วันที่ 14 (ธ.ค.) นี้จะให้คำตอบ
เหตุผลที่ให้รอฟังว่าจะลงสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หรือไม่ คุณถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม บอก..
เพราะต้องรอการพิจารณาของคณะทนายความในคดี กปปส. ที่ยังถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 1 ปี ซึ่งขณะนี้ยังสู้ในชั้นศาลฎีกา
แต่ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร เวลานี้ดูเหมือนบ้านพัก (ที่ควนลัง) อ.หาดใหญ่ ของคุณถาวรกระไดจะไม่แห้งเสียแล้ว เพราะนอกจากคุณอริย์ธัช ทองเพชร กับสมาชิกในนาม..
“ทีมสงขลารวมพลังร่วมสร้างสุข” จะยกคณะไปเทียบเชิญคุณถาวรมาเป็นแกนนำ หรือเป็น “หัวหน้าทีม” ถึงบ้านแล้ว พวกพ้องน้องพี่ ผู้สนับสนุนต่างก็ไปให้กำลังใจกันไม่ขาดสาย!
พลัน..การเมืองสงขลาก็ร้อนฉ่าขึ้นมาทันที จะเป็นปรากฏการณ์แบบเดียวกับที่ จ.นครศรีธรรมราชหรือไม่ไม่อยากคาดเดา
เอาเป็นว่า ตอนนี้รอไปก่อน ด้วยคุณถาวรย้ำว่า.. “หากผมตัดสินใจลงสมัครแล้ว สมมุติว่าได้รับเลือกตั้ง แต่ศาลฎีกาพิพากษาว่าผมมีความผิด ก็จะทำให้ต้องออกจากตำแหน่ง
เช่นเดียวกับที่หลุดพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและ สส.สงขลา ในช่วงการพิพากษาของศาลชั้นต้น
ซึ่งจะทำให้สูญเสียงบประมาณกว่า 70 ล้านบาทในการเลือกตั้งใหม่ ดังนั้นหากทีมทนายความเห็นว่าสามารถต่อสู้ทางคดีได้
ไม่สุ่มเสี่ยงต่อความเสียหายของงบประมาณแผ่นดิน ก็พร้อมที่จะลงสมัครนายก อบจ.สงขลา”
ครับ..ก็ต้องตามฟัง-ตามลุ้นว่าศาลจะพิพากษาอย่างไร ส่วนกองเชียร์ก็เตรียมตัวกันไว้ หากคุณถาวรหลุดบ่วง-คดีความ จะได้ช่วยกันหาเสียงได้ทันที!
เออ..แล้วนั่นก็ร่วมด้วยช่วยกันจัดกิจกรรมจนกลายเป็นประเพณีปฏิบัติมานานปี ผมหมายถึง “วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล” ที่ตรงกับวันที่ 9 ธันวาคมของทุกปี
และปีนี้-ที่เพิ่งผ่านไป รัฐบาล, สำนักงาน ป.ป.ช., สำนักงาน ป.ป.ท., องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ก็ได้ร่วมกันจัดงานภายใต้แนวคิด..
FIGHT AGAINST CORRUPTION “สู้ให้สุด หยุดการโกง” ขึ้นอีกปีอย่างเอิกเกริก!
จุดประสงค์ที่ลงทุน-ลงแรงก็เพื่อตีแผ่ปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในสังคม การสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต
และเพื่อร่วมกันแสดงพลังความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในทุกรูปแบบ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนความซื่อสัตย์สุจริตให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
พร้อมทั้งให้คนไทยได้รับรู้ถึงผลการต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชันของประเทศไทย และความมุ่งมั่นในการแสดงเจตจำนงต่อต้านการทุจริตของทุกภาคส่วนของประเทศ
ที่จะไม่ทนต่อการทุจริตในทุกรูปแบบ เพื่อผลักดันการยกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริต (ค่า CPI) ให้สูงกว่าร้อยละ 50 ตามที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี
ซึ่งฟัง (อ่าน) แล้วก็เข้มข้น-แข็งขันจนให้รู้สึก..อือ อีกไม่นาน การทุจริตคอร์รัปชันเห็นทีจะต้องหายสาปสูญหมดสิ้นไปจากประเทศไทยเป็นแน่!
ก็ให้รู้สึกขอบคุณหน่วยงานทั้งภาครัฐ-เอกชน โดยเฉพาะองค์กรต่อต้านคอร์รับชันที่ได้ทุ่มเทสรรพกำลังคน-กำลังทรัพย์จัดกิจกรรมรณรงค์กันมาทุกปีๆ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านๆ มาไม่รู้ว่าจะได้ “สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต” ได้มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะกับสังคมคนการเมืองจะได้ปลุกสำนึกร่วม “ซื่อสัตย์สุจริต” กันรึยัง?
ที่ถาม เพราะเห็นเป็นประจักษ์อยู่ว่า ในขณะที่สังคมตื่นตัว “ไม่ทนต่อการทุจริต” แต่นักการเมืองกลับยังคง “ตื่นตัว” กับการคิดคด-คอร์รัปชันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
อย่าง ณ ขณะนี้ ไม่ว่ารัฐบาลจะคิดโครงการ-ทำนโยบายอะไรออกมาก็ล้วนแต่เป็นที่ครหา-ไม่ไว้วางใจของสังคม จนคนรักชาติ-รักแผ่นดินชักเริ่มจะทนไม่ได้
เนี่ย..ส่วนหนึ่งก็มาจากการไม่เกรงกลัวคุก-ตะราง ด้วยถือมั่น มีอำนาจเสียอย่าง โกงไปเถอะ ติดคุกแค่ประเดี๋ยวประด๋าว..
คุ้มจะตาย!.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หวังว่าจะเข็ดหลาบ?
เดือนกรกฎา. 2565.. คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ กล่าว.. “สำหรับนโยบายเกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 เริ่มดำเนินการจากที่ได้ไปคุยกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) มา
ความยุติธรรมจะให้คำตอบ!
ปัญหาด้านสุขภาพ.. นี่..คือเหตุผลส่วนตัวที่เพจ ช่อง 8 โพสต์แจ้งว่า.. อาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ จะยุติบทบาทการทำหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.เป็นต้นไป!
อาการคนสติแตก?
มีคนสงสัย.. ใครนะที่ไปดีล-ตกลงกับนายทักษิณ ชินวัตร ให้กลับเข้ามาประเทศไทยโดยไม่ต้องติดคุกสักวันเดียว!
ระวังเด็กจะย้อนเอา
“ผมเสือกให้ประชาชนใครมีอะไรไหม”? ครับ..นายทักษิณ ชินวัตร ที่ยอมรับตัวเองมีตำแหน่งใหญ่เป็น สทร.-“เสือกทุกเรื่อง” แกว่งปากถาม ส่วนจะมีใครกล้าพอจะมีอะไรด้วยรึไม่นั้น ก็ต้องตามดู-ตามฟังเอา
นายกฯอุ๊งอิ๊งกลัวอะไร?
“กาสิโน คือบ่อนการพนัน.. รัฐบาลเปิดบ่อนกาสิโน ก็เท่ากับว่า รัฐบาลเป็นนักเลงคุมบ่อน...มีสิ่งที่ต้องทำเยอะแยะไปหมด ยังไม่คิดจะทำ
เหตุผลที่ต้องรีบ
ปาราชิก..ขาดจากความเป็นภิกษุ แล้วไง? ที่ถาม เพราะเห็นมาไม่รู้กี่โล้นต่อกี่โล้นที่สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ตรวจสอบพบความจริงว่า “เสพเมถุน” โทษก็คือ “ปาราชิก” ถูกจับเปลื้องสบง-จีวรพ้นจากความเป็นพระ