
ตั้งแต่ประเทศไทยมีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ถึงตอนนี้ก็ผ่านไปกว่า 3 เดือนเต็ม หรือราวๆ 1 ไตรมาส ที่ไทยไม่มีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศ ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย หรือจีดีพี เติบโตได้ลดลงเหลือเพียง 1.8% ซึ่งถือเป็นการชะลอตัวลงค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ถึง 2.6%
แน่นอนประเด็นสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของไทยโตหดตัว ปัจจัยหลักมาจากการส่งออกที่หดตัวค่อนข้างมากและต่อเนื่อง รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูง ส่งผลต่อกำลังซื้อของคนในประเทศ แต่อีกเรื่องที่มีผลมาก
นั่นก็คือ การขาดรัฐบาลที่จะมาบริหารประเทศ ซึ่งส่งผลให้ในช่วงดังกล่าว การเบิกจ่ายภาครัฐมีการปรับตัวลดลง ขณะเดียวกันก็ยังเกี่ยวกับผลการจัดทำงบประมาณภาครัฐที่ค้างคา และอาจจะไม่ทันการณ์ในปีงบประมาณ 67 ที่จะถึงในเดือน ต.ค.นี้
แต่ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ในการประชุมร่วมรัฐสภาที่เปิดประชุมเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในที่สุด นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ก็สามารถเข้าวินแบบม้วนเดียวจบ ด้วยคะแนนเห็นชอบแบบลอยลำ 482 เสียง ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย คนที่ 30 และเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายเศรษฐาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการแล้ว
จากนี้สิ่งที่ต้องจับตาคือ คณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1 จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และใครจะเป็นคนดูแลกระทรวงทางเศรษฐกิจบ้าง ซึ่งทิศทางของ ครม.ชุดใหม่นี้ก็จะสะท้อนความเชื่อมั่นไปยังภาคเอกชน ถ้าได้ชื่อบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ก็เชื่อว่าจะมีการขานรับจากทุกภาคส่วน เพราะหากดูพื้นฐาน นายเศรษฐา ทวีสิน ก็เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จในการบริหารงานมาพอสมควร
แต่อย่างไรก็ดี การบริหารงานบริษัทและการบริหารงานราชการ ที่จะต้องเป็นฝ่ายดูแลนโยบายค่อนข้างแตกต่างและมีข้อจำกัด แถมนายเศรษฐายังเป็นมือใหม่หัดขับสำหรับการบริหารงานภาคราชการ ดังนั้นคงต้องมีการปรับตัวกันซักพัก และต้องมีทีมที่ปรึกษาที่ร่วมทำงานอย่างเข้มแข็งทุกด้านต่อไป
แต่ในมุมมองของภาคเอกชนก็มีความเห็นและมีการบ้านมากมายฝากให้กับ ครม.ของนายเศรษฐา อย่างนายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า หลังจากที่ได้นายกฯ คนใหม่แล้ว ภาคเอกชนรอดู 3 เรื่องหลังจากนี้ คือ 1.การเร่งจัดตั้งรัฐบาล 2.การลดความขัดแย้ง
และ 3.อยากให้เร่งทำงานโดยเร็ว เพราะขณะนี้ประเทศไทยมีปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้ามาก ทั้งภาคการส่งออกปีนี้ที่ลดลงมาก ภัยแล้งเริ่มรุนแรงขึ้น ต้นทุนผลิตอยู่ในระดับสูง ขาดสภาพคล่องทางการเงิน หรือความเห็นของนายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยไทย (ส.อ.ท.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวก็น่าสนใจ โดยมีเนื้อหาใจความระบุว่า "จากนี้ไป เราคงจะได้เห็นการฟอร์มทีมคณะผู้บริหารรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งก็ได้แต่คาดหวังและภาวนาว่า เราจะได้ทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่เป็นดรีมทีม** เอาคนดี ที่มีความสด ใหม่ มีความสามารถ มองประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เพื่อเดินหน้าทำตามนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล
ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน รวมทั้งความเหลื่อมล้ำของประเทศ ในรอบนี้เป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัสจริงๆ!! เราประชาชนคนไทย ทุกภาคส่วนควรจะต้องร่วมมือกันในการฝ่าฟัน ร่วมก้าวข้ามผ่านวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ไปด้วยกัน ด้วยการทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ด้วยความซื่อสัตย์
และคนสุดท้ายนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ก็มีการฝากการบ้านรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะความคาดหวังจะเห็นทีม ครม.ที่มีความรู้ความสามารถ พร้อมยังเสนอประเด็นเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ต้องเร่งดำเนินการ คือ 1.แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดค่าครองชีพ และลดต้นทุนภาคเอกชนทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า รวมทั้งการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ 2.เร่งส่งเสริมความโดดเด่นภาคการท่องเที่ยว 3.เร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังค้างท่ออยู่ จัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 67 เร่งสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ จากต่างชาติ
นี่คือมุมมองบางส่วนของภาคเอกชนที่เห็นคล้ายๆ กัน ต้องการคนเก่ง คนดี และตั้งใจทำงานเพื่อแก้ปัญหาปากท้อง.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย
ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด
เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย
ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน
เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP
อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ
ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย
ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

