.อย่างแยบยล

ชนิดที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า!

การเคลื่อนไหวผ่านเว็บไซต์ senate67.com ที่อ้างว่าเป็นการรณรงค์ให้ความรู้ระบบการเลือก สว.แบบใหม่ “แบ่งกลุ่มอาชีพ” และ “เลือกกันเอง”

มองแบบนี้ก็ไม่ผิดอะไร

แต่อย่าลืมว่า เครือข่ายนี้มีรายชื่อผู้สมัครอยู่ในมือ เพราะเปิดให้แสดงตัวเป็นผู้สมัคร สว.ด้วย

และผู้แสดงตัวผ่าน เว็บไซต์ senate67.com เกือบทั้งหมดก็เป็นสาวกสีส้ม

มันก็เหมือนที่พรรคก้าวไกลเที่ยวไปด่ากราดรัฐบาลลุงตู่ สมัยทำแอปเป๋าตังว่า มีไว้เพื่อล้วงตับประชาชน ฉะนั้นหากมีข้อสงสัยในพฤติกรรมของเครือข่ายพรรคก้าวไกลครั้งนี้บ้าง ก็อย่าร้อง!

ฉะนั้นหากเชื่อมั่นว่า กกต.ประกาศคำเตือนโดยไม่มีกฎหมายรองรับ ก็อย่าหยุด ทำต่อไป รวมถึงการลงพื้นที่ของ "ธนาธร" ที่บอกว่าเพื่อประชาสัมพันธ์การเลือก สว.ด้วย

"ช่อ" พรรณิการ์ วานิช เป็นอีกคนที่เคลื่อนไหวควบคู่ไปกับ "ธนาธร"

ออกตัวแรงไม่แพ้กัน

 “...ดิฉันก็ไม่รู้ว่าโพสต์ทางเฟซบุ๊ก มันมีผลบังคับใช้ทางกฎหมายได้อย่างไร ถึงแม้จะเป็นโซเชียลมีเดียของ กกต.ก็ตาม เรื่องนี้ดิฉันคิดว่า กกต.ต้องมีคำตอบที่ชัดเจน และที่สำคัญที่สุด กกต.เองมีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองในกระบวนการเลือกตั้ง หรือสรรหาผู้มีตำแหน่งทางการเมืองทุกครั้งไม่ใช่หรือ Senate 67 ไม่ได้เข้าข้างใคร เป็นเว็บไซต์ที่ใครประสงค์จะสมัครเป็น สว.ก็เข้าไปเสนอตัวได้ทั้งหมด มีแต่อำนวยความสะดวกให้ประชาชน ถ้า กกต.บอกว่าผิดกฎหมาย ดิฉันคิดว่าเรื่องนี้เป็นการจงใจทางการเมืองแล้วนะคะ...”

อะไรคือการจงใจทางการเมือง?

ใช่ตามที่ "ช่อ" อธิบายท่อนนี้หรือเปล่า

"...ได้ยินข่าวลือมาว่ามีความกังวลมากเรื่อง สว.สีส้ม  ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าสีส้มคืออะไรกันแน่ แต่มีความกังวลกันว่าเดี๋ยวจะได้มาเยอะและพยายามหาช่องทางที่จะสกัดกั้น โดยการให้ใบแดงกับบุคคลเหล่านี้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เพราะเรื่องยังไม่เกิดขึ้น มันจึงเกิดความพยายามอะไรประหลาดๆ ขึ้นมา เพื่อจะให้สิ่งถูกกฎหมายกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายให้ได้..."

เรื่อง สว.สีส้ม ก็คงจะจริง

แต่ไม่มีใครทึกทักเอาเอง

ความกังวลที่ว่านี้สืบเนื่องจาก พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า และเครือข่ายมีเป้าหมายใหม่

และ "ธนาธร" เป็นคนเปิดประเด็น

เพราะเป็นคนตั้งเป้าหมาย ว่าต้องมี “สว.ประชาชน”  อย่างน้อย ๗๐ คน จากทั้งหมด ๒๐๐ คน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน ๑ ใน ๓ ของวุฒิสภา และเป็นจำนวนที่มีนัยสำคัญต่อการชี้ขาดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ ๒๕๖๐ จะสำเร็จหรือไม่    

พลิกกลับไปดูคำให้สัมภาษณ์ "ธนาธร" บอกว่า ต้องการยอดผู้สมัครอย่างน้อย ๑ แสนคน หากทำได้ก็จะได้เสียงส่วนใหญ่ของ สว.เลย

ความหมายของ "ธนาธร" คือ ยอดผู้สมัครในกลุ่มก้อนของตัวเอง

คือ สว.สีส้ม

แบบนี้เขาไม่เรียกว่า ประชาสัมพันธ์ หรือ รณรงค์

แต่เป็นการเข้าไปแทรกแซงโดยผิดกฎหมาย

อีกทั้งการพูดถึงบทบาท สว.ชุดใหม่ เน้นไปที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหลัก ขณะที่พรรคก้าวไกลยืนกรานแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่เว้นหมวดพระมหากษัตริย์

เป้าหมายให้ได้ สว. ๗๐ เสียงอยู่ในมือ จึงคือสารตั้งต้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามความต้องการของพรรคก้าวไกล

เพราะรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ กำหนดเงื่อนไขแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องใช้เสียง สว. ๑ ใน ๓ ของจำนวน สว.ทั้งหมด ซึ่งก็คือ ๗๐ คน

เสียงฝ่ายค้านร้อยละ ๒๐ ของทุกพรรครวมกัน ข้อนี้ผ่านฉลุยเพราะแค่ สส.พรรคก้าวไกลพรรคเดียวก็เกินพอ

นี่จึงเป็นที่มาของ สว.สีส้ม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มีแต่เรื่องให้ฉิบหาย

ไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรก่อนดี รัฐมนตรีหุงข้าวเก่าเก็บ ๑๐ ปี กินโชว์สื่อ แถมยังให้สื่อช่วยชิม ยกนิ้วโป้ง หอมอร่อย ไร้กลิ่นหืน

ดีเอ็นเอ 'คอ นก รีต'

นึกว่ารัฐบาลเพิ่งเข้าทำหน้าที่ วานนี้ (๓ พฤษภาคม) พรรคเพื่อไทย จัดกิจกรรม "๑๐ เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม ๑๐" เพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ในนามพรรค

ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์?

เป็นวันสำคัญครับ... วันนี้ (๓ พฤษภาคม) เวลา ๑๕.๔๕ น. นายกฯ เศรษฐานำ รัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่ง ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน

เรื่อง 'ถุงขนม ๒ ล้าน'

ว่าไปก็น่าประหลาดใจ คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลที่ได้รับเสียงสรรเสริญว่ามาจากการเลือกตั้ง มีความเป็นประชาธิปไตย มักมีหน้าตาสู้รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ถูกสาปแช่งว่าเป็นเผด็จการกดหัวประชาชนไม่ได้