
ระหว่างที่ใครต่อใครกำลังตื่นเต้นกับข่าวคราวผงาดขึ้นมาของ DeepSeek หรือ AI ของจีน ชนิดต้องหันไปเทขายหุ้น ChatGPT ของอเมริกาจนมูลค่าตลาดหายไปเป็นแสนๆ ล้านดอลลาร์ อันที่จริง...ช่วงจังหวะเดียวกันนี้ยังมี ข่าวเล็กๆ อยู่ข่าวหนึ่ง ที่ผู้คนแทบไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมาก แต่ถ้าหากลองอ่านแล้วนำมาใคร่ครวญ หวนคิด ให้ถ้วนถี่แล้ว ก็ออกจะเป็นเรื่องที่น่าคิด น่าสะกิดใจ น่าสนใจ ไม่น้อยไปกว่าเรื่องดีพซ้ง ดีพซีก อีกด้วยเช่นกัน...
คือข่าวที่ศูนย์กลางคาทอลิกโลก แห่งสำนักวาติกัน เขาได้ออก คำเตือน อย่างเป็นจริง-เป็นจังถึง อันตราย ของสิ่งที่เรียกว่า AI หรือ Artificial Intelligence หรือที่เรียกๆ กันว่า
ปัญญาประดิษฐ์ นั่นแหละ ถึงขั้นที่องค์กรแห่งนี้ต้องตั้งชื่อ ฉายา ให้อย่างเป็นทางการว่า Shadow of Evil หรือ เงาปิศาจ เอาเลยถึงขั้นนั้น จริง-ไม่จริง น่าเชื่อ-ไม่น่าเชื่อ อันนี้...คงต้องลองนำไปคิดใคร่ครวญ ไปพิจารณาเอาเองก็แล้วกัน แต่ในเมื่อองค์กรทางศาสนาที่มีผู้ยอมรับ นับถือ เกือบครึ่งค่อนโลกออกมาเตือนไว้ดังๆ ยังไงๆ...ก็ไม่น่าที่จะฟังหูซ้ายแล้วปล่อยให้ทะลุออกไปทางหูขวาซะเฉยๆ...
คือถ้าว่ากันตามแนวคิดทางศาสนา ไม่ว่าศาสนาของคนอินตะระเดียยุคโบร่ำโบราณ หรือพวก ฮินดู ทั้งหลาย ที่ได้แบ่งช่วงเวลาความเป็นไปของโลกออกเป็น ยุคๆ ไล่มาตั้งแต่ยุคที่สิ่งที่เรียกว่า ความดี ยังมีอยู่ครบถ้วน สมบูรณ์ ไปจนค่อยๆ เสื่อม ค่อยๆ โทรม เหลืออยู่เพียง 3 ส่วน 2 ส่วน 1 ส่วน ไปจนแทบไม่เหลืออะไรเลย หรือที่เรียกว่าสัตตยายุค ไตรดายุค ทวาบรยุค และกลียุค ทำนองนั้น ภายใต้ความเสื่อมจนความดีแทบไม่เหลือเศษ เหลือซาก สิ่งที่ว่ากันว่า...ยังสามารถนำไปสู้รบตบมือกับบรรดา ความชั่ว ทั้งหลาย ก็คือ ความจริง ที่เป็นเสมือน สัญลักษณ์ ของขาวัวที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียว ในช่วงจังหวะกลียุคนั่นเอง...
อันแทบไม่ต่างอะไรไปจากความเชื่อของศาสนาคริสต์ หรือพวก ชาวคริสต์ ที่เชื่อว่าภายใต้ความเสื่อมแบบสุดๆ ถึงขั้นใกล้สิ้นยุค สิ้นโลก หรือใกล้ วันพิพากษา ขึ้นมาเมื่อไหร่ ผู้ที่จะมาโปรด มากอบกู้มวลมนุษย์ให้พ้นไปจากความชั่วทั้งหลาย หรือที่เรียกๆ กันว่า พระเมสสิยาห์ ของชาวคริสต์นั้น ก็คือผู้ที่จะต้องอาศัย ความจริง หรือ สัตย์ซื่อและสัตย์จริง เป็นเครื่องมือในการเอาชนะฝ่ายตรงข้าม อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ แต่ครั้นเมื่อยุคที่เทคโนโลยี AI มันได้อุบัติขึ้นมาอย่างเป็นจริง-เป็นจัง สิ่งที่เรียกว่า ความจริง มันก็อาจต้องกลายเป็นแค่ ความจริงเทียม ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ อันนี้นี่แหละ...ที่อาจทำให้สำนักวาติกันเขาเลยต้องให้ชื่อ ฉายา ของเทคโนโลยีชนิดนี้ ว่าเป็นเสมือน เงาปิศาจ เอาเลยถึงขั้นนั้น...
หรือพูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่า DeepSeek หรือ ChatGPT ใครจะเหนือกว่าใคร ใครมีประสิทธิภาพกว่าใคร อันนั้น...คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวก นักเทคโนโลยี ทั้งหลาย เขาช่วยวิเคราะห์ วิจัย ช่วยต่อเติม เสริมแต่ง ไปตามความคิด-ความเห็น ของใคร-ของมัน ก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่บรรดาความจริงที่ถูกกลั่นกรองมาจาก ปัญญาประดิษฐ์ หรือจะเรียกว่า ปัญญาเทียม ก็ย่อมได้ มันก็คงไม่ได้ต่างอะไรไปจาก ความจริงเทียม นั่นเอง ยิ่งโดยเฉพาะถ้าหากมันถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูก-ไม่ต้อง ใช้เพื่อตอบสนองความปรารถนา-ต้องการของผู้ที่ปฏิเสธความดี หรือผู้ที่ชั่วแสนชั่วในแต่ละราย ไม่ว่าระดับปัจเจกบุคคล สังคม หรือประเทศหนึ่งประเทศใด โอกาสที่จะนำมาซึ่งความฉิบหาย ความระส่ำระสายทางสังคม การแยกขั้ว แยกข้าง แบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ทางการเมือง ฯลฯ ดังที่สำนักวาติกันเขาเตือนๆ เอาไว้ ย่อมมีสิทธิ์เป็นไปได้ไม่วันใด-วันหนึ่ง ขึ้นมาจนได้...
เพราะเพียงแค่การอาศัยเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต ในทุกวันนี้...ก็สามารถย่อยแยก แตกสลาย สร้างความกระจัดกระจาย การแบ่งขั้ว แบ่งข้าง ออกเป็นฝ่ายใคร-ฝ่ายมัน จนแต่ละครอบครัวแทบจะตีกันตายไปแล้วก็ว่าได้ ยิ่งถ้ามี ความจริงเทียม มาเป็นตัวช่วยรองรับด้วยแล้ว หรือมาช่วยสร้างความถูกต้อง ชอบธรรม ช่วยให้ความชั่วกลายเป็นความดี ช่วยฟอกขาวให้ อกุศลธรรม กลายเป็น กุศลธรรม ขึ้นมาจนได้ อันนี้...ไม่ว่า ศาสนา ไหนๆ ก็เถอะ คงเอาไม่อยู่ไปด้วยกันทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ คำเตือน ของสำนักวาติกันหรือของศูนย์กลางคาทอลิกโลก จึงเป็นอะไรที่น่าคิด น่าสะกิดใจ อยู่พอสมควร โดยเฉพาะสำหรับผู้ใฝ่ดี ผู้ใฝ่ในธรรมะทั้งหลาย ที่อย่าเพ่อไปเพลิดเพลิน เจริญใจ ไปสนุกสนานกับ AI จนอาจก่อให้เกิดความเลวร้ายดังที่สำนักวาติกันเขาเตือนไว้แล้วล่วงหน้า อย่างน้อย...ในเมื่อไม่อาจหยุดยั้ง ขัดขวาง ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีชนิดนี้ได้อีกต่อไปแล้ว ก็น่าจะลองฟังๆ สิ่งที่สำนักวาติกันเขาได้ชี้แนะ ชี้นำเอาไว้ โดยเฉพาะที่ระบุเอาไว้ว่า... “เทคโนโลยีชนิดนี้...ควรนำมารับใช้มวลมนุษย์ ไม่ใช่นำไปใช้แทนที่ปัญญามนุษย์โดยเด็ดขาด” อันอาจนำมาซึ่ง วิกฤตแห่งความจริง ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โปรดดูโพลก่อนด่า...ประชาพอใจ
ตลอดระยะเวลาที่แพทองธารดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเวลาประมาณครึ่งปี เธออาจจะได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์ จนถึงระดับถูกด่าทอต่อว่ามากที่สุดของประเทศไทย
ระหว่าง‘ศีลธรรม’กับ‘ความโง่’
วัน-สองวันก่อน...มีข่าวชิ้นเล็กๆ ในหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ คือ The Financial Times แต่เป็นอะไรที่น่าคิด น่าสะกิดใจอยู่ไม่น้อย ด้วยการอ้างรายงานการประเมินผลของหน่วยงานหน่วยหนึ่งใน
พัทยาโจรชุมกว่ายุง
โจรชุมยิ่งกว่ายุง เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี แหล่งท่องเที่ยวเลื่องชื่อ ชาวต่างชาติเข้ามาชมความงามทั้งช่วงกลางวันและยามค่ำคืน ปรากฏว่าร้านค้าภายในตลาดซอยบัวขาว
คาดผลตรีเทพย้ายราศีต่อคนลัคนาสถิตสิงห์
เดือนพฤษภาคมปี 2568 นี้ ดาวสำคัญทางโหรที่เรียกกันว่า ตรีเทพ อันได้แก่ พระราหูจร (8) เจ้าของความลุ่มหลงมัวเมา-ความมืด-อวิชชา หรือตัวแสบ-พระพฤหัสบดีจร
ไหวไหมลูกพ่อ...อยาก สทร. เป็นคนใน
พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 โดยชี้ว่า เป็นต้นเหตุของความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินทั้งหมด
บทเรียนจาก 'ท่านปัญญาจารย์'
ด้วยเหตุเพราะอ่านหนังสือซะหมดบ้าน...จนแทบไม่เหลืออะไรจะอ่าน เลยต้องหันไปคว้า พระคัมภีร์ไบเบิล เล่มหนาๆ ระดับหนุนหัวนอนได้สบายๆ