ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เนื่องจากต้องย้ายตามบิดาบังเกิดเกล้าไปไหนต่อไหนมาโดยตลอด... อันตัวข้าพเจ้าเอง เลยคงต้องจัดว่าเป็น คนใต้ หรือ คนซรัง (ตรัง) จังหวัดเดียวกับอดีตนายกฯ คุณพี่ ชวน หลีกภัย ท่านนั่นแหละ ไม่ต่างไปจาก ฝาละมี ของท่านนายกฯ คุณหลาน อุ๊งอิ๊ง ที่แม้จะไม่รู้ชัดเจน ว่าเกิดที่ไหน โตที่ไหน แต่ในเมื่อคุณหลาน อุ๊งอิ๊ง ท่านบอกว่าเป็น คนใต้ ก็คงต้องว่าไปตามนั้น...
แต่การเป็นคนใต้ หรือการเติบโตขึ้นมาในจังหวัดภาคใต้ ก็อาจเป็นอะไรที่ก่อให้เกิด ความแปลกแยก เล็กๆ-น้อยๆ ต่อตัวตนของตนอยู่มั่งเหมือนกัน นั่นคือเรื่องของการพูด-การจา เพราะทั้งพ่อทั้งแม่ท่านพูด ภาษากลาง หรือที่คนปักษ์ใต้เรียกว่า ภาษากรุงเทพฯ อีกทั้งในย่านที่อยู่อาศัยของ ข้าราชการรถไฟ ที่บิดาบังเกิดเกล้าท่านต้องย้ายไปอยู่ บรรดาพนักงานส่วนใหญ่ก็มักจะ แหลงกลาง ไม่ได้ แหลงใต้ เหมือนอาณาเขตโดยรอบ ด้วยเหตุนี้...เลยก่อให้เกิดความอึกๆ อักๆ อยู่บ้างเป็นธรรมดา เมื่อต้องพูดคุยกับเพื่อนๆ ฝูงๆ ในโรงเรียน หรือในอาณาบริเวณพื้นที่ทั่วทั้งอำเภอ จังหวัด เพราะแม้พยายามสร้างความกลมกลืน ด้วยการ แหลงใต้ เพียงใดก็ตาม แต่โดยสุ้มเสียง สำเนียง มันมักหนักไปทางประเภทที่เรียกๆ ว่า ทองแดง อะไรทำนองนั้น คือมันไม่ ใต้แท้ แต่ออกไปทาง ใต้ถุน ซะเป็นหลักใหญ่...
ยิ่งตอนช่วงพักกินข้าวในโรงอาหาร ณ โรงเรียน วิเชียรมาตุ จังหวัดตรัง ขณะที่บรรดานักเรียนชาวใต้แห่กันไปกลุ้มรุมรถขายไอศกรีม อันเป็นของชอบ-ของโปรดของ อันตัวข้าพเจ้าเอง ที่ต้องตบท้ายหลังรับประทานข้าวแกงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การส่งเสียงพูดจาภาษาใต้บอกกับคนขายไอศกรีม ว่าจะเอาประเภทไหน ต่อประเภทไหน ช็อกโกแลต วานิลลา กะทิ ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไร ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยการ แหลงใต้ ล้วนๆ เผอิญรสชาติไอศกรีมที่ตัวเองชอบ คือการนำเอาไอศกรีมช็อกโกแลตมาผสมกับกะทิ แล้วเติมข้าวเหนียวลงไปซักช้อน-สองช้อน โดยถ้าเรียกกันตามภาษาใต้แบบชนิดสั้นๆ-ง่ายๆ ว่า ช่ำ...ใส่เหนียว ดังนั้น...เมื่อคนขายพยักพเยิดถามว่าจะเอาไอศกรีมประเภทไหน ครั้นพยายามอึกๆ อักๆ หลุดปากออกมาว่า ฉ่ำ...ใส่ข้าวเหนียว เท่านั้นแหละ บรรดาเด็กนักเรียนชาวใต้ที่รุมรอบรถขายไอศกรีมต่างตกตะลึงตาค้าง บ้างก็อ้าปากหัวเราะกันสนั่นครั่นครื้น ก่อให้เกิดความแปลกแยก หรือความอาย จนไม่กล้าจะ แหลงใต้ ตราบเท่าทุกวันนี้...
แม้แต่ครั้งที่เคยไปเยี่ยม ปู่ ที่อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ก็เคยเจอกับความแปลกแยกทำนองนี้อีกจนได้ ด้วยเหตุเพราะสำนวนปักษ์ใต้ของชาวหลังสวน หรือชาวชุมพร ออกจะผิดแผก แตกต่าง ไปจากชาวตรัง ชาวกันตัง มิใช่น้อย เช่นคำว่า มา...แต่สวน ที่หมายความว่า มาคนเดียว หรือมาโดยลำพังอะไรทำนองนั้น ดังนั้น...เมื่อถูกชาวหลังสวนเอ่ยทักขณะเดินผ่านไป-มาว่า มาแต่สวนเรอะ ดันไปตอบแบบคนละเรื่อง-คนละม้วนประมาณว่า ไม่ใช่ครับ...มาจากบ้านปู่ อะไรไปโน่น กว่าจะถามกันให้รู้เรื่อง พูดกันให้รู้เรื่อง ก็เล่นเอาเหนื่อยไปด้วยกันทั้งคู่...
แต่ก็นั่นแหละ...การเป็นคนใต้ คนเหนือ คนอีสาน หรือคนภาคไหนๆ ก็แล้วแต่ สุดท้ายก็พอจะสร้าง ความกลมกลืน ระหว่างกันและกัน โดย ความเป็นคนไทย ด้วยกันนั่นเอง คือไม่ใช่แค่ด้วย ภาษา ที่ไม่ได้ผิดแผก แตกต่าง ไปจากกันกี่มาก-น้อย แต่ยังด้วยทัศนคติ ค่านิยม วัฒนธรรม-ประเพณี ศาสนา หลักคิด วิธีคิด ที่ถูกถักทอบูรณาการมาตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นปู่ รุ่นย่า หรือรุ่นโคตรเหง้าเหล่าตระกูลของใครต่อใครที่ผสมผสานกันไป-กันมา จนก่อให้เกิดความเป็นคนไทย หรือ ความเป็นไทย ที่ไม่ว่าฝรั่ง แขก เจ๊ก จีน มอญ เขมร ฯลฯ หรือใครต่อใคร ต่างให้ความยอมรับถึงความยืดหยุ่น-ประนีประนอม ความอ่อนน้อม ความไม่ถือเขา-ถือเรา ความห่วงใยห่วงหาอนาทรต่อผู้อื่น หรือความใจบุญสุนทาน อันเป็นคุณสมบัติโดดเด่นของคนไทย หรือของ ความเป็นไทย นั่นแล...
เรียกว่า...ไม่ว่าคนเหนือ คนใต้ คนอีสาน หรืออาจลามไปถึงฝั่งลาว ถึงบรรดาคนลาวโดยทั่วไปเอาเลยก็ว่าได้ ที่ส่วนใหญ่ต่างก็มีอุปนิสัย-ใจคอ หลักคิด วิธีคิด ออกไปในแนวคล้ายๆ กัน หรือแทบไม่ได้ผิดแผก แตกต่าง ไปจากกันแต่อย่างใด ส่วนจะด้วยเหตุผลกลใด คงต้องไปวานพวกนักประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ นักมานุษยวิทยา ช่วยวิเคราะห์ แยกแยะ กันดูอีกที คือจะเป็นเพราะอิทธิพลอินเดีย หรือจีน ก็ไม่น่าจะใช่เสียทีเดียวนัก แต่เป็นลักษณะพิเศษ ลักษณะเฉพาะ ที่ถูกสั่งสมขึ้นมาในหมู่ผู้ที่พูดไทย ผู้ที่ใช้ภาษาไทย ภายในอาณาบริเวณ สุวรรณภูมิ มาตั้งแต่รุ่นโคตรเหง้าเหล่าตระกูลเอาเลยก็ว่าได้...
ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าท่านนายกฯ คนเหนือ อย่างคุณหลาน อุ๊งอิ๊ง ที่ดันไปได้ฝาละมีเป็น คนใต้ ท่านจะหอบลูกหอบสามีไปชื่นมื่นอยู่แถวๆ จังหวัดภาคเหนือ ไม่ได้ลงไปเยี่ยมเยียนชาวใต้ผู้กำลังทุกข์ยาก เดือดร้อน ชนิดเลือดตาแทบกระเด็น ก็อย่าถึงกับต้องไปสนใจให้มากเรื่อง-มากความ ถือซะว่าเป็นเรื่อง รสนิยม เรื่องของ วุฒิภาวะ ของใคร-ของมันที่จะต้องไปว่ากันเอาเอง สู้หันมาให้ความสนใจ ให้ความสำคัญ ต่อสิ่งที่ยังคงเข้มข้น ไม่ได้เจือจางเอาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะน้ำท่วมภาคเหนือ ภาคใต้ หรือจะภาคไหนๆ ก็เถอะ แต่ก็ด้วย ความเป็นไทย นี่เอง ที่ทำให้บรรดาผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย ไม่ว่าตำรวจ ทหาร ดารา ศิลปินนักร้อง นักแสดง ฯลฯ ต่างเพียรพยายามแห่ไปช่วยเหลือ เยียวยา พี่น้องชาวใต้ โดยไม่จำเป็นต้องหันไปด่าใครต่อใครให้ต้อง เมื่อยปาก โดยใช่เหตุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บ่อนการพนัน กระสันกัน...เพื่อใคร
บ่อนการพนันเสรีที่ถูกกฎหมายเป็นเรื่องที่รัฐบาลพยายามที่จะให้เกิดขึ้นในประเทศไทยให้ได้ แม้จะมีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย เพราะมองเห็นว่ารายได้ที่จะได้มาจากการเปิดบ่อนในรูปแบบของการท่องเที่ยว
'ประโยชน์'และ'โทษ'ของ'ความแก่'
ว่าไปแล้ว ความแก่ มันน่าจะมีอยู่ 2 คม 2 ด้านด้วยกัน...คือมีทั้งด้านที่เป็น ประโยชน์ และด้านที่ออกจะเป็น โทษ อะไรประมาณนั้น โดยเฉพาะสำหรับด้าน สังขาร หรือเนื้อหนัง
เคาะระฆังตั้ง 'นายพัน'
มีเสียงการันตีบัญชีแต่งตั้ง "นายพลสีกากี" ยุค ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กุมบังเหียน "กรมปทุมวัน" ปีแรก จาก บิ๊กเอก-พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์
ถามไม่ถูกคน...สัปดนไหมล่ะ
ตั้งแต่มีการประกาศว่าแพทองธารคือ หนึ่งในรายชื่อที่พรรคเพื่อไทยเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี หลายคนเริ่มเป็นห่วงประเทศชาติ เพราะผู้ที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองก็พอจะอนุมานได้ว่า แ
เมื่อ'ธรรมชาติ'สำแดงเดช!!!
ไม่ใช่แค่ได้มีโอกาส หึ่มฮึม-ฮึ้มหึ่มม์ม์ม์ ตามลีลาบทเพลง “พอย่างเข้าเขตหน้าหนาว-ลมหนาวก็โชยพัดกระหน่ำ” ของท่านบรมครู คุณครู ล้วน ควันธรรม เท่านั้น แต่ต้องเรียกว่า...ถึงขั้น งั่กก์ก์ก์ๆๆ
นายพลเล็กสะดุด!
เหมือนจะครบ เหมือนจะจบแบบ "แฮปปี้เอนดิง" บัญชีแต่งตั้ง "นายพล" ล็อตสอง ตำแหน่งรองผู้บัญชาการ (รองผบช.) ถึงผู้บังคับการ (ผบก.) วาระจำประจำปี 2567