..ถึงเวลาแห่งการปฏิรูปองค์กร หรือยัง!?

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... ในกระแสโลกที่พลุ่งพล่านไปด้วยความอยาก ย่อมเป็นธรรมดาที่สัตว์โลกจะก่อกรรม..ทำเข็ญต่างๆ นานา อย่างไม่เกรงกลัวต่อผลแห่งกรรมที่จะตอบสนองคืนกลับเจ้าของผู้กระทำ..

จึงให้ระลึกถึงนิยามที่ว่า... บรรดาสัตว์ ไม่มีสัตว์อะไรจักประเสริฐเท่ากับสัตว์มนุษย์

 บรรดามนุษย์ ไม่มีอะไรประเสริฐเท่าจิต

 บรรดาจิต ไม่มีจิตใดประเสริฐเท่ากับ จิตที่ได้รับการอบรมดีแล้ว .. และการอบรมจิต ย่อมมีศีล เป็นบาทเบื้องต้น

ศีล..วินัย จะตั้งมั่นด้วยดี ก็เพราะ จิตที่ได้รับการอบรมดีแล้ว .. นั่นเป็นสัจธรรม!!

หากถามว่า ทำไมต้องอบรมจิต.. เพราะธรรมชาติของจิตนั้น แท้จริงเป็นกลางๆ ไม่มีดี ไม่มีชั่ว แต่เหตุที่จะทำให้จิตดีชั่วได้นั้น ก็เพราะการไปเสพคบกับอารมณ์ที่ไหลเข้ามาทางอายตนะ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ

ฉะนั้น.. ในหมู่บรรพชิต.. ผู้ประพฤติธรรม จึงต้องพัฒนาจิตด้วยการเจริญ สติ สัมปชัญญะ และวิริยะ .. เพื่อพิทักษ์รักษาจิตนั้นไว้ให้มีความเป็นกลางอยู่เสมอ.. เพราะความเป็นกลางของจิต... จะก่อเกิด จิตรู้ .. ที่ไม่วิปลาส..

องค์ธรรมทั้ง ๓ ประการที่กล่าวมา คือ สติ สัมปชัญญะ และวิริยะ จึงนับเป็นอุปการธรรมที่สำคัญยิ่ง ดังปรากฏอยู่ในหลักธรรมปฏิบัติ.. การเจริญสติปัฏฐานธรรม ในพระพุทธศาสนา

การยกสติ ขึ้นนำ.. เพื่อเน้นย้ำความเป็นใหญ่ในการทำหน้าที่ป้องกัน.. กลั่นกรองอารมณ์ที่ผ่านเข้ามาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ โดยมีสติคอยควบคุมกำกับจิตไว้เสมอ จึงเป็นธรรมปฏิบัติของอริยสาวกหรือผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ดังคำกล่าวที่ว่า

“สติ เปรียบเหมือนทราย อารมณ์ เปรียบเหมือนน้ำ”

ดังคนสมัยก่อน เมื่อต้องการน้ำดื่มน้ำใช้ที่สะอาด จะสร้างเครื่องกรองน้ำแบบภูมิปัญญาชาวบ้านขึ้นมา โดยมีทรายขนาดต่างๆ ใส่ไว้ในถังกรองน้ำเป็นชั้นๆ บางครั้งก็จะใช้ถ่านรองรับชั้นของทรายด้วย เพื่อชำระทั้งกลิ่น สี และความสกปรก ให้สิ้นไป สามารถนำน้ำมาบริโภคดื่มกินได้.. ถูกสุขลักษณะ

การกลั่นกรองน้ำฉันใด การกลั่นกรองอารมณ์ก็ฉันนั้น ผู้ประพฤติธรรมจะไม่ปล่อยให้จิตผูกติดอยู่กับอารมณ์ที่ไร้ประโยชน์ เร่าร้อน ขัดเคือง คับแค้น เศร้าหมอง และมืดมน ดังภาษาพระเรียกว่า ราคะ โทสะ โมหะ อันเป็นชื่อของกิเลส ๓ กอง.. ซึ่ง กิเลส หมายถึง ธรรมชาติที่เศร้าหมอง เร่าร้อน.. ซึ่งเมื่อมาประกอบกับจิตเมื่อใด จะทำให้จิตเร่าร้อน เศร้าหมองตามไปด้วย จนก่อเกิดเป็น อกุศลจิต ที่ประกอบด้วย อกุศลธรรม ที่เรียกว่า นิวรณ์ ๕ ประการ ได้แก่ ฉันทะ ปฏิฆะ ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ และวิจิกิจฉา

การกลั่นกรองอารมณ์... หมายถึง รู้เท่าทันอารมณ์เหล่านั้นด้วยสติปัญญา เพื่อทำการชะล้างออกไปด้วยวิริยะ คือ ความเพียรชอบ.. จนจิตสามารถตั้งมั่นสงบอยู่แต่ภายใน ใสสะอาด ก่อเกิดความแน่วแน่เป็นหนึ่งได้ ที่เรียกว่า สมาธิ เพื่อเป็นปทัฏฐานก่อเกิดปัญญา ให้สามารถ รู้เห็น ตามความเป็นจริง ได้อย่างถูกต้องเป็นจริง ที่เรียกว่า รู้เท่าทัน ตามความเป็นจริง ที่จะนำไปสู่การเกิดความสงบ ความสะอาด ความสว่าง ในจิตหนึ่งนั้น

ดังพระพุทธเจ้าตรัสสอนพระพาหิยะว่า

“...ดูก่อนพาหิยะ เธอพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า

จักสักแต่ว่า เห็น ในสิ่งที่ได้เห็น

จักสักแต่ว่า ฟัง ในสิ่งที่ได้ฟัง

จักสักแต่ว่า สบทราบ ในสิ่งที่ได้สบทราบ

จักสักแต่ว่า รู้ ในสิ่งที่ได้รู้..

เมื่อ สักแต่ว่า .. เช่นนี้ เธอก็จะไม่มี.. เพราะเธอไม่มีนั้นแล เธอก็จะไม่มีในโลกนี้ ไม่มีในโลกอื่น ทั้งในโลกนี้และในโลกอื่น.. นี่คือที่สุดแห่งทุกข์...”

หากเราทั้งหลาย พิจารณาให้ลึกซึ้งจากเรื่องพระพาหิยะ จะพบความจริงว่า.. พระพุทธองค์ ทรงสั่งสอนให้มนุษย์แก้ปัญหาโดยมนุษย์ และพึงแก้ด้วยความรู้ความเข้าใจในสัจธรรม.... ด้วยการเข้าถึงความจริงแท้ว่า..

ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ

เมื่อเหตุสิ้นไป ธรรมเหล่านั้นย่อมสิ้นไป นี่คือกฎธรรมชาติที่พระพุทธศาสนา เรียกว่า อิทัปปัจจยตา ที่ตรัสไว้ว่า..

..เมื่อสิ่งนี้ มี สิ่งนี้ จึงมี

เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น

..เมื่อสิ่งนี้ ไม่มี สิ่งนี้ จึงไม่มี

เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป...”

                    การสั่งสอนให้แก้ปัญหาที่เหตุ จึงนับเป็นเรื่องของความเข้าใจความจริงในธรรมชาติ ที่แสดงความเป็นจริงว่า... ไม่มีอำนาจใดในโลกนี้ เหนือ กฎเกณฑ์ธรรมชาติ ทุกสรรพสิ่งอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของธรรมชาติ

การตั้งสมุฏฐานของปัญหาเรื่องราวใดๆ จึงต้องสอดคล้อง.. สอดรับ กับสัจธรรมที่มีอยู่ในธรรมชาติ.. ที่ยากจะฝ่าฝืนให้รอดพ้นไปได้...

เฉกเช่นเรื่องราวที่วุ่นวายอยู่ในสังคมไทย อันเกิดขึ้นจากความเป็นพิษทางระบบการเมือง-การปกครอง ที่มีสมุฏฐานมาจากคนในสังคม ไม่มี ความสามัคคีธรรม.. ไม่ดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญาและความเพียรชอบ

จึงได้เห็นผลพิษที่เกิดขึ้นในทางการเมืองการปกครอง ที่แสดงออกมาในลักษณะเป็นลบกับสังคมประเทศชาติโดยองค์รวม

จนก่อเกิดการคิด อ่าน ทำ ของบรรดาผู้มีอำนาจในการปกครองที่มาจากระบบหมู่ชนเป็นใหญ่ ที่เป็นไปในลักษณะย้อนแย้งกับหลักศีลธรรม คุณงามความดีของสังคม ที่สืบเนื่องกันมาในรูปแบบวัฒนธรรมประเพณีที่มีอารยธรรมแบบวิถีพุทธ

ไม่ว่าในกรณีมีการผลักดันให้เกิด บ่อนกาสิโนอย่างถูกกฎหมาย แม้จะผิดกฎศีลธรรม กฎวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม...

..การยกเลิกการห้ามขายเหล้า เครื่องดื่มมึนเมา ที่ได้มีการประกาศเป็นระเบียบแบบแผนไว้ดีแล้ว.. เพื่อแสดงความเป็นสังคมวิถีพุทธ

ซึ่งหากพิจารณาให้ดีด้วยสติปัญญา.. จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องน่ากลัวยิ่งในสังคมยุคนี้ ที่ไม่ยอมรับความคิดเห็นอันดีงามในความเป็น สัมมาทิฏฐิ.. สัมมาปฏิบัติ.. นับเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อมนุษยชาติในทุกยุคสมัย

เมื่อหันกลับมามองภาคศาสนาในสังคมประเทศที่มีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ก็ยิ่งอ่อนล้า หมดแรง.. เกิดความสังเวชจนเกือบทุเรศ หากขาดสติปัญญายับยั้ง

เพราะมีแต่เรื่องฟุ่มเฟือยในโลกธรรม.. ที่แท้จริงแล้วในเขตศาสนาต้องดำเนินไปด้วยการ ลด ละ เลิก ใน กาม กิน เกียรติ.. อันเป็นศัตรูของการประพฤติพรหมจรรย์.. ดังที่ พระตถาคตเจ้าได้ตรัสไว้.. ได้บัญญัติไว้ชัดเจน ตรงตัว ไม่ต้องแปลความ.. แต่ก็ยังไม่มีการใส่ใจเพื่อถือปฏิบัติอย่างจริงจัง จริงใจ.. แม้จะมีก็เป็นกำลังส่วนน้อยมาก...

ยิ่งถูกผูกด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งหน้าที่.. แบบโลกๆ.. ยิ่งทำให้นักบวช.. ผู้ประพฤติธรรม เดินไม่ออก.. ไปไม่เป็น..

ได้แต่พูด.. แต่ทำไม่ได้

ที่ทำได้.. ก็ไม่ใช่ ธรรม... ที่มุ่งตรง อริยสัจธรรม...

มันจึงต้องเป็นไปเช่นนี้.. จนกว่าจะถึงที่สุด โดยเฉพาะหากยังจัดการศึกษาแยกขา ๓ ขา ออกจากกัน.. ปริยัติไปทาง.. ปฏิบัติไปทาง.. ปฏิเวธจึงไม่เป็นผล.. เพราะไม่มีทางถูกต้องเพื่อความเป็นมรรค.. เป็นผล..แท้จริงได้เลย... จึงให้ออกอาการเป็นห่วงศาสนาของเรา จนต้องถามในใจดังๆ ว่า.. ถึงเวลาปฏิรูปองค์กรที่เกี่ยวข้อง หรือยัง!!!.

เจริญพร

[email protected]

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิตที่ .. ไร้ยางอาย .. กับอำนาจที่ไร้ธรรม..!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในยามที่วิถีสังคม ประเทศชาติ ดำเนินไปอย่างไร้ทิศทาง ด้วยพลังขับของความไร้สาระแห่งธรรม.. อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในศาสนจักรหรืออาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพระหรือของคนหัวดำทั้งหลาย

วิชารัฐมนตรี (3)

เนื้อหาหนังสือ "วิชารัฐมนตรี" ศาสตร์และศิลป์ของ "การนำ" ผ่านมุมมองเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เขียนโดย ดร.ยุวดี คาดการณ์ไกล และณัฐธิดา เย็นบำรุง จัดทำโดยมูลนิธิสถาบันสร้างสรรค์ปัญญาสาธารณะ มีทั้งหมด 6 บท รวม 156 หน้า

“ปัญหาไม่รู้จบ” เงินทอง-ผู้หญิง และโทรมือถือ.. .. ในหมู่บรรพชิต!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. มีข่าวที่น่าสังเวชยิ่ง เกิดขึ้นอีกครั้งในแวดวงภิกษุสงฆ์ในบ้านเรา เมื่อ พระเทพวชิรปาโมกข์ หรือที่รู้จักกันในนาม เจ้าคุณอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ กรุงเทพฯ ได้ลาสิกขา โดยมีการวิจารณ์สะพัดวงการสงฆ์ ถึงสาเหตุในการสึกที่น่าจะมาจากความสัมพันธ์กับผู้หญิง..

วิชารัฐมนตรี (2)

เนื้อหาหนังสือ "วิชารัฐมนตรี" ศาสตร์และศิลป์ของ "การนำ" ผ่านมุมมองเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เขียนโดย ดร.ยุวดี คาดการณ์ไกล และณัฐธิดา เย็นบำรุง จัดทำโดยมูลนิธิสถาบันสร้างสรรค์ปัญญาสาธารณะ มีทั้งหมด 6 บท รวม 156 หน้า

อย่าปรามาสธรรม .. อย่าประมาทกรรม!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในห้วงเวลาที่ออกตรวจการณ์คณะสงฆ์ ภาค ๒ (ธรรมยุต) ประจำปี ๒๕๖๘ ในพื้นที่ ๓ จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี และอ่างทอง จึงได้ใช้โอกาสดังกล่าวขับเคลื่อน