ไม่รู้...ที่ 'ลุงตู่' ต้องเดินไป

แถลงการณ์สํานักพระราชวัง

เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา  นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระประชวร ฉบับที่ ๓

ตามที่สํานักพระราชวัง ได้มีแถลงการณ์ เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระประชวรหมดพระสติ ด้วยพระอาการทางพระหทัย และทรงเข้ารับการรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น

คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา ฯ ได้สรุปการวินิจฉัยว่าพระอาการประชวรหมดพระสติ เกิดจากการเต้นผิดจังหวะของพระหทัยแบบรุนแรง จากการอักเสบของพระหทัยจากเชื้อไมโคพลาสมา (Mycoplasma) ทําให้ทรงพระประชวรหมดพระสติในเวลาต่อมา

พระอาการโดยรวมในขณะนี้ ยังไม่ทรงรู้พระองค์

คณะแพทย์ยังคงถวายพระโอสถและเครื่องมือเพื่อช่วยการทํางานของพระหทัย พระปัปผาสะ (ปอด) พระวักกะ (ไต) รวมทั้งพระโอสถปฏิชีวนะ และติดตามพระอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป

จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน

สำนักพระราชวัง

๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖

..............................................

ก็คงทราบกันแล้ว แต่ขอนำมารายงานเป็นการบันทึกไว้ตามลำดับ

เพราะบัดป่านนี้แล้ว

"พระองค์ภาฯ" เจ้าฟ้าองค์น้อยๆ ของคนไทยทั้่งแผ่นดิน ที่ต่างตั้งตารอคอยการเสด็จกลับของพระองค์ ตลอดวัน-ตลอดเวลา

เมื่อทราบว่า "ยังไม่ทรงรู้พระองค์"

แต่ละใจประชาราษฎร์ ห่วงหาสุดจะสรรคำใดเปรียบ ใจนี้ ถอดได้ ก็พร้อมถอด

เพื่อตามไปขอพระราชทานกราบทูลทราบฝ่าพระบาท เจ้าฟ้า พระผู้เป็นแก้วตา-ดวงใจผองไทย เสด็จกลับมาทรงเป็นปิ่นใจพระธงชัยไวๆ ด้วยเถิด

อันใด เป็นไปเพื่อการถวายพระพร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ให้พระองค์ภาฯ ทรงหายจากอาการประชวร

พสกนิกรทุกหมู่เหล่าในแผ่นดิน ต่างประกอบกิจเพื่อการนั้น เห็นแล้ว ผมก็พนมใจอนุโมทนาทุกครั้ง เมื่อทราบข่าว

บรรดาชาย ต่างบวชเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาบำเพ็ญสมณธรรมถวาย บรรดาหญิง ก็รับศีล นุ่งขาว-ห่มขาว อยู่ในทางธรรม ถวายเป็นพระราชกุศล

ทุกเพศ ทุกวัย ทุกหมู่เหล่า แสดงออกถึงรัก-ห่วงใยในพระองค์ภาฯ ชนิด "รินใจใสบริสุทธิ์"

ในความทุกข์ใจลึกๆ....
แต่จากปรากฏการณ์ "นิมิตหมายแห่งรัก" ต่อแผ่นดินและต่อสถาบันชาติบ้านเมือง ผ่าน "พระองค์ภาฯ"

ก็ต้องบอกว่า

"ในทุกข์-มีสุข, ในสุข-มีทุกข์"

และแต่ละ "สุข-ทุกข์" แต่ละ "รัก-ชัง" ของคนไทยนั้น ลึกแห่งหัวใจไทย

เมื่อถึงจุดหลอม....

"ชาติบ้านเมืองและสถาบัน" คือผลึกผนึก!

ผมบอกเสมอว่า คนไทยนั้่น ยามปกติ ใครอยากเป็นสีอะไร รักใคร ชังใคร ก็แยกสี แยกข้าง ว่ากันไป เป็นสีสันแห่งวัยและเวลาว่าง

แต่ยามไหน มีอะไรกระทบชาติบ้านเมืองและสถาบันจริงๆ ไทยจะ "รวมเลือด" สู้ เพื่อพิทักษ์สิ่งนั้่น โดยอัตโนมัติ

เพราะ "ชาติบ้านเมืองและสถาบัน"

แท้จริงแล้ว.......

มันลึกอยู่ใน "สายเลือดไทย" ซึ่งจะไม่เห็นยามปกติ

เพราะอย่างนั้น เฉพาะตัวผมนะ......

ในความเป็นไทยร่วมชาติ "โกรธ-เกลียด" คนไทยด้วยกันแบบจริงจังไม่ลงหรอก

ผมปวารณาตัวไว้แล้ว "พระองค์ภาฯ" ทรงหายจากอาการประชวรเมื่อไหร่ จะไปบวชถวายที่พุทธคยา ๗ วัน  พร้อมเจ๊ "ฟองสนาน จามรจันทร์"

ก็มีคนขอตามไปเป็นลูกศิษย์พระประปรายอยู่เหมือนกัน และที่จะบวชด้วยกันก็พอมี

ปกติ ผมนั่งขัดตะหมาดสวดมนต์ก่อนนอน ส่วนในห้องที่ทำงาน ยืนสวด

ช่วงนี้ เริ่มฝึกนั่งคุกเข่า นิ้วเท้าทั้ง ๕ ปักพื้น ตั้งส้นเท้าขึ้นรับก้น ฝึกไว้ก่อน

เพราะตอนบวช ต้องนั่งคุกเข่า กล่าวคำขอบวชกับพระอุปัชฌาย์ ถ้าไม่ฝึก จะหงายท้องเอาง่ายๆ

แต่ตั้งนโมยังไม่ทันจบ ก็ไม่ไหวแล้ว น้ำตาจะไหล  หัวใจจะขาด มันปวดจนเห็นดาวลูกไก่พราวแสง ต้องแอบพับนิ้วเท้าทั้งสิบแบนราบ เป็นเบาะรองก้น

เมื่อรู้จากตัวเอง ก็ต้องนึกชมทุกท่านที่บวช บางคนก็อายุมากเหมือนผม แต่สามารถคุกเข่ากล่าวคำขอบวชกับพระอุปัชฌาย์ได้นานๆ

ต้องบอกว่า ด้วยอานิสงส์ศรัทธา ก่อเกิดเป็นบารมีจริงๆ!

ทั้งหญิง-ชาย ไม่ว่า รุ่นใหม่-รุ่นเก่า....

ทดลองนั่งคุกเข่ากันดู ว่ามันจะปวดจี๊ดทะลุขั้วหัวใจจริงอย่างที่ผมพูดมั้ย?

เสร็จแล้ว มานั่งตรองถึงเหตุผลของการนั่งคุกเขา

ตรองแล้ว ต้องกราบ "พระพุทธองค์" ในความล้ำเลิศและล้ำลึกแห่ง "ศาสดาเอกของโลก"

ปลายนิ้่วมือและปลายนิ้่วเท้า เป็นศูนย์รวมเส้นเลือดที่พุ่งไปตามอวัยวะในร่างกายทั้งสิ้น

ไม่ว่า ตา หู คอ จมูก ปาก หัวใจ กระเพาะ ตับ ไต ไส้  พุง ปอด ม้าม และ ฯลฯ

เมื่อนั่งคุกเข่า ปลายเท้าจิกตั้งกับพื้น ก้นวางบนส้นเท้า เท่ากับทำกายภาพบำบัดโรค นวดเส้นเอ็น ให้เลือด-ลมโคจร หมุนเวียนไปตามอวัยวะสำคัญๆ คือกระแสไฟฟ้าไหลเวียน

"นวดฝ่าเท้า" ก็จากเคล็ดลับนี้แหละ!

เวลาอวัยวะภายในอักเสบ กดนิดเดียวตามจุดฝ่าเท้า เจ็บใจจะขาด แต่ถ้าปกติจะไม่เจ็บ

พระท่านนวดฝ่าเท้าด้วยการคุกเข่าสวดมนต์ทั้งเช้า ทั้งเย็นทุกวัน ท่านจึงไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่เมื่อย มากนัก

ฉะนั้่น ทุกคนเป็นหมอรักษาตัวเองได้ โดยพิสูจน์จากจุดอวัยวะที่ฝ่าเท้า ทดลองกันดูนะ

ส่วนผมพิสูจน์ตัวเองแล้ว.....

อวัยวะภายใน "ชำรุด" ทั้งร่าง เพราะมันเจ็บจี๊ดเข้าขั้วหัวใจยิ่งกว่าตอนหมอผ่าตัดสด!

ส่วน "ขานนาค" ผ่านหูตั้งแต่สมัยเป็นเณร ไม่ยาก

แต่มันยากและคงต้องฝึกอีกนาน กว่าเหงื่อจะไม่แตก และหัวใจไม่เต้นซิกๆ ตอนขอบวช ก็ตรงเรื่องคุกเข่านี่แหละ

ผมมั่นใจ....

ด้วยพระบารมี "สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ" เป็นที่พึ่ง

ผมต้องได้บวชถวาย ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยาแน่

ขอ "พระองค์ภาฯ" จงเสด็จกลับจากวิโมกข์พิมานสถาน ฟื้นพระสติ ทรงรู้พระองค์ หายจากอาการประชวร

กลับมาเป็นพระมิ่งขวัญประเทศ เป็นศูนย์รวมใจรักของผองไทยทั้งประเทศโดยไวเถิด

ทั้งหมดนี้.....

จะควรมิควร สุดแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม

วันนี้ วันจันทร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๖

เท่าที่ผมอ่านตามข่าวต่างๆ เขารายงานตรงกันว่า วันนี้ "นายกฯ ประยุทธ์" จะไปเปิดตัว

เป็นสมาชิกพรรค "รวมไทยสร้างชาติ" ของ "คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ภายใต้ชื่องาน "รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ”

จะมี ส.ส.จากพรรคอื่นๆ มาร่วมสมัครเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติกับนายกฯ ด้วยหลายสิบคน 

ที่แน่ๆ และ "แน่" มานานแล้ว..........

รัฐมนตรีแรงงาน "คุณสุชาติ ชมกลิ่น" ลาออกจากพลังประชารัฐ มาอยู่กับลุงตู่ด้วย!

คน "ใจถึงใจ" รัก "จริงใจต่อกัน" ในวงการเมือง โดยไม่ยึดเรื่อง "ผลประโยชน์" ในทางการเมือง "สมประโยชน์" เป็นที่ตั้ง

มีเยอะ

แต่ "หายาก"!

ที่ "มองเห็น-หาเจอ" ตอนนี้ก็ คุณชัชวาลล์ คงอุดม  ท่านหนึ่ง และรัฐมนตรีสุชาติ ชมกลิ่น อีกท่านหนึ่ง

คนเหล่านั้น โดยเฉพาะคุณสุชาติ ตอนนี้ นอนฟูกสบายอยู่แล้ว

แต่ยอมทิ้่งฟูก เสี่ยงไปนอนฟากกับลุงตู่ อาจต้องกินเกลือแทนวากิว และทั้งไม่ใช่สายเลือดแห่งรุ่นทหารกับเขา

คนอย่างนี้ นานปี จะมีซักคน!

ลุงตู่อย่าปล่อยให้คุณสุชาติต้องอยู่รวมไทยสร้างชาติแบบ "คนแปลกหน้า" และต้องอึดอัด-ขัดข้องใจในวัฒนธรรมต่างพรรค-ต่างพวกเชียวนะ

เพราะแต่ละคนมีบุคลิกของตัวเอง....

คุณพีระพันธุ์ก็บุคลิกหนึ่ง ที่จะมากับลุงตู่อีกหลายคน ก็อีกบุคลิกหนึ่ง แต่เมื่อจะมาอยู่รวมเป็น "รวมไทยสร้างชาติ"

จุดแรกต้อง "รวมใจ" แต่ละคนที่มาอยู่ร่วมกันให้ได้ก่อนถึงจะ "รวมไทย" เพื่อไป "สร้างชาติ" ได้สำเร็จ!

ประสบการณ์เรื่อง ก๊ก แก๊ง ที่เจ็บปวดและปวดหัวจากพลังประชารัฐ เมื่อมาเป็นธงรวมไทยสร้างชาติ....

ลุงตู่คงต้องใช้ประสบการณ์นั้่นเป็นบทเรียน เพื่อไม่ให้ "ซ้ำสอง" ในรวมไทยสร้างชาติ

อนาคตไม่มีใครรู้ แต่ถึงไม่รู้ ก็ต้องเดินไป

ไม่รู้อนาคต "ไม่เป็นปัญหา"

แต่ถ้า "ไม่รู้ปัจจุบัน" นี่แหละ ปัญหาในปัญหา!

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พรพระ-พรนักโทษ'

หมู่นี้..... "คนห่มเหลือง" ประพฤติผิดพระวินัยสงฆ์ ต้อง "อาบัติปาราชิก" ข้อ "เสพเมถุน" ถี่มาก!

เศรษฐา "นายกฯ ฮูดินี"

"ชีวิตที่มีหมานำ" ก็อย่างนี้แหละครับ "หัวหน้าคอก" เมื่อพักคุก ก็ไปขลุกเชียงใหม่

'เมษา....พระมาเตือน'

เรา...."ประเทศไทย"! "ชาติ-พระศาสนา-พระมหากษัตริย์" เป็นทั้งรูปธรรมและนามธรรม