แถลงนโยบายแล้ว...ไปได้
นายกฯ อิ๊งค์ ไปเชียงรายทันทีราวกับถูกกดปุ่ม
ประเด็นกลัวทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๒ รัฐบาลต้องแถลงนโยบายก่อนเข้าบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่เรื่องโจ๊กนะครับ
เป็นเรื่องจริง
สิ่งที่สังเกตเห็นจากรัฐบาลนี้คือ เริ่มต้นก็ตั้งการ์ดสูง ไม่ทำอะไรที่มองดูแล้วสุ่มเสี่ยงอาจทำผิดกฎหมาย หรือรัฐธรรมนูญ
แม้จะสายไปบ้าง เพราะแค่คดีครอบงำ ก็ถูกจองกฐินไปหลายกองแล้ว แต่นายกฯ ลูกอ่อนคงรับไม่ไหว หากบริหารประเทศไปเจอ "นักร้อง" จัดหนักไป
มีเค้าครับว่า แม้กระทั่งนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีปัญหาทั้งในเชิงเทคนิคและกฎหมายมากมาย อาจต้องเปลี่ยนโฉม
ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับวอลเล็ตอีกต่อไป
หรืออาจไม่มีเฟสสอง
เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ...
วานนี้ (๑๓ กันยายน) ขุนคลัง "พิชัย ชุณหวชิร" บอกกับนักข่าวเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต เฟสสอง ว่า "ขอดำเนินการเฟสหนึ่งให้เสร็จก่อน"
ที่น่าสนใจคือ นักข่าวถามนำว่า เฟสที่สองจะสามารถดำเนินการภายในปี ๒๕๖๗ ได้หรือไม่
คำตอบทำเอาประชาชนกว่า ๓๐ ล้านคนที่ลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตถึงกับหงายหลัง!
"ไม่น่าจะทันครับ"
มีคำถามต่อเนื่องว่า หากเป็นปี ๒๕๖๘ ในเฟสที่สอง จะสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนใด
ขุนคลังตอบว่า "เราจะดูความต่อเนื่องอีกสองสามเรื่อง โดยจะดูพร้อมๆ กัน ว่าอันไหนดีที่สุด ส่วนจะได้ไตรมาสไหนนั้นจะต้องขอดูหลังจากนี้ก่อน"
ส่วนการจ่ายเงินเฟสที่สอง จะเป็นการแบ่งจ่ายหรือไม่
คำตอบคือ "ก็ต้องดูหลายปัจจัย ในความพร้อมทุกๆ อย่าง รวมถึงความพร้อมของช่องทางการจ่ายด้วย"
อีกประเด็นที่สำคัญคือ งบประมาณที่เหลือจะไปดำเนินการในโครงการใด หากว่าไม่นำมาใช้ในโครงการนี้ หรือมีโครงการอื่นรองรับแล้ว อย่างเช่นเรื่องการลงทุนต่างๆ
"พิชัย" ตอบว่า "เรื่องนั้นเราถือว่ามีความสำคัญ ถ้าอะไรตัดปัญหาและสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศก็ต้องมาที่หนึ่ง"
มีคำถามว่า จ่ายผ่านพร้อมเพย์หรือผ่านระบบอื่น คำถามนี้สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะสะท้อนถึงอนาคตของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต
"พิชัย" ตอบว่า "ขอดูทั้งหมดก่อนนะครับ อย่างที่ผมเรียนเรื่องระบบ..."
ให้คำตอบแบบนี้ แสดงว่ารัฐบาลเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า จะแจกผ่าน "วอลเล็ต" หรือไม่
สรุปคือ ใครที่ลงทะเบียนไปแล้ว ปีนี้ก้มหน้าก้มตาทำงานรับเงินเดือนกันต่อไป
ที่ไม่มีเงินเดือนก็หารายได้ทางอื่นไปตามปกติ
ยังไม่ต้องฝันถึงเงินหมื่น
ส่วนปีหน้าจะแจกเมื่อไหร่ ก็ยังไม่มีคำตอบ เพราะรัฐบาลต้องดูความต่อเนื่องของอีกสองสามเรื่อง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร
จ่ายเงินแบบไหนก็ยังไม่รู้
นี่คือสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายแจกเงินให้ประชาชนหัวละหมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต
คือ...ไม่มีอะไรคืบ
แล้วรัฐบาลติดอะไร ถึงไม่สามารถแจกเงินเฟสสองได้ภายในสิ้นปีนี้
รัฐบาลไม่เคยบอกประชาชนว่าติดอะไร
เฟสแรก แจกเงินสด ให้กลุ่มเปราะบาง ๑๔.๒ ล้านคน หากไม่ผิดพลาดอะไร รัฐบาลจะแจกในวันที่ ๒๕ กันยายนนี้
ก้อนนี้ใช้งบประมาณ ๑.๔ แสนล้านบาท จากงบเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
ถ้าแจกไม่ทันเดือนกันยายนซึ่งเป็นเดือนสิ้นปีงบประมาณ ก็จบเห่ครับ ไปแจกเดือนตุลาคมไม่ได้ เพราะเสี่ยงทำผิดกฎหมายงบประมาณ
ประเด็นที่ "ขุนคลัง" บอกว่า ก่อนแจกเฟสสองต้องดูความต่อเนื่องอีกสองสามเรื่องจากเฟสแรก
ดูอะไร?
ในเมื่อก่อนหน้านี้รัฐบาลยืนยันเสียงแข็งว่า เฟสแรก แจกเงินสด เฟสสองแจกผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เพราะมันคนละเงื่อนไข
รัฐบาลควรจะบอกกับประชาชนตรงๆ ว่า สุดท้ายแล้วมีเฟสเดียว คือแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ไม่ใช่สร้างความหวังไปเรื่อยๆ
นโยบายนี้พูดมาร่วม ๒ ปีแล้วนะครับ
แต่เพราะ "ขุนคลัง" คนนี้ตอบทุกเรื่องแต่ไม่ชัดสักเรื่อง มันจึงเกิดข้อสงสัยไม่หยุดหย่อน
ที่นักข่าวถามว่า งบประมาณที่เหลือจะไปดำเนินการในโครงการใด แทนที่จะยืนยันว่า ไม่มีงบเหลือ เพราะแจกเฟสสองด้วย
กลับตอบว่า เรื่องนั้นเราถือว่ามีความสำคัญ ถ้าอะไรตัดปัญหาและสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศก็ต้องมาที่หนึ่ง
หมายความว่าจะเอาเงินไปใช้ในโครงการอื่นใช่หรือไม่
ไปสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ
การตอบแบบนี้เท่ากับการล้มเฟสสอง ก็นับเป็นเรื่องดี แต่ก็ควรพูดให้ชัดกว่านี้
เอาให้ชัดว่าทำแท้ง
อย่างน้อยๆ ประชาชนที่ลงทะเบียนไปแล้วกว่า ๓๐ ล้านคนจะได้ไม่ต้องรอ
ครับ...ข้อเท็จจริง รัฐบาลยังไม่สามารถพัฒนาระบบที่รัดกุมขึ้นมาได้ ธนาคารหลายแห่ง ยังไม่ให้ความร่วมมือเพราะเกรงถูกดักล้วงข้อมูล
เกิดเงินลูกค้าหายเกลี้ยงบัญชี ใครจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบ
อีกทั้งนโยบายนี้อาจผิดกฎหมาย เมื่อรัฐบาลตั้งการ์ดสูง จึงมีแนวโน้มว่า จะมีเพียงเฟสแรกเท่านั้น ซึ่งเป็นการช่วยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ตามคำแนะนำของแบงก์ชาติ ทีดีอาร์ไอ ก่อนหน้านี้
เท่ากับเป็นการลดความเสี่ยงทั้งปวง
การแก้ปัญหาการเมืองจากความไม่พอใจที่รัฐบาลยกเลิกนโยบายแจกเงินเฟสสอง จะง่ายกว่าการตามแก้ปัญหาข้อกฎหมาย เพราะนโยบายนี้สุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อกฎหมายมาตลอด
ที่ผ่านมาไม่ว่าจะปรับนโยบายกี่ครั้ง ก็ยังคงมีการท้วงติงเรื่องข้อกฎหมายอยู่ตลอดเวลา
คำถามคือ รัฐบาลกำลังจะเลี่ยงไม่ให้เกิดนิติสงครามตามความคิดของรัฐบาล เพื่อไม่ให้ "มาดามแพ" ติดบ่วงใช่หรือไม่
ถ้าถอยด้วยเหตุผลนี้ มีเรื่องน่ากังวลไม่น้อย
อีก ๓ ปีที่เหลือรัฐบาลจะบริหารประเทศอย่างไร
หากบริหารไปกลัวนักร้องไป ประชาชนแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
เพราะนั่นเท่ากับรัฐบาลไม่ริเริ่มทำอะไรใหม่ๆ เลยเช่นกัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คอร์รัปชันฆ่าคน
เผื่อยังคิดกันไม่ได้ การคอร์รัปชันคือต้นตอของหายนะมากมาย รถโดยสารคันที่ไฟไหม้ จนนักเรียนและครู ๒๓ ชีวิตต้องจบลง ก็คือหนึ่งในผลพวงของการคอร์รัปชันในวงราชการและเอกชนอันฟอนเฟะ
อย่าเอาเปรียบเด็ก
ยังอยู่ที่ความปลอดภัยบนท้องถนนครับ เราได้เห็นมาตรฐานของรถโดยสาร จากกรณีไฟไหม้ ทำให้นักเรียนและครูต้องเสียชีวิตไปจำนวนมากแล้ว หลังจากนี้จะถอดบทเรียน หรือจะล้อมคอก แบบไฟไหม้ฟางก็เชิญทำไปครับ
เลิกถอดบทเรียน
รู้สึกช็อกครับ! ผู้คนคงสะเทือนใจกันทั้งประเทศ จากเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน หน้าเซียร์รังสิต ถนนวิภาวดีฯ หน้าอนุสรณ์สถาน
ไม่แก้ รธน.จะตายมั้ย
อยากรู้จริงๆ ถ้าพักการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้สัก ๑๐ ปี หมายถึงนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงปี ๒๕๗๗ หากนักการเมืองไม่พูดเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย ประเทศไทยจะฉิบหายหรือเปล่า
ปิดสวิตช์ '๓ ท.'
เรื่องโพลฟังหูไว้หู เพราะมันคือการสำรวจความคิดเห็น ยังไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง
อย่าใช้ปากคิดแทนสมอง
จบข่าวครับ... เป็นอันว่าไม่มีพรรคการเมืองไหนเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เลวลง อย่างน้อยก็ช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ แต่ระยะยาวรัฐธรรมนูญที่ขวางทางนักการเมืองแบบนี้เขาไม่เอาไว้หรอกครับ