ดีมานด์ทองคำยังแกร่งแม้ราคาพุ่ง

จากรายงานแนวโน้มความต้องการทองคำ หรือ Gold Demand Trends จากสภาทองคำโลก (World Gold Council) สำหรับไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ระบุว่า ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำสำหรับการลงทุนของประเทศไทยเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ความต้องการทองคำผู้บริโภคในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แม้ว่าราคาทองคำได้พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่ผ่านมา ในขณะที่ปริมาณความต้องการทองคำทั่วโลกที่รวมการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ (Over-the-counter หรือ OTC) ได้เพิ่มขึ้น 3% อยู่ที่จำนวน 1,238 ตัน ซึ่งถือเป็นไตรมาสแรกของปีที่เติบโตแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา ด้านความต้องการทองคำทั่วโลกที่ไม่รวมตลาด OTC ได้ลดลง 5% อยู่ที่จำนวน 1,102 ตัน สำหรับไตรมาสที่ 1 ของปี 2567

ขณะที่ปริมาณความต้องการทองคำที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกมีสาเหตุหลักมาจากการลงทุนที่แข็งแกร่งของตลาด OTC รวมถึงการซื้อทองคำของธนาคารกลางที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง และความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากผู้ซื้อในภูมิภาคเอเชีย ปัจจัยเหล่านี้ผลักดันให้ราคาทองคำทำสถิติเฉลี่ยรายไตรมาสสูงขึ้นอยู่ที่ 2,070 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้

ธนาคารกลางต่างๆ ยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง จากสถิติอย่างเป็นทางการธนาคารกลางทั่วโลกได้ถือครองทองคำเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 290 ตันในไตรมาสนี้ การซื้อที่คงที่ สม่ำเสมอ และเป็นรูปธรรมจากภาครัฐ ได้เน้นย้ำความสำคัญของทองคำในพอร์ตการลงทุนของทุนสำรองระหว่างประเทศ ท่ามกลางสภาวะความผันผวนของตลาดและความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น

สถานการณ์ของทองคำสำหรับการลงทุน พบว่าปริมาณการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำทั่วโลกเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา และยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 อยู่ที่ปริมาณ 312 ตัน สำหรับประเทศไทยมีปริมาณการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำเพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับปีแล้วที่จำนวน 5.9 ตัน โดยราคาทองคำในประเทศได้ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าอัตราในต่างประเทศ เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2567

หลุยส์ สตรีท นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสของสภาทองคำโลก แสดงความเห็นว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ราคาทองคำได้ไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ต้องเผชิญกับแรงต้านจากวิเคราะห์แบบดั้งเดิม ซึ่งคือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า และอัตราดอกเบี้ยที่พิสูจน์แล้วว่าจะยังคงระดับสูงนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม

ปัจจัยหลายประการอยู่เบื้องหลังการพุ่งขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาคที่ยังคงมีอยู่ ผลักดันให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังรวมถึงความต้องการทองคำจากธนาคารกลางที่ยืนหยัดอย่างต่อเนื่องและมั่นคง การลงทุนในตลาด OTC ที่แข็งแกร่ง และการซื้อสุทธิที่เพิ่มขึ้นในตลาดอนุพันธ์ต่างๆ ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจคือกำลังมองเห็นแนวโน้มพฤติกรรมของนักลงทุนชาวตะวันออกและตะวันตกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยปกตินักลงทุนในตลาดตะวันออกจะมีความอ่อนไหวต่อราคามากกว่า โดยมักรอช่วงที่ราคาทองคำลดลงเพื่อหาจังหวะซื้อ ในขณะที่นักลงทุนชาวตะวันตกมักถูกดึงดูดด้วยราคาที่สูงขึ้น และมีแนวโน้มที่จะซื้อในช่วงที่ราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ในไตรมาสแรกของปีเราเห็นว่าบทบาทนี้กลับสลับกัน เนื่องจากความต้องการลงทุนในตลาดต่างๆ เช่น จีนและอินเดีย เติบโตอย่างมากในช่วงที่ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น

อย่างไรก็ดี เมื่อมองไปข้างหน้าในปี 2567 มีแนวโน้มที่ทองคำจะสร้างผลตอบแทนแข็งแกร่งกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้เมื่อตอนต้นปี จากผลการดำเนินงานที่ดีในช่วงที่ผ่านมา หากระดับราคาลดต่ำลงในช่วงเดือนต่อจากนี้ ผู้ซื้อที่อ่อนไหวต่อราคาบางรายอาจกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง และนักลงทุนจะยังคงมองหาทองคำเพื่อเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยต่อไป ในช่วงที่พวกเขาต้องการความชัดเจนเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยและผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น.

 

รุ่งนภา สารพิน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปั้น‘โปรตีนทางเลือก’เชิงพาณิชย์

ปัจจุบัน อาหารแพลนต์เบสในประเทศไทยเริ่มมีมากขึ้น เทรนด์ของคนที่หันกลับมากินอาหารเพื่อสุขภาพก็มีเพิ่มขึ้น จึงทำให้เป็นการผลักดันภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาหารเพื่อสุขภาพ

อุบัติเหตุหรือละเลย

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะพบว่ามีข่าวเกี่ยวกับการลักลอบนำกากอุตสาหกรรมไปทิ้งตามสถานที่ต่างๆ หลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร, ลพบุรี, สุพรรณบุรี, เพชรบุรี, ชลบุรี ฯลฯ ซึ่งขยะเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน แม้ว่าที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหา แต่ก็ดูเหมือนว่ายังเป็นการแก้ที่ปลายเหตุเท่านั้น

ปลดผู้ว่าฯแบงก์ชาติมีแต่เสียกับเสีย

ปมความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับแบงก์ชาติเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐาเข้ามาบริหารประเทศ โดยจุดเริ่มต้นต้องเรียกว่าชนวนเหตุนั้น มาจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

นโยบายขายฝัน

ไม่นานเกินรอ ได้ใช้แน่รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทุกสายทุกสีก็ 20 บาท ซึ่งเมื่อปลายเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมานั้น รมว.คมนาคม สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประกาศลั่นว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ปรับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 20 บาท

หวังรัฐแก้ปมค้าชายแดน

การผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้ดีนั้น จำเป็นต้องมองในทุกมิติและพัฒนาให้ครอบคลุม จะทิ้งใครหรืองานใดงานหนึ่งไว้ข้างหลัง จะเป็นตัวฉุดรั้งให้การเติบโตนั้นไม่ไปไหน

เร่งแก้ “แต่ไร้ผล”

ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นประเด็นที่พูดถึงกันมานานหลายปี โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ที่เมื่อความกดอากาศสูง มีกำลังอ่อนลง และเมื่อลมสงบ ประกอบกับการผกผันกลับของอุณหภูมิในอากาศ จะส่งผลทำให้เกิดสภาพอากาศร้อนด้านบนกดทับอากาศเย็นเหมือนมีฝาครอบ