
ตลาดรถยนต์บ้านเรากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ชนิดที่แบรนด์เจ้าตลาดในปัจจุบันถึงกับพลิกตำราตั้งรับแทบไม่ทัน โดยเฉพาะความนิยมในยานยนต์ไฟฟ้าหรือรถอีวี ซึ่งเติบโตแบบพุ่งพรวดชนิดสร้างเซอร์ไพรส์กันเลยทีเดียว
เอาแค่ยอดจองซื้อรถในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป ที่เพิ่งจบไปเมื่อเร็วๆ นี้ แบรนด์รถไฟฟ้าจากจีนโกยยอดจองกันเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็นบีวายดี กวาดไป 5,455 คัน ไอออน กวาดไป 4,568 คัน และฉางอาน กวาดไป 3,549 คัน ซึ่ง 2 แบรนด์หลังเพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยได้ไม่นาน แต่ก็สร้างยอดจองไปถล่มทลายเลยทีเดียว
จากยอดที่เห็นก็ชัดเจนแล้วว่า คนไทยมีการเปิดรับแบรนด์ใหม่ และเป็นกลุ่มที่กล้าทดลองอะไรใหม่ๆ ซึ่งก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นสร้างสีสันให้กับวงการรถยนต์ไม่ใช่น้อย เพราะมาพร้อมเทคโนโลยีที่จับต้องได้ รวมถึงมาพร้อมราคาที่เหมาะสม ทำให้รถยนต์จากค่ายจีนโกยยอดจองไปได้อย่างเหลือเชื่อ
และคาดว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์ในไทยเท่านั้น เพราะในปัจจุบันแบรนด์รถยนต์จากจีนยังเพิ่งเข้ามาทำตลาดเพียง 5-6 แบรนด์เท่านั้น และยังมีอีกหลายแบรนด์ที่สนใจจะมาร่วมแจมในตลาดไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าหากเข้ากันมาเต็มพิกัด ลูกค้าชาวไทยจะได้ประโยชน์อย่างแน่นอน เพราะจะมีสินค้าให้เลือกซื้ออีกมากมาย และทำให้ตลาดมีการแข่งขันกันสูงมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อมองย้อนมาที่แบรนด์เจ้าตลาดเก่าแก่อย่างค่ายญี่ปุ่น ตอนนี้ก็ถือว่าหนาวๆ ร้อนๆ พอสมควร เพราะตอนนี้ไม่สามารถต้านความร้อนแรงของกระแสรถยนต์อีวีในประเทศไทยได้ รวมถึงตลาดโลกด้วย ส่งผลให้ต้องมีการปรับตัวกันครั้งใหญ่ทีเดียว เพราะนอกจากเรื่องของเทคโนโลยีที่ดูเหมือนจะตามหลังแล้ว เรื่องของสิทธิพิเศษทางภาษียังเป็นรองรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นรองไปเรื่อยๆ ดังนั้นค่ายญี่ปุ่นก็จะเริ่มอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว อย่างล่าสุดค่ายโตโยต้าก็มีข่าวว่าได้ขายหุ้นของบริษัท เดนโซ่ เพื่อนำเงินมาลงทุนในเรื่องรถอีวีอย่างจริงจัง และยังมีการร่วมมือกับบีวายดี ในการพัฒนารถร่วมกันอีกด้วย
ขณะที่ฟากฝั่งฮอนด้าเอง ตอนนี้ก็ประกาศเดินสายการผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้าเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยจะมีการเปิดสายการผลิต Honda e:N1 ในประเทศไทย และมีกำหนดการเปิดตัวและวางจำหน่าย Honda e:N1 จะถูกประกาศอีกครั้งช่วงไตรมาสแรกปี 2567
ส่วนนิสสัน ที่เดิมทีเคยทำตลาดกับรุ่นนิสสัน ลีฟ ก็คงต่อรอดูจะปรับเกมอย่างไร และตอนนี้ดูเหมือนว่ารถยนต์ค่ายไหนที่ยังไม่มีรถยนต์ที่มีเทคโนโลยไฮบริด หรือ HEV หรือ BHEV เป็นทางเลือกให้กับลูกค้า ก็อาจจะได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ดูอย่างค่ายมาสด้า ที่ตอนนี้ยอดขายรถยนต์เรือธงของตัวเองก็ลดลง คงต้องรอเช่นกันว่าจะปรับตัวอย่างไร
และยิ่งล่าสุด คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 (EV 3.5) ในช่วง 4 ปี (2567-2570) ผลักดันไทยเป็นฮับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค โดยมีเป้าหมายการผลิตยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Vehicle: ZEV) ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดภายในปี 2573 คิดเป็นกำลังการผลิตรถยนต์ประมาณ 725,000 คัน และรถจักรยานยนต์ประมาณ 675,000 คัน
โดยเนื้อหาสาระของมาตรการนี้ กรณี 1.รถยนต์นั่ง (ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท) จะได้รับการอุดหนุนจากภาครัฐ 50,000-100,000 บาทต่อคันในปีแรก ขึ้นอยู่กับขนาดแบตเตอรี่ และมีการลดภาษีนำเข้า รวมถึงภาษีสรรพสามิต
ขณะที่ 2.รถยนต์นั่ง (ราคาตั้งแต่ 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 7 ล้านบาท) ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh ขึ้นไป จะได้รับสิทธิลดภาษีสรรพสามิตจากร้อยละ 8 เหลือร้อยละ 2 และ 3.รถกระบะ (เฉพาะที่ผลิตภายในประเทศ และราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท) ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh ขึ้นไป จะได้รับเงินอุดหนุน 100,000 บาท/คัน และได้รับสิทธิอัตราภาษีสรรพสามิต ร้อยละ 0 ในปี 2567-2568 และอัตราภาษีร้อยละ 2 ในปี 2569-2570 และข้อ 4.รถจักรยานยนต์ (เฉพาะที่ผลิตภายในประเทศ และราคาไม่เกิน 150,000 บาท) ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 3 kWh ขึ้นไป จะได้รับเงินอุดหนุน 10,000 บาท/คัน และได้รับสิทธิอัตราภาษีสรรพสามิต ร้อยละ 1 ในปี 2567-2570
จะเห็นได้ว่าทุกค่ายรถ โดยเฉพาะค่ายรถญี่ปุ่น คงจะไม่พลาดกับมาตรการใหม่ของรัฐในครั้งนี้ แต่ถ้าตกขบวนไปแล้วก็เชื่อว่าการต่อสู้แย่งชิงลูกค้า ต้องเรียกว่าหืดจับแน่นอน.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย
ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด
เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย
ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน
เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP
อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ
ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย
ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

