
ปัญหาโลกร้อนที่ส่งผลให้สภาพภูมิอากาศโลกแปรปรวนนั้นทำให้ทั่วโลกตระหนักและให้ความสำคัญ จึงเป็นที่มาของความตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เจรจากันในช่วงการประชุมภาคีสมาชิกของกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ หรือ UNFCCC ครั้งที่ 21 ณ กรุงปารีส (ความตกลงปารีส) ที่มีสมาชิกมากกว่า 189 ประเทศทั่วโลกร่วมกันขับเคลื่อน
โดยที่ไทยมีเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกลง 20-25% ภายในปี ค.ศ.2030 หรือปี พ.ศ.2573 ใน 3 สาขาหลักคือ สาขาพลังงานและการขนส่ง สาขากระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ และสาขาการจัดการของเสีย
ซึ่งการเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงบทบาทการมีส่วนร่วม และความรับผิดชอบของประเทศไทยและประชาชนในประเทศในฐานะส่วนหนึ่งของประชาคมโลก
ขณะเดียวกันการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีสะอาด จะส่งผลประโยชน์ร่วม (co-benefit) ทั้งในแง่ของคุณภาพสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมทั้งภาคอุตสาหกรรมของประเทศที่จะมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ในส่วนของภาครัฐก็สนองรับกับนโยบายดังกล่าว ซึ่ง อรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ หรือ คพ. ระบุว่า คณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ได้เห็นชอบโรดแมปการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.2561-2573 ให้เลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว 4 ชนิด ภายในปี 2565 เพื่อใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ถุงพลาสติกหูหิ้วแบบบาง ความหนาน้อยกว่า 36 ไมครอน, กล่องโฟมบรรจุอาหาร, แก้วพลาสติก ความหนาน้อยกว่า 100 ไมครอน และหลอดพลาสติก รวมทั้งส่งเสริมให้มีการนำพลาสติกกลับมารีไซเคิล ได้แก่ ถุงพลาสติกหูหิ้ว, บรรจุภัณฑ์ฟิล์มพลาสติกชั้นเดียว, ขวดพลาสติก (ทุกชนิด), ฝาขวด, แก้วพลาสติก, ถาด/กล่องอาหาร และช้อน/ส้อม/มีด กลับไปใช้ประโยชน์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมควบคุมมลพิษกล่าวว่า ในปี 2565 เป้าสำคัญคือการลดปริมาณขยะมูลฝอยที่ส่งกำจัดต้องลงอย่างน้อย 30% จำนวนถุงพลาสติกหูหิ้วแบบบางและแก้พลาสติกใช้ครั้งเดียวลดลง 100% และไม่มีการใช้โฟมบรรจุอาหารในหน่วยงาน ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวนั้นทำให้ลดการสูญเสียทรัพยากรที่นำมาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ไฟฟ้า พลังงาน น้ำ และลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปกำจัด การคัดแยกขยะเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์จะยิ่งเกิดผลดี เกิดความคุ้มค่าในการใช้ทรัพยากรและยิ่งลดภาระในการนำขยะกำจัด
ส่วนภาคเอกชนก็ไม่น้อยหน้า ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเช่นกัน อย่างเช่น กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ที่มุ่งดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยจัดหาวัตถุดิบทางเลือกเพื่อลดปริมาณการใช้ทรัพยากรจากน้ำมันดิบ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ร่วมกับลูกค้าและพันธมิตร เพื่อเปลี่ยนแปลงจากเศรษฐกิจแบบเดิมที่ใช้แล้วทิ้งไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน ช่วยให้สามารถนำพลาสติกใช้แล้ววนกลับมาเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตได้อย่างไม่รู้จบ ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด จนส่งผลให้โรงงานโพลีเอทิลีนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และโรงงานโพลีเอทิลีนชนิดยืดหยุ่นพิเศษ ในนิคมอุตสาหกรรมเอเซีย จังหวัดระยอง ของกลุ่มบริษัท ดาว ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านความยั่งยืนและการลดคาร์บอนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล “ISCC PLUS” จาก International Sustainability and Carbon Certification (ISCC)
เช่นเดียวกับยักษ์ใหญ่ CPF หรือ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ ประกาศยกเลิกใช้ถ่านหินในปี 2565 สำหรับกิจการในประเทศไทย ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 70,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี เดินหน้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด พลังงานแสงอาทิตย์ มุ่งใช้เชื้อเพลิงสะอาด ทั้งจากพลังงานชีวมวล พลังงานชีวภาพ ในกระบวนการผลิต พร้อมตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนการจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ น้ำ และของเสีย ร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม สร้างฐานการผลิตอาหารมั่นคงและการบริโภคอย่างยั่งยืน
การตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ น้ำ และของเสีย คือสิ่งสำคัญที่สุดต้องเร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ลุล่วงไปให้ได้ ดังนั้นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจึงเป็นสิ่งสำคัญ.
บุญช่วย ค้ายาดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย
ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด
เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย
ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน
เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP
อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ
ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย
ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า


