ทุจริตเป็นที่ประจักษ์

แต่ตอนนี้นักโทษเทวดาไม่ได้ติดกำไล EM จึงไม่จำเป็นต้องมารายงานตัว เพราะมีเจ้าหน้าที่ไปรับรายงานตัวถึงบ้าน และไม่ต้องถอดกำไล EM เหมือนกับผม..."

ที่เอาเรื่องของ "เทพไท" มาพูดคุย เพราะ "นักโทษชายทักษิณ" จะพ้นโทษเดือนสิงหาคมนี้ครับ

กรณี "นักโทษชายทักษิณ" พิเศษบะหมี่สิบก้อน  เพราะเป็นผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์พักโทษกรณีพิเศษ

ป่วย

อายุเกิน ๗๐ ปี

เป็นไปตามหลักเกณฑ์ไม่จำเป็นต้องใส่กำไล EM

มีเหตุผลพิเศษสุด เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูง หรือเป็นบุคคลสำคัญของประเทศ

ตอนกรมคุมประพฤติต้องแจ้งเงื่อนไขการพักโทษ จึงต้องพิเศษสุดๆ เช่นกัน

ขณะนั้นกรมคุมประพฤติเขาแจ้งว่า มอบหมายให้มีผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่คุมประพฤติเข้าพบ เพื่อแจ้งกระบวนและเงื่อนไขการพักโทษต่างๆ ให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการคุมความประพฤติ พ.ศ. ๒๕๖๐

ก็ไม่ต้องอธิบายความอะไรกันมาก คำว่า "เข้าพบ" จบทุกอย่าง!

ไม่ใช่ "เรียกพบ"

คำอธิบายของกรมคุมประพฤติยังระบุว่า เจ้าหน้าที่คุมประพฤติจะต้องทำการสืบเสาะข้อเท็จจริงให้รอบด้านเพื่อนำมาประเมินพฤติกรรมของผู้ที่ได้รับการพักโทษด้วย

เช่น มีบ้านพักอาศัย มีความสะดวกเพียงพอ

หรืออาจไปก่อเหตุซ้ำได้

หรือทุจริตคอร์รัปชันหรือไม่ ตามหลักพื้นฐานสำหรับการสืบเสาะข้อเท็จจริง

ที่ต้องเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ก็เรื่องทุจริตคอร์รัปชันนี่แหละครับ

กรมคุมประพฤติใช้อะไรวัดว่า "นักโทษชายทักษิณ" ไปก่อเหตุคอร์รัปชันซ้ำหรือไม่

ที่สำคัญ "คอร์รัปชัน" ในความหมายของกรมคุมประพฤติคืออะไร

กรมคุมประพฤติ เขามีค่านิยม ๖ ประการ ครับ คือ I AM D.O.P

I : Integrity ; ความซื่อสัตย์

A : Accountability ; ตรวจสอบได้/การรับผิดชอบ

M : Morality ; คุณธรรม

D : Development ; มุ่งมั่นพัฒนา

O : Opportunity ; สร้างโอกาส

P: Participation ; การมีส่วนร่วม

ก็น่าจะการันตีได้ว่า "คอร์รัปชัน" ในความเข้าใจของกรมคุมประพฤตินั้น ไม่ต่างจาก "คอร์รัปชัน" ในความเข้าใจของสังคมทั่วไป

แต่ในข้อเท็จจริงนับตั้งแต่การพักโทษโดยที่ยังไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวนี้ มีกิจกรรมทางการเมืองที่ "นักโทษชายทักษิณ" เข้าไปเกี่ยวข้อง และผลมันคือมีเรื่องสินบน ทุจริต คอร์รัปชัน ฉ้อราษฎร์บังหลวง เป็นสาระสำคัญ

แม้ "นักโทษชายทักษิณ" มิได้ก่อเรื่องเอง แต่เข้าไปเกลือกกลั้ว ยอมรับ รับประกัน บุคคลที่มีปัญหาเรื่องการมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์

ตามระเบียบกรมคุมประพฤติ การปล่อยคุมประพฤติผู้ได้รับการพิจารณาพักการลงโทษและลดวันต้องโทษจำคุก เป็นมาตรการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชนขั้นตอนภายหลังศาลมีคำพิพากษา

ผู้กระทำผิดทั้งสองกลุ่มนี้เป็นนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับโทษในเรือนจำหรือทัณฑสถานมาระยะหนึ่ง และมีความประพฤติดีอยู่ในข่ายตามเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ ที่จะพิจารณาปล่อยตัวออกมาสู่สังคมภายนอกก่อนครบกำหนดโทษภายใต้เงื่อนไขการคุมความประพฤติ

กระบวนการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดภายนอกสถานคุมขัง เป็นวิธีการแก้ไขฟื้นฟูตามสภาพปัญหาและความต้องการของผู้กระทำแต่ละราย เป็นการป้องกันมิให้ผู้กระทำผิดกลับไปกระทำผิดซ้ำ

และสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมภายนอก เป็นกำลังสำคัญให้แก่ประเทศชาติ จนถึงสังคมหน่วยย่อย ดังเช่นสุจริตชนทั่วไป

แต่กรณี "นักโทษชายทักษิณ" ฉีกกฎไปเยอะพอควร

"สุจริตชน" ตั้งคำถามการเป็น "อภิสิทธิ์ชน" ของ "นักโทษชายทักษิณ" กันมากว่า ระหว่างการพักโทษนี้มีอะไรที่พูดได้เต็มปากว่า "สุจริต" บ้าง

อยู่เบื้องหลังการตั้ง "พิชิต ชื่นบาน" เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

สุดท้าย นายกฯ เศรษฐา ซวย!

ยังไม่รู้จะหมู่หรือจ่า

หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถอดถอน ก็ขอให้รู้ว่าเรื่้องมันเริ่มมาจาก "นักโทษชายทักษิณ"

มันปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวไม่ได้ครับ เพราะเบื้องลึกเบื้องหลังระหว่าง "นักโทษชายทักษิณ" กับ "พิชิต ชื่นบาน" นั้นมันเป็นซีรีส์เรื่องยาว ที่ใกล้จะถึงตอนจบ

แต่กับนายกฯ เศรษฐานั้น แทบไม่เคยข้องแวะกันมาก่อน

กรณี "ชาญ พวงเพ็ชร์" ก็เช่นกัน "นักโทษชายทักษิณ" วางหมากตั้งแต่ไปร่วมงานบวช หลานนายกเบี้ยว-กฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี  โดยประกาศความยิ่งใหญ่จะยึดสนามเลือกตั้งทุกระดับในปทุมธานี

จากนั้น ส่งลูกสาวลูกชายไปช่วย "ชาญ พวงเพ็ชร์"  จำเลยคดีทุจริตถุงยังชีพ-เครื่องออกกำลังกาย หาเสียงให้คนปทุมธานีเลือกเป็นนายก อบจ.

แทนที่จะได้ทำงานกลับมานั่งเถียงกันว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

กรมคุมประพฤติคิดว่า พฤติกรรมเหล่านี้ของ "นักโทษชายทักษิณ" สุจริตหรือไม่

มันไปพัวพันกับเรื่องทุจริตหรือไม่

ภาพรวมระบอบทักษิณ คือพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลเศรษฐา หนีเรื่องทุจริตไม่พ้นจริงๆ

ล่าสุดนี่ก็สุดๆ

กรณี "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" มีแววว่าต้องลากไส้กันทั้งทำเนียบรัฐบาล และสภาผู้แทนราษฎร

ธุรกิจขายวุฒิการศึกษา ขายตำแหน่งในรัฐสภา ในทำเนียบรัฐบาล ชวนกันฮั้วประมูล มันมีมานานแล้ว หลากหลายรูปแบบ

แต่รอบนี้พันกับคนในพรรคเพื่อไทยเยอะหน่อย

"สมคิด เชื้อคง" บอกว่าโดนแอบอ้าง ก็ว่าไปตามนั้นก่อน เพราะหลักฐานยังเปิดกันไม่หมด 

ที่ชัดเจนระดับหนึ่งแล้วคือ "วิสุทธิ์ ไชยณรุณ" ยอมรับคนขับรถเข้าไปพัวพัน เรียกมาอบรมแล้ว ๒-๓ ชั่วโมง จนร้องไห้ขี้มูกโป่ง

"สอนแล้วไม่จำคนบางกอกเขาจะหลอกให้"

 เหมือนจะให้จบแบบบ้านๆ             

มันไม่บ้านๆ ครับ จบง่ายๆ ไม่ได้ เพราะมันทำกันเป็นขบวนการ

ลำพัง "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" ทำไม่ได้หรอกครับ 

มันมีตัวใหญ่อยู่ข้างหลัง

แต่ตัวใหญ่ไม่เคยเผยตัว

ฉะนั้นอย่าคาดหวังว่าจะสาวไปถึงตัวการ

แค่ให้รับรู้ว่า "มันกลับมาแล้ว".