ขออนุญาตตั้งชื่อเรื่องอาทิตย์นี้เป็นภาษาอังกฤษนะครับ ความหมายตรงตัวของมันก็คือ “แอมะซอน 1 วันด้วยภาพ” เป็นการเล่าเรื่องการล่องและท่องแอมะซอนฉบับมินิ จากการซื้อแพ็กเกจเที่ยวแบบ One-day tour
เราเดินจากโรงแรมไปยังท่าเรือมาเนาส์ตั้งแต่เช้า เวลานัดขึ้นเรือคือ 8 โมง แต่ลูกทัวร์ขาดไปเกือบครึ่งของเรือนำเที่ยวความจุประมาณ 50 คน ผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง ทางฝ่ายจัดทัวร์ก็ไปเจรจากับเรืออีกลำที่ลูกทัวร์ขาดอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งเช่นกัน ครู่ต่อมาลูกเรือลำโน้นถูกถ่ายมาลำของเรา เวลา 9 โมงตรงเรือจึงออกจากท่า
สถานที่แรกคือแพกลางแม่น้ำแห่งหนึ่ง กิจกรรมที่จัดไว้คือการลงไปสัมผัสโลมาแอมะซอน หรือโลมาสีชมพู นักท่องเที่ยวจะต้องจ่ายเงินเพิ่มจากแพ็กเกจที่จ่ายไปแล้ว แบ่งเป็น 20 เรียลสำหรับลงน้ำไปอยู่ใกล้โลมา และ 10 เรียลสำหรับดูและถ่ายรูปใกล้ๆ ใครไม่จ่ายก็ดูจากระยะห่างๆ ถ่ายรูปแบบซูมไกลๆ หรืออาจดูและถ่ายไม่เห็นด้วยซ้ำ เพราะเรือนแพหลังที่ลงน้ำนี้บล็อกมุมมองหรือบังทัศนวิสัยไปเกือบหมด ลูกทัวร์ที่เหลือยืนรอที่แพกลางซึ่งเป็นแพหลัก
สนนค่าทัวร์ 1 วันนี้มีผู้อุปการคุณออกให้ผม จึงไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่ แต่ผมตรวจสอบจากเว็บไซต์ต่างๆ แล้วทราบว่าตกอยู่ที่ประมาณ 400 เรียล คูณด้วย 7 ก็เท่ากับ 2,800 บาท
ผมจ่าย 10 เรียลเพื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ได้ภาพมาฝากเท่าผู้อ่านอย่างที่เห็น เจ้าหน้าที่มากประสบการณ์พร้อมอุปกรณ์ลอยตัวในน้ำคอยเรียกโลมาสีชมพูมาใกล้ๆ ล่อด้วยปลาเหยื่อตัวขนาดข้อมือ โดยการตีปลาเหยื่อที่ผิวน้ำ พอโลมาเข้ามาใกล้ก็ชูปลาเหยื่อขึ้นเหนือน้ำ โลมาก็กระโดดงับกลางอากาศ นั่นคือเสี้ยววินาทีที่คนจ่ายเพิ่ม 10 และ 20 เรียลต้องการ
เสร็จจากดูโลมาสีชมพู เรือนำเที่ยวพาไปยังหมู่บ้านชาวป่าแอมะซอน ก่อนลงจากเรือผมได้ยินไกด์ประจำเรือพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า โปรดอย่าจ่ายเงินให้กับผู้ครอบครองสัตว์ป่าเพื่อถ่ายรูปกับสัตว์ป่าเหล่านั้น โดยเฉพาะตัวสลอธ สัตว์จอมขี้เซาและเชื่องช้า เพราะจะทำให้พวกมันสูญเสียสัญชาตญาณ และเป็นการส่งเสริมทางอ้อมให้คนล่าสัตว์มาทำมาหากิน แต่พอลงจากเรือไปก็ไม่ค่อยมีใครนำพา จ่ายเงินอุ้มสัตว์และถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียกันสนุกสนาน
ไฮไลต์ของการเยือนหมู่บ้านชาวป่าแอมะซอนนี้คือ การชมการแสดงระบำชาวไพรในเรือนที่มีแต่หลังคา เวทีคือลานดินกว้างขาง ผู้ชมนั่งม้านั่งล้อมรอบ
ก่อนการแสดงมีชาวแอมะซอนจำนวนหนึ่งในชุดแต่งกายของชนพื้นเมือง นำสีพร้อมพู่กันมาเขียนหน้าเขียนตาให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยศิลปินของผมเป็นเด็กชายวัยประมาณ 6-8 ขวบ พอจะให้ทิป หนูน้อยก็หายตัวไปเรียบร้อย
การแสดงเริ่มด้วยหัวหน้าเผ่าออกมาป่าวประกาศอะไรบางอย่าง แล้วกลุ่มผู้ชายก็ออกมาเล่นดนตรีด้วยเครื่องเป่ายาวอันละเป็นเมตร จากนั้นเสียงกลองดังขึ้น แล้วผู้ชายนักเป่าทั้งหลายกับกลุ่มผู้หญิงในชุดชาวเผ่าเปลือยท่อนบนก็ออกมาระบำไปรอบๆ เคียงคู่ไปเป็นวงกลม ความจริงแล้วเป็นการเดินเร็วๆ มากกว่าจะเรียกว่าเต้นรำ พวกผู้หญิงนั้นนอกจากเดินแล้วก็ยังกระเตงลูกเล็กไว้ที่เอวอีกด้วย
หนุ่มชาวบราซิลที่มาในทริปเดียวกัน เคยบวชเป็นพระยิวในสหรัฐอเมริกา มากระซิบข้างหูผมว่าถ้าอยากได้ข้อมูลอะไรก็ถามเขาได้ ยินดีอธิบายทุกอย่าง สนทนากันต่อมาจึงสัมผัสได้ว่าอดีตนักบวชผู้นี้มีจิตใจงดงาม ชอบช่วยเหลือคน
ผมถามว่านักแสดงนี่เป็นชนพื้นเมืองแอมะซอนจริงไหม เขาตอบว่าชาวแอมะซอนจริงๆ อยู่อาศัยลึกเข้าไปในป่า ที่เห็นอยู่นี่เป็นชนพื้นเมืองที่อยู่ข้างนอก และดำรงชีพอยู่ด้วยการแสดง บ้านเรือนของพวกเขาที่เราเห็นก็ปลูกขึ้นใหม่เพื่อจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวชม
การแสดงมาถึงช่วงท้าย ชนพื้นเมืองที่เดินวนเป็นวงกลมต่างเดินเข้าไปหาและดึงมือนักท่องเที่ยวให้ออกไปเดินด้วย โดยการคล้องแขนกันไปรอบๆ สำหรับผู้หญิงก็เป็นแขนข้างที่ไม่ได้อุ้มลูก ผมก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกคล้องแขน
กลับขึ้นเรืออีกครั้ง คนขับมุ่งหน้าร้านอาหารริมน้ำ อาหารถูกจัดไว้แบบบุฟเฟต์ มีลูกทัวร์จากเรืออีกลำกำลังกินมื้อเที่ยงอยู่ ปลาแอมะซอนย่างและทอดกรอบได้รับความนิยมเป็นพิเศษ พวกเครื่องดื่มนั้นต้องซื้อต่างหาก ยกเว้นกาแฟร้อนในถังที่ชงสำเร็จไว้แล้ว
มื้ออาหารจบลง ไกด์บอกให้เดินชมร้านขายของที่ระลึก แต่ส่วนมากลูกทัวร์จะเดินเลยร้านขายของที่ระลึกไปยังสะพานทางเดินยาวประมาณ 500 เมตร สะพานนี้ไปสุดที่ศาลากลางน้ำสำหรับชมบัวแอมะซอน ระหว่างทางมีสัตว์ป่าให้ชมประปราย ที่เป็นพระเอกคือลิงจิ๋ว ซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นลิงอะไร แต่ผูกมิตรอย่างว่องไวกับคนที่มีของกินอยู่ในมือ
สถานที่ต่างๆ ที่ไกด์ทัวร์พาไปนั้นล้วนอยู่ใน “รีโอเนโกร” หนึ่งในสาขาใหญ่ของแม่น้ำแอมะซอน และเป็นสาขาที่ไหลผ่านเมืองมาเนาส์ จุดหมายต่อไปคือจุดบรรจบของแม่น้ำเนโกรและแม่น้ำโซลิโมยส์ ซึ่งแม่น้ำโซลิโมยส์ก็คือแม่น้ำแอมะซอนส่วนบนที่ไหลมาไกลตั้งแต่เปรู แต่ชาวบราซิลเรียกว่า “รีโอโซลิโมยส์” พอบรรจบกันแล้วถึงเรียก “รีโออามะโซนัส”
จุดบรรจบ หรือ Encontro das Águas นี้กินระยะทางถึงประมาณ 9 กิโลเมตร นั่นคือไม่ไหลรวมเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ไหลเคียงกันไป แม่น้ำเนโกรมีสีดำและโซลิโมยส์ให้สีน้ำตาล ไกด์อนุญาตให้ออกไปถ่ายรูปตรงหัวเรือได้ทีละคน แต่จากมุมมองตรงหัวเรือกลับเห็นสีตัดกันของแม่น้ำไม่ค่อยชัดเท่ากับมองจากด้านข้างของเรือ
จาก Encontro das Águas คนขับเรือพาไปที่กลุ่มของแพแห่งหนึ่ง มีเรือนคล้ายพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงรูปจำลองปลาอะราไพมา ภาพและข้อมูล ในกระชังมีปลาจริงว่ายอยู่ นอกจากนี้ยังมีกระชังสำหรับตกปลาแยกออกไป แต่คงไม่ใช่ปลาอะราไพมา เพราะปลาอะราไพมานี้ถูกเรียกขานว่า “ไอ้ช่อนยักษ์แห่งแอมะซอน” ที่สามารถกินลิงและหมาได้ มีขนาดความยาวเฉลี่ย 2-3 เมตร ที่วัดได้สูงสุดยาวถึง 4.5 เมตร
และนี่คือจุดสุดท้ายของการทัวร์แอมะซอนใกล้เขตเมืองมาเนาส์ รัฐอามะโซนัส สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
2475 Dawn of Revolution
2475 Dawn of Revolution ภาพยนตร์การ์ตูน (Animation) ถ้าหากจะจัดประเภททางวรรณกรรม (genre) ก็คือว่า เป็นภาพยนตร์เชิงประวัติศาสตร์ (Movie based on history)
กระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง
ระเบียบโลก ระบบโลก หรือกฎ-กติกาในระดับโลก กับระเบียบ ระบบ กฎ-กติกาในบ้านเรา...ไปๆ-มาๆ แล้ว แทบสรุปไม่ได้ว่าอะไรจะเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก มาก-น้อยไปกว่ากัน
เมืองกรุงเดือด!
เอาซิ! เมื่อเต่าไม่ยอมแพ้กระต่าย แม้จะเดินช้าแต่ก็เดินชัวร์ แล้วแบบนี้เส้นชัยจะไปไหนเสีย เลยได้เห็น รองเต่า-พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ในฐานะรองหัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวนคดีเว็บพนันออนไลน์
ใกล้เวลา...สงครามโลกครั้งที่สาม!!!
ท่าทางมันน่าจะใกล้ๆ เข้ามาแล้ว!!!...สำหรับ สงครามโลกครั้งที่ 3 หรืออาจถึงขั้น สงครามนิวเคลียร์ เอาเลยก็ไม่แน่ ไม่ว่าจะดูจากความขัดแย้งทางการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคมในระดับโลก
ถ้าจะคิดใหญ่...ต้องมั่นใจว่าคิดเป็น ถ้าบอกว่าทำเป็น...ต้องทำให้เห็นว่าทำถูก
การจะกำหนดนโยบายการเงินการคลังในการบริหารประเทศจะต้องใช้ความรู้ความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจมหภาค และควรจะได้ร่ำเรียนมาเป็นเรื่องเป็นราว และได้มีโอกาสทำงานในด้านนี้มาเป็นเวลานานพอที่จะเป็นผู้มีความเ
ล้มดีลฟาสต์แทร็ก!
เอ๊ะยังไง!!! เหมือนมีสัญญาณแปลกๆ ในดีล "ฟาสต์แทร็ก" ดัน บิ๊กจวบ-พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้น รอง ผบ.ตร.ช่วงเดือนเมษายน เพื่อแต่งตัวรอชิงเก้าอี้ "แม่ทัพใหญ่สีกากี"