เส้นทางสู่ Landslide...แต่ ????

ดูเหมือนว่าความพยายามที่จะให้ได้จำนวน ส.ส. มากในระดับ Landslide หรือชนะแบบถล่มทลายนั้นกำลังจะสัมฤทธิผลจนสลิ่มทั้งหลายหดหู่ท้อแท้ เพราะกลัวจะได้นายกรัฐมนตรีหญิงอีกคน ไม่ได้ดูถูกหรอกนะ แต่ดูประสบการณ์แล้ว ที่ผ่านมาพี่คิด น้องทำ เราเจอกับอะไร มาคราวนี้พ่อคิด ลูกทำ จะนำพาประเทศชาติไปในทางไหน ด้วยเหตุนี้สลิ่มทั้งหลายเลยไม่สบายใจกับการย่างก้าวสู่ชัยชนะแบบ Landslide ตามเป้าหมายของนายใหญ่ผู้เป็นเจ้าของคอก

บันไดขั้นที่ 1 มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้งที่เปิดสมัยประชุม แต่ก็ไม่สามารถเด็ดหัวนายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ เพราะไม่มีเรื่องทุจริตเชิงประจักษ์มากล่าวหานายกรัฐมนตรี

และในทุกข้อกล่าวหาของพวกเขานั้น กลับกลายเป็นโอกาสให้นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงในลักษณะแถลงผลงานให้ประชาชนได้รับรู้ว่าได้ทำงานอะไรไปบ้าง และหลายเรื่องที่เป็นข้อกล่าวหาของพวกเขา ก็เป็นการขว้างงูไม่พ้นคอ เพราะคำกล่าวหาหลายเรื่องมันโดนนายใหญ่เจ้าของพรรคของพวกเขาเอง

บันไดขั้นที่ 2 พวกเขาต้องการให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แยกระหว่าง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะว่าในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วด้วยบัตรใบเดียวแล้วคำนวณหาจำนวน ส.ส.พึงมีนั้น พวกเขาไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว แกนนำคนสำคัญของพรรคที่อยู่ในบัญชีรายชื่อไม่ได้เข้าสภาแม้แต่คนเดียว จึงทำให้เขาพยายามที่จะให้มีการแก้รัฐธรรมนูญให้มีการเลือกตั้งด้วยบัตร 2 ใบ เพราะเขาเคยชนะแบบถล่มทลายมาแล้วด้วยการเลือกตั้งด้วยบัตร 2 ใบ ตามแนวทางที่เขาว่า The winner takes all. คือ ผู้ชนะกวาดเรียบทั้ง ส.ส.เขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทำให้สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยคะแนนจากพรรคอื่น การเอาพรรคอื่นเข้ามาเสริมก็เป็นเพียงสร้างความมั่นคงให้กับรัฐบาลเท่านั้น และสิ่งที่ประชาชนได้เห็นก็คือ “เผด็จการรัฐสภา” เพราะว่านายทุนเจ้าของพรรคสั่งได้ทุกอย่าง ส.ส.ไม่มีเอกสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียง

บันไดขั้นที่ 3 เขามั่นใจมากว่าเมื่อมีการเลือกตั้งด้วยบัตร 2 ใบ พวกเขาจะได้คะแนนมามาก และเขาต้องการให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวนมาก โดยกันไม่ให้พรรคเล็กได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จึงต้องการให้ใช้สูตรจำนวนผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหาร 100 ที่จะทำให้การจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน จะต้องได้คะแนนเสียงประมาณ 300,000 ถึง 400,000 คะแนน แต่ถ้าหากใช้สูตรหาร 500 การจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะต้องใช้คะแนนเพียง 70,000 กว่าๆ เท่านั้น ถ้าจะต้องให้ได้คะแนนมากกว่า 300,000 จึงจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน พรรคเล็กทั้งหลายน่าจะหายไปจากการเมืองของประเทศไทย เพราะที่ผ่านมานั้นพรรคเล็กที่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น บางพรรคได้คะแนนไม่ถึง 70,000 ด้วยซ้ำ ที่เราเรียกขานกันทุกวันนี้ว่า “ส.ส.ปัดเศษ” ตอนนี้สลิ่มบางคนเมื่อรู้ว่าพวกเขาจะใช้สูตรหาร 500 กันก็ปลอบใจตนเองว่าก็ดีเหมือนกัน ส.ส.ปัดเศษบางคนจะได้ไม่มีโอกาสเข้าสภา เพราะที่ได้เข้ามาแล้วในตอนนี้ก็มีพฤติกรรมที่ประชาชนไม่ปรารถนาและเอือมระอาอยู่เหมือนกัน

บันไดขั้นที่ 4 ที่กำลังพยายามอยู่ในตอนนี้ก็คือ ต้องการให้นายกรัฐมนตรีครบการดำรงตำแหน่ง 8 ปีในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 นี้ ทั้งๆ ที่เวลานี้นักกฎหมายหลายคนก็ตีความต่างกัน บางคนก็นับตั้งแต่ปี 2557 ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีจากการแต่งตั้งของ คสช. ถ้านับแบบนี้ พลเอกประยุทธ์ก็จะต้องพ้นตำแหน่งปีนี้ บางคนก็บอกว่าเวลานั้นยังไม่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จึงจะนับตอนนั้นไม่ได้ ต้องนับตั้งแต่ปี 2560 ที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ถ้าหากนับแบบนี้ พลเอกประยุทธ์ถ้าหากได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อก็จะพ้นตำแหน่งในปี 2568 เป็นการอยู่ไม่ครบวาระ บางคนก็บอกว่าต้องนับตั้งแต่ปี 2562 ที่พลเอกประยุทธ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจากการลงคะแนนเสียงของสภา ประธานรัฐสภาทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ก็มีประธานรัฐสภาเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เมื่อมีการตีความต่างกันเช่นนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือการส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ

แต่ก็มีคนที่น่าจะกลัวว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตีความให้พลเอกประยุทธ์สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ถึงปี 2568 หรือ 2570 จึงพยายามกดดันให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาตนเอง ไม่ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ต้องรู้ด้วยตนเอง แล้ว “เสียสละ” ลาออกไปเอง เมื่อนายกรัฐมนตรีบอกว่าท่านจะรอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ก็มีความพยายามที่จะกดดันศาลรัฐธรรมนูญด้วยการเอารายงานประชุมที่มีการออกความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานาในการตีความเรื่อง 8 ปี ไปเอาการเสนอความคิดเห็นที่ไม่ใช่มติของที่ประชุมมาบอกว่าจากความเห็นดังกล่าวนั้น เป็นการผูกมัดว่าพลเอกประยุทธ์จะต้องพ้นตำแหน่งปี 2565 นี้ จนเจ้าตัวที่ถูกอ้างถึงได้ออกมาอธิบายว่าในการประชุมมีการพูดกันหลายคน และเป็นเพียงความคิดเห็น ไม่ได้เป็นมติ และไม่มีการเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ และยังพูดอีกว่า อย่าดูเฉพาะมาตรา 158 ที่กำหนดเอาไว้ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปีไม่ได้ ไม่ว่าจะต่อเนื่องหรือไม่ต่อเนื่องก็ตาม ต้องดูมาตราอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบด้วย

สำหรับเรื่องนี้ นอกจากจะเอารายงานการประชุมมาเผยแพร่กันให้ว่อนใน Social Media แล้ว เหล่าบรรดาสื่อมวลชนที่เลือกข้างสนับสนุนพรรคใหญ่ที่ต้องการ Landslide ก็เอาไปขยี้ละเลงกันใหญ่ ทั้งๆ ที่เจ้าตัวที่ถูกกล่าวถึงว่าเป็นผู้แสดงความคิดเห็นได้ออกมาอธิบายแล้ว แต่ก็ไม่นำพา ก็ยังพยายามที่จะกดดันให้พลเอกประยุทธ์ลาออกเอง หรือใช้รายงานการประชุมมีบันทึกความคิดเห็นที่ไม่ใช่มติมากดดันศาลรัฐธรรมนูญ พวกเขาคิดแต่เรื่องการจะเปลี่ยนขั้วอำนาจเอานายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไป เพื่อให้พวกเขาได้เข้ามาแทน ด้วยการกล่าวหาว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่มา 8 ปีไม่มีผลงาน ไม่รู้ว่าพวกเขามองไม่เห็นจริงๆ หรือว่าเขาเห็น แต่ก็จงใจบิดเบือนความจริง ดังนั้นเรื่อง Landslide ยังคงมีเครื่องหมาย ???? นี้อยู่นะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ดร.เสรี' แฉเศรษฐีการเมืองทุ่มเศษเงิน 250 ล้านซื้อวุฒิสภาได้เลย

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าวิธีเลือก สว. อันสลับซับซ้อนอย่างที่เห็น ถ้าดูดีๆ ถ้าใช้เงิน

2475 Dawn of Revolution

2475 Dawn of Revolution ภาพยนตร์การ์ตูน (Animation) ถ้าหากจะจัดประเภททางวรรณกรรม (genre) ก็คือว่า เป็นภาพยนตร์เชิงประวัติศาสตร์ (Movie based on history)

กระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

ระเบียบโลก ระบบโลก หรือกฎ-กติกาในระดับโลก กับระเบียบ ระบบ กฎ-กติกาในบ้านเรา...ไปๆ-มาๆ แล้ว แทบสรุปไม่ได้ว่าอะไรจะเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก มาก-น้อยไปกว่ากัน

เมืองกรุงเดือด!

เอาซิ! เมื่อเต่าไม่ยอมแพ้กระต่าย แม้จะเดินช้าแต่ก็เดินชัวร์ แล้วแบบนี้เส้นชัยจะไปไหนเสีย เลยได้เห็น รองเต่า-พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ในฐานะรองหัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวนคดีเว็บพนันออนไลน์

ใกล้เวลา...สงครามโลกครั้งที่สาม!!!

ท่าทางมันน่าจะใกล้ๆ เข้ามาแล้ว!!!...สำหรับ สงครามโลกครั้งที่ 3 หรืออาจถึงขั้น สงครามนิวเคลียร์ เอาเลยก็ไม่แน่ ไม่ว่าจะดูจากความขัดแย้งทางการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคมในระดับโลก