วันนี้ของ 'ทักษิณ'

ชัดเจนขึ้นมาอีกระดับ

รายงานฉบับเต็ม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ถึงผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน เรื่อง "การเลือกปฏิบัติและสิทธิของผู้ต้องขัง กรณีร้องเรียนว่า นายทักษิณ ชินวัตร ได้รับสิทธิรักษาพยาบาลดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่น" กรณีผู้ร้อง (ปกปิดชื่อ) ผู้ถูกร้องเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ที่ ๑ โรงพยาบาลตำรวจ ที่ ๒  ถือเป็นหลักฐานชิ้นเอก สามารถนำไปร้อง ป.ป.ช.เพิ่มเติมได้

เพราะได้รู้เพิ่มในสิ่งที่ไม่รู้ก่อนหน้านี้

มีบางประเด็นได้รับการขยายความให้ชัดเจนขึ้น จนสิ้นข้อสงสัย

และยังสะท้อนถึงการวางแผนให้เรื่องนี้ถูกปิดลับตั้งแต่แรก ทั้งๆ ที่ควรจะเปิดเผย เพื่อประโยชน์ต่อตัว "ทักษิณ" เอง

แต่ดูเหมือนมีความย่ามใจ ราวกับว่าโลกอยู่ในยุคมนุษย์ถ้ำ ไม่มีใครจะล่วงรู้สิ่งที่ "ทักษิณ" และผู้ร่วมขบวนการกระทำได้

รายงานฉบับนี้ ยืนยันประเด็นที่ว่า โรงพยาบาลตำรวจ ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพของ "ทักษิณ" ได้ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ต้องปกปิดเป็นความลับ

ประกอบกับ "ทักษิณ" ได้แสดงเจตนาไว้ในหนังสือ ลงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖ ไม่ยินยอมให้สถานพยาบาลเปิดเผยข้อมูล/ส่งข้อมูล หรือสำเนาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของตน

ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ อีกทั้งรายงานทางการแพทย์เป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลซึ่งการเปิดเผยจะเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลโดยไม่สมควร ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐               ที่จริงประเด็นนี้มีผลทางการเมืองอย่างมาก

หาก "ทักษิณ" ป่วยจริง ในทางการเมืองยิ่งต้องเปิดเผย เพราะเป็นประโยชน์ล้วนๆ แทบไม่มีโทษใดๆ เลย

ก็ดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้สิครับ คนที่เชื่อว่า "ทักษิณ" ป่วยจริงมีแค่หยิบมือ

ส่วนใหญ่เชื่อว่า โกหกกันเป็นขบวนการ

ขณะเดียวกันแม้ โรงพยาบาลตำรวจจะอ้างว่า ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพของ "ทักษิณ" ได้ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ต้องปกปิดเป็นความลับ แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ พบว่ามีการพูดถึงอาการป่วยของ "ทักษิณ" ออกมาเป็นระยะๆ ทั้้งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และโรงพยาบาลตำรวจ

ในรายงานฉบับเต็มยังระบุว่า โรงพยาบาลตำรวจ อ้างสาเหตุที่ "ทักษิณ" ต้องพักรักษาตัวเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากมีโรคประจำตัวหลายโรค เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือโรคความเสื่อมของกระดูกต้นคอ กระดูกหลัง โรคปอดเรื้อรัง โดยมีหลักฐานทางการแพทย์ทั้งหมด

นอกจากนี้ยังพบว่ามีโรคอื่นเพิ่มขึ้นด้วย

และระหว่างพักรักษาตัว "ทักษิณ" มีภาวะวิกฤตเป็นระยะ เนื่องจากเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งการจะให้ออกจากโรงพยาบาลขึ้นอยู่กับกรมราชทัณฑ์ว่าสามารถดูแลรักษาต่อได้หรือไม่ เพราะโรงพยาบาลตำรวจ มีหน้าที่เพียงให้ความเห็นทางการแพทย์ตามวิชาชีพ และระบุอาการป่วยตามความเป็นจริง ให้กรมราชทัณฑ์ทราบและพิจารณาเท่านั้น        

ข้อมูลจากโรงพยาบาลตำรวจ ดูเหมือนไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก แต่หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แม้จะไม่มีข้อมูลลงลึกว่า อาการป่วยแต่ละโรคเป็นเช่นไร แต่โดยสามัญสำนึกโรคทั้งหมดที่ "ทักษิณ" เป็น ไม่มีใครปิดลับ

เพราะไม่รู้จะปิดลับไปทำอะไร

ไม่ว่าจะเป็น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือโรคความเสื่อมของกระดูกต้นคอ กระดูกหลัง โรคปอดเรื้อรัง จะมีสักกี่คนบอกหมอว่าขอปิดลับห้ามไม่ให้ผู้อื่นล่วงรู้

ปิดลับไปเพื่ออะไร ตรรกะมันไม่ได้

เว้นเสียว่า เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ไม่ต้องการให้คุณหญิงอ้อ อิ๊งค์ โอ๊ค เอม รู้

แบบนี้ไปขอหมอปิดข้อมูลให้ก็คงจะได้

หรือป่วยเป็น HIV ไม่อยากให้ใครรู้ แบบนี้ขอปิดลับ จะมีใครว่า

แต่ปิดลับโรคความดัน โรคหัวใจ เขาเป็นกันทั้งบ้านทั้งเมือง

แล้วจะปิดไปเพื่ออะไร

นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของ "ทักษิณ" นะครับ แต่เป็นเรื่องความเหลื่อมล้ำด้านความยุติธรรม มันเป็นเรื่องข้อสงสัยว่า "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ไปนอนห้องวีไอพีชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว

อาการป่วยมันเรื่้องเล็กครับ ตอนนี้ก็หายทุกอาการแล้วไม่ใช่หรือ

แต่ที่ไม่หายคือ ข้อสงสัยป่วยทิพย์นี่แหละครับ

ฉะนั้นการปิดลับ มิใช่ปิดบังว่าป่วยเป็นอะไร แต่ปิดเพื่อไม่ให้รู้ว่า ป่วยทิพย์

การที่ โรงพยาบาลตำรวจระบุว่ามีหลักฐานทางการแพทย์ทั้งหมด เป็นเรื่องดีเลยครับ

อย่างน้อยก็รู้ว่ามี

ส่วน ป.ป.ช.จะขอมาได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง

การที่โรงพยาบาลตำรวจอ้างว่า ระหว่างเดือนมกราคม ๒๕๖๕ ถึงกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ มีผู้ต้องขังที่นอนพักรักษาตัวกับผู้ถูกร้องที่ ๒ นานที่สุดเมื่อปี ๒๕๖๕ จำนวน ๑ ราย

เป็นผู้ต้องขังอายุ ๖๖ ปี รักษาตัวเป็นเวลา ๖๘ วัน ที่แผนกอายุรกรรม               

แต่ไม่บอกว่าป่วยเป็นอะไร ก็เป็นอีกข้อสงสัยว่าทำไมถึงยกกรณีนี้ขึ้่นมา ต้องการช่วย "ทักษิณ" หรือเปล่า

อย่าลืมนะครับตัว "ทักษิณ" เองคือหลักฐานชิ้นเอก

ที่เคยอ้างว่าป่วยวิกฤตห่างหมอไม่ได้ แต่วันนี้หน้าบาน ไม่มีเค้าผู้ป่วยอาการเป็นตายเท่ากัน มันก็แปลความได้ ๒ ทาง

ทางแรกหมอโรงพยาบาลตำรวจเก่ง รักษาหายทุกโรคที่ "ทักษิณ" เป็น

หรือไม่ก็ "ทักษิณ" ไม่ได้ป่วยจริงตั้งแต่แรก

ฝั่ง ราชทัณฑ์ ก็ชี้แจงได้ชัดเจนไม่แพ้กัน

ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถผ่าตัดผู้ป่วยได้ในกรณีไม่ซับซ้อนหรือไม่ฉุกเฉินร้ายแรง แต่โรคที่มีอาการรุนแรง เช่น เส้นเลือดสมองตีบเฉียบพลัน โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ซึ่งเกินขีดความสามารถในการรักษา  แพทย์จะแนะนำให้ส่งต่อโรงพยาบาลอื่น            

นั่นคือสาเหตุให้ส่ง "ทักษิณ" เข้าโรงพยาบาลตำรวจ

ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า "ทักษิณ" กลับไทยวันแรก สารพัดโรคพร้อมใจกันรุมเร้าหนักเพียงนี้เลยหรือ

อาจเป็นไปได้สำหรับคนที่กลัวต้องไปนอนในคุก

แต่ความจริงมันใช่หรือ

"ทักษิณ" รู้ตั้งแต่ก่อนนั่งเครื่องบินกลับไทยว่าไม่ต้องนอนคุกใช่หรือเปล่า ถึงได้กล้ากลับมา

เมื่อสอบประวัติการรักษาตัวก่อนกลับไทย "ทักษิณ"  ไม่ได้ไปรักษาตัวที่สถานีอนามัยตำบลนะครับ

โรงพยาบาลชั้นนำที่ฮ่องกง ดูไบ "ทักษิณ" เป็นลูกค้าวีไอพีนะครับ ตรวจสุขภาพทุกปี แข็งแรงทุกปี ต่อย

มวยโชว์ยังได้

แสดงว่ารักษาตัวมาดี

ดียังไง?

มีหลักฐานครับ ไม่ได้นั่งเทียนเขียน

หลักฐานก็คำร้องของ "ทักษิณ" ขอเดินทางไปดูไบไงครับ

จำได้มั้ยครับ! "ทักษิณ" ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) ระหว่างวันที่ ๑-๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๗ อ้างว่าต้องการไปพบแพทย์ที่เคยรักษาอาการป่วยเกี่ยวกับปอดอักเสบเรื้อรัง ระบบหายใจและหลอดเลือดหัวใจ เอ็นไหล่ขวาฉีกขาด และหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน

ไม่ยอมกลับไปนอนห้องวีไอพีชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ เพราะหมอดูไบเก่งกว่า

เรื่องจริงคือ หมอดูไบ ไม่ได้เก่งกว่าหมอไทย

แต่เพราะ พล็อตเรื่องที่ "ทักษิณ" สร้างขึ้นมาล้วนโกหกทั้งหมด

แถมยังถูกจับได้ซ้ำซาก

หาก "ทักษิณ" รอดจากเรื่องนี้ไปได้ ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วล่ะครับ

เพราะทุกอย่างเป็นของ "ทักษิณ" ไปหมดแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คนไทยหลอกง่าย?

ว่าด้วยเรื่อง "ถูกหลอก" วันก่อนมีข่าว ประเทศไทยยังถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีผู้เสียหายจากการหลอกลวงทางออนไลน์มากเป็นอันดับ ๔ ของโลก

'หนูไม่รู้' ภาคสอง

ให้ร้อยเต็มสิบเลยครับ ดรามาก้มอ่านไอแพดยังไม่จบ! วานนี้ (๗ ตุลาคม) นายกฯ โพยทองธาร บอกว่า "ไอแพดเป็นเรื่องที่ทุกคนใช้กันทั่วโลก"