ใกล้เวลา...สงครามโลกครั้งที่สาม!!!

ท่าทางมันน่าจะใกล้ๆ เข้ามาแล้ว!!!...สำหรับ สงครามโลกครั้งที่ 3 หรืออาจถึงขั้น สงครามนิวเคลียร์ เอาเลยก็ไม่แน่ ไม่ว่าจะดูจากความขัดแย้งทางการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคมในระดับโลก หรือแม้แต่ความเป็นไปของ ดิน-ฟ้า-อากาศ ที่ออกจะ สวิง สุดขีด หรือสุดกู่ ยิ่งเข้าไปทุกที อันอาจถือเป็น สัญญาณ เตือนถึงความฉิบหาย-วายวอดที่กำลังรอคอยอยู่เบื้องหน้า โดยใครจะแปลความ ตีความ ไปในลักษณะไหนก็แล้วแต่ แต่ถ้าไม่อยากให้ต้องอายมด อายหมา อายสัตว์จตุบททวิบาททั้งหลาย ที่ยังคงหลงเหลือ สัญชาตญาณ ติดปลายนวมเอาไว้บ้างไม่มาก-ก็น้อย คงต้องหันมาคิดๆ ใคร่ครวญ ทบทวน พิจารณา ถึงหายนะ ถึงโศกนาฏกรรมแห่งมวลมนุษยชาติเอาไว้มั่ง แม้แต่เล็กๆ-น้อยๆ ก็ยังดี...

คืออันที่จริง...ระดับประมุขทางจิตวิญญาณของศาสนาคริสต์ อย่าง พระสันตะปาปาฟรานซิส แห่งนิกายโรมันคาทอลิก ท่านก็เคยพูดๆ เอาไว้นานแล้ว ว่าสิ่งที่เรียกว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 นั้น มันได้อุบัติขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ป่าวประกาศอย่างเป็นทางการ หรือกำลังเกิดขึ้นมาแบบค่อยๆ เป็นไปเป็นส่วนๆ เป็นระดับๆ และโดยโอกาสที่จะหันมาพูดคุย เจรจา เพื่อหาทาง ลดระดับ ไม่ใช่ ยกระดับ บรรดาความขัดแย้งทั้งหลาย ทั้งปวง ก็ออกจะยากเย็น แสนเข็ญ เต็มที เพราะบรรดา กลไก ในการช่วยสร้างความรอมชอม ความประนีประนอมทั้งหลาย มันต่าง ไม่เวิร์ก หรือไม่ก็ถูก ทำลาย ด้วยบรรดาอารมณ์-ความรู้สึก หรือความคิด-ความอ่าน ของแต่ละกลุ่ม แต่ละฝ่าย ที่หา จุดลงตัว ได้ยากเอามากๆ แบบเดียวกับความพยายามหาทางสมานฉันท์ ปรองดอง ระหว่าง คนรุ่นเก่า กับ คนรุ่นใหม่ ระหว่างพวกเสรีนิยมหัวก้าวหน้า กับพวกอนุรักษนิยมไดโนเสาร์-เต่าพันปี อะไรทำนองนั้น...

หรืออย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า...มันไม่ใช่แค่ความผิดแผก แตกต่าง ในเรื่อง มาตรฐาน การเมือง-การปกครอง การใช้ชีวิตไปตามขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณีใดๆ ก็แล้วแต่ แต่อาจเป็นความแตกต่างในเรื่อง มาตรฐานแห่งความดีและความชั่ว เอาเลยก็ว่าได้ โอกาสที่จะต้องก้าวไปสู่ความ แตกแยก และ แตกหัก จึงย่อมเป็นไปได้ยิ่งไปกว่าความ แตกต่าง โดยทั่วๆ ไป ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าความคิดทางการเมือง-การปกครอง การเศรษฐกิจ หรือการใช้ชีวิตไปตามความคิด ความเชื่อ ของแต่ละกลุ่ม-แต่ละก้อน จะเป็นไปในลักษณะไหน แต่ในเมื่อสิ่งที่ถือเป็นพื้นฐาน หรือเป็น มาตรฐานขั้นต้น ของทุกสิ่งทุกอย่าง อันจำต้องมี ธรรมะ หรือ คุณธรรม รองรับไว้ด้วยกันทั้งสิ้น มันเกิดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โอกาสที่จะประนีประนอม ยอมความ สมานฉันท์-ปรองดองระหว่างกันและกัน ย่อมมีแต่ลำบาก ยากเย็น ยิ่งเข้าไปทุกที...

แต่ก็นั่นแหละ...ความเป็นไปในลักษณะทำนองนี้ คงไม่ถึงกับถือเป็นเรื่องแปลกประหลาด พิสดาร แต่อย่างใด หรืออาจถือเป็นเรื่อง ปกติ-ธรรมดา ไปเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะสำหรับบรรดา นักการศาสนา ในยุคอดีตโบร่ำโบราณทั้งหลาย ไม่ว่าจะไล่มาตั้งแต่ ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ก่อนที่จะเกิดศาสนายูดาย คริสต์และอิสลาม ไปจนถึง ศาสนาฮินดู ก่อนที่จะเกิดศาสนาเชน ศาสนาพุทธ แล้วตามมาด้วย นิกาย อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ที่ต่างคาดการณ์ ประมาณการ หรือจะเรียกว่า ทำนาย-ทายทัก เอาไว้ก่อนล่วงหน้าไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง ถึงฉากเหตุการณ์ในอนาคตเบื้องหน้าที่จะนำไปสู่ความเลวร้าย ในระดับวันสิ้นยุค สิ้นโลก วันพิพากษา ช่วงระยะเวลาแห่งกลียุค หรือช่วงสัตถันดรกัป ฯลฯ อันปรากฏอยู่ในทุกๆ ศาสนา หรือทุกๆ ความคิด-ความเชื่อ ไม่ต่างอะไรไปจาก กงล้อแห่งกาลเวลา ที่จะต้อง หมุนลง และ หมุนขึ้น ไปเป็นพักๆ เป็นช่วงๆ หรือเป็นไปตามครรลองแห่ง ธรรมชาติ ที่ถือเป็นเรื่อง ปกติ-ธรรมดา อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ...

ดังนั้น...ใครที่พอ เข้าถึง-เข้าใจ ต่อเรื่องราวความเป็นไปในลักษณะเช่นนี้ คงหนีไม่พ้นต้อง ถอกกระไดรอ เอาไว้ได้เลย โดยเฉพาะเมื่อใกล้ถึงช่วงเวลาที่ กุศลกรรมบถ 10 ประการ ค่อยๆ สูญสลาย หายวับ ไปอย่างเป็นขั้น-เป็นตอน และ อกุศลกรรมบถ 10 ประการ ค่อยๆ เจริญงอกงาม กลายเป็นสิ่งที่พึงปรารถนายิ่งขึ้นเรื่อยๆ โอกาสที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเลวร้าย ไปถึงขั้น... “จักมีสมัยที่บุตรมนุษย์มีอายุ 10 ปี หญิงสาวอายุ 5 ปีก็มีสามีได้: และรสเหล่านี้จะอันตรธานหายไป คือเนยใส เนยข้น น้ำผึ้ง น้ำอ้อย รสเค็ม เมล็ดพืชชื่อกุทรุสกะ (หญ้า) จะเป็นโภชนะอันเลิศ เสมือนหนึ่งข้าวสุกแห่งข้าวสาลีและเนื้อสัตว์เป็นโภชนะอันเลิศในสมัยนี้ ฯลฯ” หรือใกล้จะถึงช่วงเวลาที่ “โลกจะเจือปนกันเหมือนสัตว์ เช่น แพะ ไก่ สุกร จักมีอาฆาต พยาบาท มุ่งร้ายกัน คิดฆ่ากันอย่างรุนแรง” ดังที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของหมู่เฮา ท่านเทศนาไว้ในคัมภีร์พระไตรปิฎก ช่วง จักกวัตติสูตร นั่นแล...

ด้วยเหตุนี้...ก็อย่าถึงกับต้องไปแตกตื่น ตกใจ ให้มากเรื่อง-มากความ ถือซะว่าเป็นเรื่อง ปกติ-ธรรมดา แห่งการหมุนขึ้น-หมุนลงไปตามธรรมชาติของ กงล้อแห่งกาลเวลา นั่นเอง แม้ว่าเพียงแค่ โลกเสมือนจริง อย่างประเภท Facebook, YouTube  เกิดอาการล่มสลายไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง บรรดา คนรุ่นใหม่ ทั้งหลาย แทบตายโหง-ตายห่ากันไปเป็นรายๆ แล้วถ้าหากต้องมาเจอกับ โลกแห่งความเป็นจริง ที่โหดร้าย เลวร้าย ยิ่งไปกว่านั้น ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ เหลือรอด ไปจากความ ล่มสลาย ย่อมหนีไม่พ้นต้องหวนกลับไปหา มาตรฐานขั้นต้น ของทุกสิ่งทุกอย่าง หวนกลับไปหา ธรรมะ กลับไปหา คุณธรรม-ศีลธรรม อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ อยู่แล้วแน่ๆ...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อยากช่วย...อยากเชียร์...แต่เพลียแล้วนะ

ในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เราตกใจเมื่อเห็นผลของการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งมาเป็นที่ 1 ได้ สส. 151 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยมาเป็นที่ 2 ได้ สส. 141 ที่นั่ง ส่วนพรรคที่เขาเรียกขานกันว่าเป็นพรรคอนุรักษ์หรือพรรคหนุนเผด็จการนั้น ได้จำนวน สส.ห่างไกลจาก 2 พรรคนี้มาก ภูมิใจไทยที่ได้จำนวน สส.มาเป็นที่ 3

ยุคพระอาทิตย์ 7 ดวง

ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่...แต่เผอิญไปป่วย หรือ อาพาธ อยู่ประมาณ 3 เดือน คือระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ปีพุทธศักราช 2535 หรือประมาณ 35 ปีมาแล้ว

หึ่ง! เชือด 'นายพล' อีก

ดูเหมือนจะเป็นหน่วยงานแห่งความหวัง หน่วยงานที่พึ่งสำคัญ ในการจะกลับเข้ารับราชการตำรวจอีกครั้งของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. หลังจาก บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์

จะมาจากแหล่งไหน....ก็ไม่สบายใจทั้งนั้น

ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อมีการหยั่งเสียงคะแนนนิยมว่าก้าวไกลมีคะแนนชนะเพื่อไทย ความร้อนรนกลัวแพ้ บนเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยก็มีการประกาศทันทีว่าจะแจกเงินดิจิทัล

ความแตกต่างระหว่าง'มนุษย์'กับ'สัตว์เดียรัจฉาน'

คำพูด บทสนทนา ในบทละครเรื่องพระเจ้า Richard ที่ 3 ของคุณปู่ William Shakespeare ที่กลายมาเป็นคำคม เป็นวาทะ อันถูกนำไปเอ่ยอ้างคราวแล้ว คราวเล่า คือคำพูดประโยคที่ว่า

ประวัติศาสตร์สีกากี

ต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าของ "กรมปทุมวัน" ที่มีการเซ็นคำสั่งให้ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ "รอง ผบ.ตร." ออกจากราชการไว้ก่อน ผลพวงจากการต้องคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์