“เงินเฟ้อพุ่ง”ดันสินค้าขึ้นยกแผง

 “ค่าครองชีพ” เป็นปัญหาที่กำลังส่งผลกระทบกับประชาชนอยู่ในขณะนี้ หลังจากราคาสินค้าส่วนใหญ่มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งปัญหานี้ซ้ำเติมประชาชนที่ยังคงบอบช้ำจากผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อยาวนานมาตั้งแต่ปี 2563 ทั้งภาคธุรกิจและภาคประชาชนยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง

 “กระทรวงพาณิชย์” ได้รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย หรือเงินเฟ้อทั่วไป ในเดือน มี.ค.2565 อยู่ที่ 104.79 สูงขึ้น 5.73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากสินค้าและบริการในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุน ทั้งราคาพลังงาน วัตถุดิบที่นำเข้า และค่าขนส่ง ส่วนหนึ่งมาจากการคว่ำบาตรของสหรัฐและพันธมิตร ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาที่ได้รับผลกระทบรุนแรง เพราะต้นทุนทางเศรษฐกิจมีความเปราะบาง

 “ปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้ออยู่ที่ 5.73% ยังคงเป็นราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานที่สูงขึ้น 32.43% โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง สูงขึ้น 31.43% และค่ากระแสไฟฟ้าสูงขึ้น 39.95% ซึ่งเป็นไปตามราคาพลังงานในตลาดโลก สินค้าประเภทอาหาร ได้แก่ เนื้อสัตว์ ทั้งหมูและไก่สด ไข่ไก่ ผักสดบางชนิด เครื่องประกอบอาหารและอาหารสำเร็จรูป ปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ รวมทั้งฐานราคาในเดือนเดียวกันของปีก่อนอยู่ในระดับต่ำมีส่วนทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น”

ขณะที่ “ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)” ก่อนหน้านี้ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง เพื่อชี้แจงการเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าสูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2565 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า (ไตรมาส 2/2565 ถึงไตรมาส 1/2566) จะอยู่ที่ 4.1% ซึ่งสูงกว่ากรอบเป้าหมายนโยบายการเงินในปัจจุบัน โดยในปี 2565 ได้กำหนดกรอบอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วง 1-3%

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มสูงกว่า 5% ในช่วงไตรมาส 2 และ 3/2565 ก่อนจะปรับลดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป้าหมายตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 โดยการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาส 2 และ 3 นั้น สะท้อนจากฐานที่ต่ำของราคาน้ำมันและมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของภาครัฐในปี 2564 ซึ่งจะส่งผลให้ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเทียบต่อปีสูงขึ้น แม้ระดับราคาไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากก็ตาม โดยอัตราเงินเฟ้อจะทยอยลดลงในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และแม้ว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อจะยังมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่มีโอกาสสูงกว่าที่ประเมินไว้ แต่โอกาสที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2566 จะสูงกว่ากรอบเป้าหมายมีไม่มาก

ด้าน “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ระบุว่า ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือน (KR-ECI) ในเดือน มี.ค.2565 ขยับลงมาอยู่ที่ 33.4 จาก 33.9 ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา สะท้อนว่าครัวเรือนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับระดับราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงราคาพลังงาน สาธารณูปโภค และบริการพื้นฐานในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซ ไฟฟ้า น้ำประปา ค่าโทรศัพท์ ค่าโดยสาร ซึ่งสะท้อนผ่านอัตราเงินเฟ้อในเดือน มี.ค. ที่พุ่งสูงต่อเนื่องที่ระดับ 5.73%

ซึ่งจากราคาสินค้าที่มีแนวโน้มจะอยู่ระดับสูงต่อเนื่อง แต่สถานการณ์การจ้างงานยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ ครัวเรือนส่วนใหญ่ต้องการมาตรการตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาระการครองชีพที่เกิดขึ้น

โดยในระยะข้างหน้า ภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนยังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งจากสถานการณ์สินค้าาราคาสูง โดยภาครัฐจะสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลหลังสิ้นเดือน เม.ย.2565 ขณะที่ราคาก๊าซและค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากนี้จึงอาจจะเริ่มเห็นการส่งผ่านต้นทุนจากผู้ประกอบการสู่ผู้บริโภคมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มพุ่งสูงเหนือระดับ 25,000 รายต่อวัน (ไม่รวม ATK) ขณะที่ยังต้องติดตามในช่วงหลังเทศกาลที่กระทรวงสาธารณสุขคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อมีโอกาสเพิ่มขึ้นราว 50,000-100,000 รายต่อวัน.

ครองขวัญ รอดหมวน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร

ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย

ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?

เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด

เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย

ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน

เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย

อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP

อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ

ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย

ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า