ต้องได้วางอนาคตตนเอง...เหรอ?

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในกลุ่มเยาวชนรุ่นนี้คือ พวกเขาหันมาสนใจการเมืองมากขึ้น เขาบอกกับสังคมว่าเขาต้องการที่จะวางอนาคตตนเอง ผู้ใหญ่ที่พวกเขาเรียกว่า “ไดโนเสาร์” ต้องถอยๆ ออกไป อย่ามายุ่งกับการวางอนาคตให้พวกเขา

สิ่งที่เขาให้ความสำคัญก็คือ “ประชาธิปไตย” ที่พวกเขามองว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้พวกเขามีเสรีภาพในการจะทำอะไรก็ได้ตามใจตน

พวกเขาออกมาชุมนุมเรียกร้องเสรีภาพ อิสรภาพ ความทัดเทียม การหลุดพ้นจากการถูกกดทับด้วยกฎกติกาต่างๆ

การกระทำของพวกเขามีคนกลุ่มหนึ่งออกมายกย่องว่าพวกเขากล้าหาญ กล้าที่จะพูด กล้าที่จะแสดงออก กล้าที่จะเรียกร้องให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่น่าเสียดายที่พวกเขารู้ไม่เท่าทันคนที่ออกมายุให้เขาเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้ออกมาทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย หลายคนจะโดนคดี ติดคุกก็มี อยู่ในระหว่างประกันก็มี ติดกำไลข้อเท้าก็มี พวกเขาเป็นเหยื่อของกลุ่มคนที่มีวาระทางการเมืองที่เป็นอันตรายต่อประเทศไทย เยาวชนเหล่านี้จึงเป็นเพียงเบี้ยในกระดานเท่านั้น และเมื่อพวกเขาถูกดำเนินคดีอาจจะมีคนมาช่วยประกันตัว แต่เมื่อยามที่พวกเขาต้องอยู่หน้าบัลลังก์ศาล พวกเขาต้องโดดเดี่ยวเดียวดาย มีแต่พ่อแม่เท่านั้นที่เดือดร้อน

การที่พวกเขาตกเป็นเหยื่อของนักวิชาการ นักการเมืองที่มีวาระส่วนตัวในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย เป็นเพราะพวกที่ยุยงพวกเขานั้นจับจุดได้ถูกต้องว่าพวกเขากำลังอึดอัดกับกฎระเบียบต่างๆ ทั้งของพ่อแม่ที่บ้าน ของครูบาอาจารย์ที่โรงเรียน และของกฎหมายที่กำกับพฤติกรรมคนในสังคมเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม สิ่งที่พวกเขาอึดอัดนี้ ตามหลักการตลาดเรียกว่า Pain Point แปลตรงๆ ก็หมายความว่ามันเป็น “ความเจ็บปวด” คนที่เอาเยาวชนเป็นเหยื่อ สร้างวาทะกรรมว่าจุดเจ็บปวดเหล่านี้เป็น “แอก” ที่เป็นความหนักอึ้งของเยาวชน ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องปลดแอก ดังนั้นเยาวชนจะต้องออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปลดแอก แล้วจะได้โอกาสในการวางอนาคตตนเอง หลุดพ้นจากการถูกกดทับ ได้อิสระและเสรีภาพในการดำเนินชีวิตในสังคมประชาธิปไตย พร้อมกับได้รับคำชมจากคนที่ยุยงส่งเสริมให้พวกเขาออกมาทำกิจกรรมว่าเป็นคนกล้าหาญ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเราติดตามดูพฤติกรรมทางการเมืองของพวกเขาแล้วน่าเป็นห่วง จะเรียกว่าพวกเขาเป็นเหยื่อของนักวิชาการ พวกที่อาจเป็นมากกว่าอาจารย์ และนักการเมืองที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปในทางที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ การกระทำของเขาหลายอย่างเข้าข่ายการทำผิดกฎหมายมาตรา 112 พวกเขามีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะถูกครอบงำด้วยข้อมูลที่บิดเบือน เขาแสดงความคิดเห็นและมีพฤติกรรมที่เรียกว่าชังชาติ พวกเขาปราศรัย เขียนป้าย พ่นสีสร้างข้อความตามกำแพง พ่นสีสร้างข้อความบนถนน พวกเขาใช้อาวุธและมีการกระทำที่รุนแรง ทั้งหมดนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พวกเขามีตรรกะวิบัติเพราะเชื่อข้อมูลที่พวกเขาได้รับจากเหล่าบรรดาคนชังชาติทั้งหลาย พวกเขาติดตามข่าวสารที่อยู่ใน Twitter เท่านั้น ไม่สนใจที่จะติดตามข่าวสารที่อยู่ในช่องทางอื่นๆ พวกเขาเชื่อว่าข้อความที่พวกเขาได้รับบนพื้นที่ Twitter นั้นถูกต้องทั้งหมด และพวกเขาก็จะนำเอาข้อความเหล่านั้นมากำหนดพฤติกรรมทางการเมืองของพวกเขา จนในที่สุดพวกเขาก็กลายเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย ทำไมพวกเขาคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากสิ่งที่พวกเขาทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง คนที่ยุยงส่งเสริมให้พวกเขาทำไยจึงไม่ออกมาเอง  แค่นี้ยังคิดไม่ได้ แล้วจะมาวางอนาคตของตนเองได้อย่างไร คิดได้แบบนี้จะมากำหนดทิศทางของประเทศได้อย่างไร

  • ติดตามข้อมูลไม่ครบถ้วน หาข้อมูลไม่ครบด้าน หลงใหลข้อมูลที่ได้จากกลุ่มคนที่เสนอตัวมาเป็นผู้ปลดแอกแบบไม่ลืมหูลืมตา
  • หลงใหลคำว่าประชาธิปไตย บ้าอิสรภาพ เสรีภาพ จนไม่รู้ว่าอะไรคือกฎกติกามารยาท กฎเกณฑ์ที่มีไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม จนกลายเป็นคนไร้วินัย
  • รู้ไม่เท่าทันนักวิชาการเจ้าเล่ห์ นักการเมืองที่เห็นแก่ตัว ฉลาดไม่พอที่จะใช้วิจารณญาณที่ถูกต้องในการกำหนดทัศนคติและพฤติกรรมการเมืองของตนเอง
  • มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย ไม่เคยรู้ตัวว่าทำผิด เมื่อต้องคดีก็ไม่มีความสำนึก โทษกฎหมาย โทษกระบวนการยุติธรรม กระทำการหมิ่นศาล
  • ทำผิดซ้ำซาก ยอมทำสิ่งที่ผิดกฎหมายเพราะหลงใหลกับคำชมว่าพวกตนนั้นเป็นคนกล้าหาญ กล้าทำในสิ่งที่คนในอดีตไม่กล้าทำ
  • ไม่เคารพผู้อาวุโส ดูถูกว่าเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีที่ไม่ทันสมัย ไม่ให้ความสำคัญกับคำว่า “ประสบการณ์” ที่สำคัญกว่า “ความรู้”
  • หยิ่งยโสอวดดีว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล คิดว่าการเข้าหาข้อมูลจาก Google ได้นั้นเก่งเสียเต็มประดา จนไม่ต้องฟังใครแล้ว
  • ไม่มีความกตัญญูรู้คุณ ไม่ว่าจะเป็นความกตัญญูต่อแผ่นดิน ต่อพระมหากษัตริย์ ต่อพ่อแม่ ต่อครูบาอาจารย์ แสดงตนเป็นคนอกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
  • พูดจาแสดงอาการชังชาติ ไม่สนใจรากเหง้าความเป็นไทย ไม่ภูมิใจในความเป็นไทย ชิงชังสิ่งที่เป็นวัฒนธรรมอันดีงามที่เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย
  • กระทำผิดกฎหมายอยู่เนืองนิจ แทนที่จะรูจักพิจารณาตนเองว่าทำผิดอะไร กลับกล่าวหาว่ากฎหมายมีปัญหา กระบวนการยุติธรรมมีปัญหา

พวกเขาเป็นเหยื่อทางการเมือง ไม่มีวุฒิภาวะที่ดีพอ เช่นนี้แล้ว พวกเขายังจะมาวางอนาคตตนเอง หรือกำหนดทิศทางในการพัฒนาประเทศชาติได้อีกหรือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ นักบวชในศาสนา นักการเมือง หน่วยงานราชการ สื่อมวลชน ทำอะไรกันอยู่ จึงปล่อยให้เยาวชนของเราเป็นเช่นนี้ได้ แก้ไขกันหน่อยนะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กุมขมับแล้ว! 'ดร.เสรี' เชื่อแก๊งช่วย 'นช.ทักษิณ' จ่อเข้าคุกแทน

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า อุตส่าห์สร้างเรื่องราว สร้างวาทกรรมช่วยให้ไม่ต้องติดคุก

หวังแดงจะแทงส้ม คงไม่สมหวังนะสลิ่ม

ในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นวันเลือกตั้งที่ผ่านมา สลิ่มและด้อมแดงมีอาการตกใจไปตามๆ กัน เพราะไม่คาดคิดว่าพรรคส้มจะชนะการเลือกตั้งได้ถล่มทลายขนาดนั้น

เมืองใดไร้ธรรมอำไพ...เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน!!!

ถ้าว่ากันตาม กระแสโลก คงต้องยอมรับเอาจริงๆ อย่างมิอาจปฏิเสธได้นั่นแหละว่า...ระบอบการเมือง-การปกครองที่เรียกๆ กันว่า ประชาธิปไตย นั้น มันกำลังเสื่อม กำลังทรุดโทรม

ใบบัวปิดไม่มิด

เอาซิ! เมื่อเต่าไม่ยอมแพ้กระต่าย แม้จะเดินช้าแต่ก็เดินชัวร์ แล้วแบบนี้เส้นชัยจะไปไหนเสีย เลยได้เห็น รองเต่า-พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ในฐานะรองหัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวนคดีเว็บพนันออนไลน์

'ดร.เสรี' แฉเศรษฐีการเมืองทุ่มเศษเงิน 250 ล้านซื้อวุฒิสภาได้เลย

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าวิธีเลือก สว. อันสลับซับซ้อนอย่างที่เห็น ถ้าดูดีๆ ถ้าใช้เงิน