หลังนายกฯ เศรษฐา สะบัดปากกาส่ง บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กลับคืน "กรมปทุมวัน" ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอการสอบสวนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว บิ๊กต่อ ก็ใช้ฤกษ์เวลา 17.09 น. วันศุกร์ที่ผ่านมา แต่งเครื่องแบบ "สีกากี" เดินทางเข้าสำนักงานเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ตั้งแต่ถูกคำสั่งไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ดี มีเสียงแว่วๆ การกลับมาเที่ยวนี้ต้องจับตา บิ๊กต่อ ไม่น่าจะลากยาวยันเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย. 2567 แต่น่าจะมีการโอนย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่น ตามรอยหลายๆ ท่านที่เคยดำเนินการกันมา ตามดีลที่ถูกมองว่า วิน-วิน ทุกฝ่าย แต่ใครจะมานั่งเก้าอี้ "ผบ.ตร." แทนนี่ซิน่าสนใจ เพราะชั่วโมงก่อนชื่อ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 2 ดูจะเต็งหาม แต่พอมีเรื่องมีราว มีการเซ็นคำสั่งพลาดไม่เป็นไปตามขั้นตอน แวดวง "สีกากี" เลยมอง "บิ๊กต่าย" น่าจะเหนื่อย
เมื่อศึกชิงเก้าอี้ "ผบ.ตร." เปิดกว้าง แม้กระทั่ง บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน จนถูกมองประตูสู่ "พิทักษ์ 1" ดูจะปิดตาย สุดท้ายพอ "เนติบริกร" ชี้ช่อง ชี้ทาง ชี้โอกาส ทุกสายตาก็เลยไม่กล้ามองข้าม เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ก็มีการขยับออกสื่อให้เห็นบ่อยช่วงนี้ ล่าสุดสวมหมวกผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) ออกมาลุยคดีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำหายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พร้อมทั้งรายงานตรงให้นายกฯ เศรษฐารับทราบ ที่สำคัญยืนยันการันตี "ในฐานะที่ดูแลศูนย์ปราบน้ำมันเถื่อน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจเรตำรวจแห่งชาติ ขอใช้เป็นหลักประกันว่าจะไม่นำเรื่องนี้มาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ขอให้เชื่อมั่นในการทำงานว่าไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ และตั้งแต่ผมรับตำแหน่ง ก็จัดเก็บภาษีน้ำมันได้มากขึ้นกว่า 100% แสดงให้เห็นว่าน้ำมันเถื่อนลดลง" ชัดเจนทั้งความโปร่งใส ชัดเจนทั้งผลงาน...ไม่ธรรมดา ๐
เฮ้อ...คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) หน่วยงานที่ตั้งขึ้นใหม่ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับตำรวจ โดยมีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเพื่อให้มีความโปร่งใส "ลุงตู่" สมัยเป็นนายกฯ แต่งตั้ง 7 อรหันต์เข้ามาทำหน้าที่ มี พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม เป็นประธาน ร่วมกับ พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น, นางสมศรี หาญอนันทสุข, นางสาวสุกลภัทร ใจจรูญ, นายสุนทร พยัคฆ์, นางอริยา แก้วสามดวง และ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน เป็นกรรมการ เพิ่งผ่านครบรอบ 1 ปี เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ไปไม่เท่าไหร่ แทนที่จะได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับตำรวจมาพิจารณา กลับกลายเป็นว่า คณะกรรมการฯ ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ฟ้องร้องกันเอง กล่าวหาเรื่องการไม่มาทำงาน ไม่มาทำหน้าที่ จนชาวบ้านเห็นแล้วได้แต่ส่ายหน้า ก.ร.ตร.เองยังมีปัญหา ยังมีความวุ่นวาย แล้วถ้าไปร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรรมตำรวจ จะมีเวลาตรวจสอบให้ชาวบ้านหรือ...เอวังจริงๆ ๐
ต้านกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกไม่ได้ กองทัพเองก็ต้องพัฒนาให้เกิด “ความทันสมัย” ไม่เช่นนั้นจะถูกมองว่าเป็นองค์กรที่ล้าหลัง ทั้งที่จริงในแต่ละเหล่าทัพก็มีส่วนงานยุทธการในการประเมินเรื่องภัยคุกคาม เพื่อใช้กำหนดเรื่องเทคโนโลยีอยู่แล้ว ล่าสุดในการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก ให้กรมยุทธการทหารบกรายงานความคืบหน้าการจัดทำสมุดปกขาวกองทัพบก พ.ศ. 2567 ที่ผู้บัญชาการทหารบกได้อนุมัติคณะทำงานจัดทำเมื่อ มี.ค. 67 และเตรียมแจกจ่ายให้หน่วยขึ้นตรงกองทัพบกได้รับทราบเป็นแนวทางในการวางยุทธศาสตร์ของหน่วยตามกรอบที่กำหนด รวมถึงได้มีการปรับปรุงพัฒนาหลักนิยมกองทัพบกแบบองค์รวม นำไปสู่การวางแผนเตรียมกำลังและการใช้กำลังของกองทัพบก สอดคล้องกับการชี้แจงในสภาของ รมว.กลาโหม “สุทิน คลังแสง” ระหว่างการชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ขั้นรับหลักการ ว่าได้มอบให้เหล่าทัพไปช่วยกันคิด โดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้ออาวุธที่จะมาพิจารณาการจัดหาแบบ "จัดลำดับ" โดยดูจากภัยคุกคามเป็นโจทย์ โดย 3 เหล่าทัพจะเรียงลำดับการจัดหายุทโธปกรณ์โครงการใหญ่ในแต่ละปีลดหลั่นกันไป แต่การจัดซื้อก็จะให้เหล่าทัพไปดำเนินการกันเอง “บิ๊กทิน” ใช้คำว่า ไม่ใช่มารวมศูนย์และรวบอำนาจไว้ที่รัฐมนตรี เพราะคงรู้ดีว่าเป็นเรื่องร้อนและมี “เจ้าที่” ปักหลักของแต่ละเหล่าทัพอยู่ แต่ยึดหลักว่า “คนใช้” ต้องเป็นคนซื้อ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา "ล้วงลูก” หรือ "วิ่งเต้น” กับฝ่ายการเมือง ๐
คาดว่าในการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่จะจัดขึ้นที่ "ตึกแปดแฉก” กองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง วันจันทร์ โดยมี พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน ก่อนเริ่มประชุมจะมีการประชุมผู้บัญชาการทางทหาร คุยกันวงเล็กในระดับ ผบ.เหล่าทัพ โดยมีเสนาธิการทหารเข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ “วงเล็ก" ถือว่ามีความสำคัญ และมักเป็นประเด็นร้อนที่ต้องปรึกษาหารือ แว่วว่า พล.อ.ทรงวิทย์ มีแนวคิดที่จะใช้ “เอไอ” เข้ามาใช้ในการประชุมด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะทันในการประชุมครั้งนี้หรือไม่ ส่วนความคืบหน้าเรื่องการตั้งศูนย์บัญชาการไซเบอร์แห่งชาติ คาดว่าน่าจะมีการรายงานให้ทราบกันในเบื้องต้น เพราะมีการนำไปพูดในที่ประชุมสภาฯ ขณะที่กองทัพก็เดินหน้ายกระดับการรบให้ทันกับโลกยุคใหม่ด้วย ในการประชุมครั้งนี้นอกจากเนื้อหาและวาระแล้ว ประเด็นที่สื่อจับตามองคือการเข้าร่วมประชุมของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะ ตร.มีหน่วย ตชด.ขึ้นควบคุมทางยุทธการกับกองบัญชาการกองทัพไทยอยู่ด้วย เพราะประเด็นร้อนระหว่างศึกสองบิ๊กสีกากียังไม่จบ ๐
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง กระฉ่อนมาเป็นระลอกว่า “โผทหาร” ล็อตนี้อาจจะ “ร้อนฉ่า” กว่าทุกครั้ง แต่พอมีกระแสข่าว “บิ๊ก ด.” เดินทางกลับมาจากสหรัฐฯ หลังจากไปพักรักษาอาการป่วยมาพักใหญ่ ทำให้การเคลื่อนไหวลดระดับลง ส่วนยุทธวิธีในการ “เดินเกมเร็ว” หรือ “เดินเกมช้า” คงไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก แคนดิเดต “ระดับหัว” ของผบ.เหล่าทัพ มีข่าวว่า “ชื่อยังไม่เปลี่ยนแปลง" จากที่วางไว้ เพราะ “อำนาจสามเส้า” ที่ต้องพึ่งพิงซึ่งกันและกัน ตอนนี้ยังไม่เกิดอาการเอียง จึงเชื่อได้ว่าแต่ละแท่งของ “เหล่าทัพ” ที่ถูกเสนอขึ้นไป จะไม่มีการคัดค้านข้ามเหล่าทัพ หรืออ้อมหลังไปวิ่งเต้นกับเบอร์ใหญ่ในรัฐบาล เมื่อการันตีความนิ่งแล้วค่อยมาว่ากันในระดับของ ผบ.หน่วยคุมกำลังใน "สเตป” ต่อไป ว่ากันว่าอาจปล่อยเก้าอี้ไปได้บ้างบางตำแหน่ง เพื่อลดแรงกดดันจากสายแข็ง ส่วนเรื่องการเมืองขอ “ลอยตัว" รักษาหน้าตักของตัวเองให้แน่นหนา น่าจะปลอดภัยที่สุด ณ ช่วงเวลานี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร
ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง
'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้
ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง
ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2
ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
ช่างกล้า...ช่างมั่น รับประกันด้วยตำแหน่ง
ในขณะที่ประชาชนผู้รักชาติ รักแผ่นดิน มีความเป็นห่วงเป็นใยว่าการเจรจาแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรในท้องทะเลใต้เกาะกูดตามที่มีการลงนามความเข้าใจร่วม (MOU) 44
จาก...'ต้มยำกุ้ง' ถึง 'ต้มยำกบ'
ด้วยเหตุเพราะ ความคิดถึง อย่างสุดซึ้งถึงเพื่อนเก่า เพื่อนแก่ อย่าง เพื่อนแป๊ะ (โดย แป๊ะ รายที่ว่านี้ออกไปทาง เทพบุตร หรือคนละคนกับ แป๊ะ ปิศาจ) ที่ห่างหายไม่ได้เจอะหน้า เจอะตา