สุนัขหางด้วน!!!

อภิมหาพระ หรือ อภิมหาปราชญ์ แห่งวงการศาสนา...อย่างท่านอาจารย์ พุทธทาสภิกขุ นั้น อาจถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่พร้อมปฏิเสธ ต่อต้าน คัดค้าน อะไรต่อมิอะไรหลายอย่างที่ออกไปทาง ฝรั่ง ถึงกับเคยบัญญัติศัพท์ บัญญัติคำ ที่มีลักษณะทำนองนี้ เอาไว้เยอะแยะ มากมาย เช่นคำว่าหมาหางด้วน สุนัขหางด้วน หรือ ระบบการศึกษาแบบหางด้วน ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น...

และนั่นคงไม่ใช่เป็นเพราะ อคติ หรือเพราะความเหม็นหน้า ไม่ชอบขี้หน้าฝรั่ง อันถือเป็น อารมณ์-ความรู้สึก ชนิดหนึ่ง เพราะสำหรับผู้ที่ลงทุน ทุ่มเท ชีวิตทั้งชีวิตให้กับศาสนา ให้กับการเป็น ทาส ของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่ต้นจนจบ บรรดา อารมณ์-ความรู้สึก ต่างๆ นานา ไม่ว่า รัก-โลภ-โกรธ-หลง แทบไม่น่าเหลือติดปลายนวม เผลอๆ อาจไม่ต่างไปจาก พระอรหันต์ ไปแล้วก็ว่าได้ แม้ว่าท่านจะไม่เคย อวดอุตริมนุสธรรม ใดๆ

ออกมาเลยแม้แต่น้อย การไม่เห็นด้วยกับพวกฝรั่ง ไม่คิดเอาอย่างฝรั่ง จึงเป็นสิ่งที่น่าจะก่อรูป ก่อร่าง ขึ้นมาจากพื้นฐานของ สติ และ ปัญญา จากความ ถูกต้อง และ เป็นธรรม แบบเดียวกับการรู้แจ้ง หรือการมองทะลุเข้าไปถึงรากเหง้า ถึง เหตุปัจจัย ของแต่ละสิ่งแต่ละอย่าง ที่กลายมาเป็น ปัญหา ของสังคมแต่ละสังคม หรือของมวลมนุษยชาติเอาเลยก็ว่าได้...

ดังที่ท่านได้ตอบคำถามของ พระประชา ปัสนันธัมโม หรือคุณ ประชา หุตานุวัตร ในเรื่องราวเหล่านี้ ไว้ในหนังสือชื่อว่า เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา นั่นแหละว่า ไม่ใช่เป็นเพราะอคติ ไม่ใช่เป็นเพราะความไม่ชอบฝรั่งเป็นการส่วนตัว แต่ด้วยเหตุเพราะหลักการพื้นฐาน ค่านิยมพื้นฐาน แห่งการไม่คิดจะ ควบคุม-บังคับ ตัวตนของตัว หรือที่พวกฝรั่งเรียกๆ กันว่า เสรีภาพ นั้นมันออกจะเป็นอะไรที่ขัดแย้งโดยตรง กับหลักการพื้นฐานของพุทธศาสนา หรือแม้แต่ศาสนาอื่นๆ ก็แล้วแต่ ที่ล้วนแล้วแต่เน้นหนัก ให้ต้อง บังคับ และ ควบคุม ตัวตน-ของตน ตัวกู-ของกู ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

กระทั่งศาสนาคริสต์ที่ถูกทำให้กลายเป็นของฝรั่ง ทั้งที่อุบัติขึ้นมาในเอเชีย ในดินแดนตะวันออกกลางก็เถอะ ไม่งั้นโอกาสที่จะยื่น แก้มขวา ให้ฝ่ายตรงข้าม หลัง แก้มซ้าย ถูกตบไปเรียบร้อยแล้ว ดังที่ พระเยซูคริสต์ ท่านชี้แนะ ชี้นำเอาไว้ ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ ส่วนใหญ่มักหนักไปทาง ถีบกลับ หรือ สวนกลับ จะโดยสัญชาตญาณหรือโดยอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ เนื่องจากการไม่รู้จักควบคุม บังคับ ตัวตนของตน ไม่ให้โกรธ ไม่ให้เกลียด ไม่ให้เคียดแค้น ชิงชัง หรือให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวของตัวเอง ตามหลักการพื้นฐานของศาสนาคริสต์นั่นเอง...

ยิ่งถ้าเป็นศาสนาพุทธด้วยแล้ว...ผู้ที่จะบรรลุความถูกต้อง-เป็นธรรม หรือบรรลุถึง สัจธรรม โน่นเลย ยิ่งต้องมุ่งมั่นเพียรพยายามหาทาง ควบคุม-บังคับ ตัวตนของตนยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ชนิดถึงขั้นไม่รู้สึกถึงตัวตนของตน ตัวกู-ของกู หลงเหลือแม้แต่เศษๆ ซากๆ ไว้เลยแม้แต่น้อย มันถึงจะมีโอกาสได้พบ สัมผัส กับสิ่งที่เรียกว่า เสรีภาพฉบับของจริง-ของแท้ ไม่ใช่ เสรีภาพปลอมๆ ทางเนื้อหนัง ร่างกาย หรือทาง วัตถุ แบบที่พวกฝรั่งทั้งหลายปรารถนาและต้องการเสียเหลือเกิน ทั้งที่มันก็แค่ มายาภาพ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง การ ควบคุม-บังคับ ตัวเองตามหลักการพื้นฐานทางศาสนา จึงเป็นอะไรที่ยิ่งไปกว่า กฎหมาย โดยเฉพาะสำหรับสังคมไทยที่ยึดเอาพระพุทธศาสนาเป็นค่านิยม เป็นวัฒนธรรม-ประเพณี หรือเป็นโครงสร้างรองรับสังคมทั้งสังคมมาโดยตลอด...

และอาจด้วยเหตุเพราะการ ควบคุม-บังคับ ในลักษณะทำนองนี้ มักเป็นไปด้วยความยินยอม พร้อมใจ ไม่ถึงกับต้องไปเสียเวลากดขี่ ข่มเหง มากมายจนเกินไป ความจงเกลียด จงชัง ต่อสิ่งที่เรียกว่า เผด็จการ มันจึงไม่ถึงกับหนักหนา-สาหัสซักเท่าไหร่ เพราะแม้แต่ พระ ที่ได้รับการยกย่อง เชิดชูเอามากๆ ท่านยังหนีไม่พ้นต้อง เผด็จการตัวเอง ในแทบจะทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะลุก-จะเดิน-จะยืน-นั่ง-นอน มีแต่ต้องพยายาม ควบคุม-บังคับ ตัวเองแทบจะทุกลมหายใจเข้า-ออก โดยการที่ตัวเอง หรือตัวกู-ของกู ถูกควบคุม-บังคับในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี กลับส่งผลให้เกิดความตระหนักต่อประโยชน์และคุณค่า ของ เสรีภาพที่แท้จริง ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ไม่ว่าตัวตนของตน หรือต่อสังคมทั้งสังคมก็ตามที...

แต่อาจเพราะคำว่า เสรีภาพ ตามแบบฝรั่ง มันอาจเป็นอะไรที่เอร็ดอร่อย น่าหลงใหล คลั่งไคล้ เอามากๆ โดยเฉพาะต่อการตอบสนองความปรารถนา-ต้องการในแบบหยาบๆ ง่ายๆ หรือในทาง วัตถุนิยม ทั้งหลาย โลกที่ถูกทำให้กลายเป็นวัตถุนิยมเป็นทุนนิยมโดยถ้วนหน้า มันเลยกลายเป็นโลกที่เต็มไปด้วย มายาภาพ จนใครต่อใครอยากหันมาเดินตามก้นฝรั่ง หันมาสนุกสนานกับการเป็น สุนัขหางด้วน ไม่ว่าในทางการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม ไปจนระบบการศึกษา ชนิดแม้แต่วัฒนธรรม ประเพณี การแปรอักษร ของบรรดาโรงเรียน จตุรมิตร ยังต้องกลายเป็นสิ่งที่สมควรถูกรื้อทิ้ง เพราะดันไปกระทบต่อ เสรีภาพ ของบรรดาผู้ที่ไม่อยากจะมี หาง ในแต่ละคน แต่ละตัว นั่นแล...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อยากช่วย...อยากเชียร์...แต่เพลียแล้วนะ

ในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เราตกใจเมื่อเห็นผลของการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งมาเป็นที่ 1 ได้ สส. 151 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยมาเป็นที่ 2 ได้ สส. 141 ที่นั่ง ส่วนพรรคที่เขาเรียกขานกันว่าเป็นพรรคอนุรักษ์หรือพรรคหนุนเผด็จการนั้น ได้จำนวน สส.ห่างไกลจาก 2 พรรคนี้มาก ภูมิใจไทยที่ได้จำนวน สส.มาเป็นที่ 3

ยุคพระอาทิตย์ 7 ดวง

ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่...แต่เผอิญไปป่วย หรือ อาพาธ อยู่ประมาณ 3 เดือน คือระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ปีพุทธศักราช 2535 หรือประมาณ 35 ปีมาแล้ว

หึ่ง! เชือด 'นายพล' อีก

ดูเหมือนจะเป็นหน่วยงานแห่งความหวัง หน่วยงานที่พึ่งสำคัญ ในการจะกลับเข้ารับราชการตำรวจอีกครั้งของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. หลังจาก บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์

จะมาจากแหล่งไหน....ก็ไม่สบายใจทั้งนั้น

ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อมีการหยั่งเสียงคะแนนนิยมว่าก้าวไกลมีคะแนนชนะเพื่อไทย ความร้อนรนกลัวแพ้ บนเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยก็มีการประกาศทันทีว่าจะแจกเงินดิจิทัล

ความแตกต่างระหว่าง'มนุษย์'กับ'สัตว์เดียรัจฉาน'

คำพูด บทสนทนา ในบทละครเรื่องพระเจ้า Richard ที่ 3 ของคุณปู่ William Shakespeare ที่กลายมาเป็นคำคม เป็นวาทะ อันถูกนำไปเอ่ยอ้างคราวแล้ว คราวเล่า คือคำพูดประโยคที่ว่า

ประวัติศาสตร์สีกากี

ต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าของ "กรมปทุมวัน" ที่มีการเซ็นคำสั่งให้ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ "รอง ผบ.ตร." ออกจากราชการไว้ก่อน ผลพวงจากการต้องคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์