ปัจจัยรัสเซียเป็นข้อโต้แย้งว่าเกาหลีเหนือไม่น่าจะเป็นยูเครน 2 ถ้าตีความว่าฝ่ายเหนือมีนิวเคลียร์ รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศเรื่อยมาว่าพร้อมใช้เพื่อป้องกันประเทศ
ความตึงเครียดที่คิดล่วงหน้าแล้ว?:
สิงหาคม 2024 ยุน ซอกยอล (Yoon Suk-yeol) ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ประกาศรวมเกาหลีด้วยการล้มระบอบเกาหลีเหนือ เพื่อปลดปล่อยให้เกาหลีเหนือมีเสรีภาพ เราจำต้องเปลี่ยนความคิดคนเกาหลีเหนือให้ต้องการรวมชาติที่เป็นชาติเสรี แทนนโยบายเดิมที่ยึดรวมชาติโดยสันติ ตามแถลงการณ์ Panmunjom Declaration ซึ่งจะหารือเรื่องประกาศยุติสงครามเกาหลีพร้อมกับลงนามสันติภาพ คาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์
ภาพ: ผู้นำเกาหลีเหนือในที่ประชุมพรรค
เครดิตภาพ: http://www.rodong.rep.kp/en/index.php?MTVAMjAyNS0wMS0yOS1IMDAxQA==
แนวทางของผู้นำยุนจึงเปลี่ยนยุทธศาสตร์รวมชาติจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยอ้างเสรีภาพ
ที่ผ่านมายึดแนวทางรวมชาติโดยสันติ แต่คราวนี้ด้วยวิธีล้มระบอบเกาหลีเหนือ แม้ไม่ได้ระบุว่าจะใช้กำลังหรืออย่างไร แนวทางของรัฐบาลยุน ซอกยอล คือ ประกาศเป็นศัตรูที่อยู่ร่วมโลกไม่ได้
จากนี้ไปสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีจะตึงเครียดกว่าเดิม วัฏจักรเผชิญหน้าอาจนำสู่สงครามในที่สุด น่าคิดว่ารัฐบาลยุนคิดเรื่องนี้ไว้แล้วใช่หรือไม่
น่าคิดว่ารัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยยินดีนำประเทศเข้าทำสงคราม ชวนให้นึกถึงสงครามเกาหลีในทศวรรษ 1950 ที่คร่าชีวิต 3 ล้านคน เสี่ยงสงครามนิวเคลียร์ (รัฐบาลสหรัฐสมัยนั้นคิดใช้อาวุธนิวเคลียร์) ที่ปัจจุบันมีความเสี่ยงมากกว่าอดีต
สุดท้ายกลับสู่คำถาม ทำไมอยู่ดีๆ จึงมาเปลี่ยนนโยบายเป็นตรงกันข้าม อ้างว่าเพื่อเสรีภาพ คำพูดทำนองนี้คล้ายประธานาธิบดีเซเลนสกีที่ทำสงครามยูเครนคนตายนับแสนเพื่อเสรีภาพ
สมเหตุผลแค่ไหน:
2 เกาหลีมีแนวคิดรวมชาติมานานแล้ว รัฐบาลเกาหลีใต้ให้ความสำคัญถึงกับตั้งกระทรวงรวมชาติ (Ministry of Unification) สมัยประธานาธิบดีมุน แจอิน (Moon Jae-in) เอ่ยถึงวิสัยทัศน์การรวมชาติโดยค่อยเป็นค่อยไป เริ่มด้วยมีเศรษฐกิจร่วม ประชาชน 2 ฝั่งเดินทางเยือนอีกฝั่งโดยเสรี ขอเพียงมีสันติภาพ ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ต่างไม่คิดล้มล้างระบอบอีกฝ่าย การรวมเป็นระบอบปกครองเดียวปล่อยให้เป็นเรื่องของคนรุ่นลูกรุ่นหลาน ที่สำคัญคือ วิสัยทัศน์นี้ให้ความสำคัญกับประชาชนทั้ง 2 ฝั่ง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่จะสร้างงาน ส่งเสริมการอยู่ดีกินดี ลดความยากจนในเกาหลีเหนือ ส่งเสริมเสรีภาพ ลดการละเมิดสิทธิมนุษยชน อนาคต 2 เกาหลีจะดีขึ้นกว่าเดิม
วิสัยทัศน์รวมชาติโดยสันติไม่กำหนดเวลาว่าจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ขอเพียงอยู่ด้วยกันโดยสันติ พัฒนาไปด้วยกัน ประชนชนอยู่ดีมีสุข เมื่อทั้งฝ่ายเหนือกับใต้อยู่ด้วยกันเช่นนี้นานวันเข้าจะนำสู่การรวมชาติโดยสมบูรณ์ เทียบกับแนวทางประกาศเป็นศัตรู การล้มล้างระบอบจะทำให้คนเกาหลีเหนือยอมรับประชาธิปไตยที่ฝ่ายใต้มอบให้หรือ เสรีภาพที่มากับความรุนแรง ยิ่งหากเป็นสงครามที่คร่าชีวิตจำนวนมาก เป็นตรรกะที่สมเหตุผลหรือไม่ ทำไมจึงคิดเช่นนี้
นับจากประกาศยุทธศาสตร์รวมชาติด้วยการล้มระบอบเกาหลีเหนือ สถานการณ์ 2 เกาหลีที่ตึงเครียดอยู่แล้วเข้าสู่วัฏจักรเผชิญหน้าทันที เกาหลีเหนือที่มักพูดเสมอว่าลึกๆ แล้วฝ่ายใต้เป็นปรปักษ์กลายเป็นจริงแบบไม่ต้องถามหาหลักฐานอีก รัฐบาลฝ่ายเหนือตอบโต้อย่างเป็นขั้นตอน เช่น เลิกการขนส่งทางรถไฟ ต่อด้วยทำลายทางรถไฟที่เชื่อม 2 เกาหลี ทดสอบขีปนาวุธใหม่ที่กระตุ้นให้เกาหลีใต้กับสหรัฐเพิ่มการซ้อมรบทางยุทธศาสตร์
หลายสิ่งหลายอย่างบ่งชี้ว่ากำลังอยู่ในวัฏจักรเผชิญหน้าที่อาจกลายเป็นสงครามในที่สุด นี่คือผลของยุทธศาสตร์ใหม่ที่ประกาศโดยรัฐบาลยุน ซอกยอล
ปัจจัยสหรัฐกับรัสเซีย:
เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงปัจจัยรัฐบาลสหรัฐที่มองเกาหลีเหนือเป็นศัตรูเรื่อยมา ยิ่งในระยะหลังตึงเครียดมากขึ้น สถานการณ์เกาหลีไม่ใช่เรื่องของเกาหลีเท่านั้น เกี่ยวพันกับการแข่งขันช่วงชิงระหว่างมหาอำนาจ
ยุทธศาสตร์ใหม่รวมชาติด้วยการล้มระบอบเกาหลีเหนือสอดคล้องกับการดึงจีนเข้าสู่สงคราม ทำนองเดียวกับประเด็นไต้หวัน ที่นักวิชาการบางคนคิดว่าที่สุดแล้วจะชักนำให้จีนเข้าสู่สงคราม
ในอีกด้าน มิถุนายน 2024 ความสัมพันธ์เกาหลีเหนือ-รัสเซียสู่ระดับเป็นพันธมิตร (alliance) ลงนามสนธิสัญญายุทธศาสตร์แบบรอบด้าน (Treaty on Comprehensive Strategic Partnership) เพิ่มขยายความร่วมมือทุกมิติ พิทักษ์สันติภาพ ความมั่นคงภูมิภาคและของโลก มองอนาคตร่วมกัน สร้างโลกพหุภาคี ปราศจากการครอบงำ ต่อต้านมหาอำนาจผู้เป็นเจ้า (hegemony)
นับจากนี้เป็นต้นไปทั้งคู่ จะช่วยเหลือเมื่ออีกฝ่ายถูกรุกราน
ไม่นานหลังสนธิสัญญาดังกล่าว ทหารเกาหลีเหนือนับพันนับหมื่นปรากฏในสงครามยูเครน เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลเกาหลีเหนือส่งทหารช่วยรัสเซียรบในยุโรป เป็นตัวอย่างความร่วมมือทางทหารตามสนธิสัญญาใหม่
งานนี้เกาหลีเหนือได้ประโยชน์เต็มๆ อุ่นใจมากขึ้นเพราะรัสเซียจะช่วยเมื่อถูกรุกราน แต่จะผลักดันให้เผชิญหน้ามากขึ้น คาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดขึ้น อีกไม่นานเกาหลีเหนือคงอวดโฉมอาวุธรุ่นใหม่ให้สื่อตะวันตกได้ตีข่าวภัยคุกคามที่รุนแรงขึ้น ความหวังคาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์นับวันจะยิ่งเลือนราง
ด้านรัฐบาลสหรัฐพูดเสมอว่าพร้อมจะดำเนินการด้วยตนเอง ชิงโจมตีฝ่ายเดียว ใช้หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ฯลฯ ควรตระหนักว่าหากเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามใกล้ตัวจริง สหรัฐไม่รีรอที่จะจัดการแน่นอน คำถามอยู่ที่เกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจวนตัวจริงหรือไม่ เรื่องนี้กดดันจีนแน่นอน
การจัดการแต่เนิ่นๆ ย่อมดีกว่าปล่อยให้ลุกลามบานปลาย ยกตัวอย่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่แม้สหรัฐเป็นฝ่ายชนะสงคราม แต่ทหารอเมริกันสูญเสียชีวิตจำนวนมาก ผู้ที่ยึดแนวทางนี้เห็นว่าสหรัฐจำต้องปกป้องผลประโยชน์ รักษาความมั่นคงโลก กรณีตัวอย่างอื่นๆ เช่น โครงการพัฒนานิวเคลียร์อิหร่าน เป็นเรื่องที่สหรัฐจำต้องจัดการก่อนปล่อยให้บานปลาย
ไม่เพียงสหรัฐ กองทัพเกาหลีใต้มีแผนชิงโจมตีเกาหลีเหนือก่อนเช่นกัน เป้าหมายคือสกัดการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของฝ่ายเหนือ ดังนั้นหากประเมินสถานการณ์และพบว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมใช้อาวุธ ฝ่ายใต้จะชิงโจมตีก่อน
ภัยนิวเคลียร์ของคาบสมุทรเกาหลี:
นับจากเกาหลีเหนือทดลองจุดระเบิดนิวเคลียร์เมื่อปี 2006 และทำต่อเนื่องอีกหลายครั้ง ภัยนิวเคลียร์เกาหลีเหนือถูกกล่าวถึงทันที ยุทธศาสตร์การทูตนิวเคลียร์สำแดงฤทธิ์อีกครั้ง บรรดาประเทศที่เกี่ยวข้องเรียกร้องการเจรจาให้คาบสมุทรปลอดนิวเคลียร์
การพัฒนานิวเคลียร์เกาหลีเหนือไม่ใช่เรื่องใหม่ ความพยายามที่จะให้ยุติโครงการก็เช่นกัน
เกาหลีเหนือชี้ว่าสหรัฐมีนโยบายโจมตีตนด้วยอาวุธนิวเคลียร์มานานหลายทศวรรษแล้ว “จึงเป็นสิทธิอันชอบธรรมของเกาหลีเหนือที่จะป้องกันตนเองด้วยการเสริมขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ตราบเท่าที่สหรัฐยังคงข่มขู่ด้วยอาวุธนิวเคลียร์” “การป้องปรามอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะทันสมัยและขยายกว้างขึ้นตราบเท่าที่สหรัฐไม่ยกเลิกใช้อาวุธนิวเคลียร์ข่มขู่เกาหลีเหนือ”
ไม่ว่าจะใช้มุมมองของฝ่ายใด คาบสมุทรเกาหลีเป็นอีกแห่งที่ภัยสงครามนิวเคลียร์คุกรุ่นเรื่อยมา รัฐบาลเกาหลีใต้พยายามเรื่อยมาอยากให้คาบสมุทรปลอดนิวเคลียร์ซึ่งหมายถึงสกัดนิวเคลียร์เกาหลีเหนือกับสหรัฐ แนวทางนี้นานาชาติสนับสนุน เพราะลดความเสี่ยงสงครามนิวเคลียร์ บัดนี้นโยบายรัฐบาลยุน ซอกยอล กับทรัมป์ 2.0 ได้ทำลายแนวทางนี้เสียแล้ว
พันธมิตรทางทหารระหว่างเกาหลีเหนือ-รัสเซียที่เพิ่งลงนามเมื่อปี 2024 ทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องทบทวนแผนชิงโจมตีก่อน เพราะคราวนี้รัสเซียอาจโต้กลับ รัฐบาลสหรัฐกับเกาหลีใต้คงไม่อยากร่วมรบโดยตรง เว้นแต่มั่นใจว่ารัสเซียจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์
ปัจจัยรัสเซียเป็นข้อโต้แย้งสำคัญว่าเกาหลีเหนือไม่น่าจะเป็นยูเครน 2 นอกเสียจากว่าทุกฝ่ายไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ (เหมือนสงครามยูเครน) ซึ่งเป็นประเด็นตอบยาก ถ้าตีความว่าฝ่ายเหนือมีนิวเคลียร์ รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศเรื่อยมาว่าพร้อมใช้เพื่อป้องกันประเทศ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สิ่งแอบแฝงที่มากับภาษีทรัมป์2.0 (1)
ลัทธิล่าอาณานิคมยุคใหม่ (neocolonialism) ชาติมหาอำนาจจะต่อต้านโลกหลายขั้ว ต่อต้านการแข่งขันเสรี และจะบีบให้ประเทศอื่นๆ ยอมรับข้อตกลงที่เอื้อประโยชน์แก่ตน
แผน100วันล้มระบอบอิหร่าน2025
มาจากแผนระยะยาวที่ตั้งใจว่าวันหนึ่งจะต้องล้มระบอบอิหร่านให้จงได้ รัฐบาลทรัมป์มาแล้วก็ไปแต่ความตั้งใจล้มอิหร่านจะอยู่ต่อไป
โครงการนิวเคลียร์อิหร่านกับสหรัฐ2025 (2)
จุดยืนร่วมจีน รัสเซีย และอิหร่าน 2025 บ่งบอกว่าจีนกับรัสเซียทนไม่ได้ที่รัฐบาลสหรัฐเล่นงานอิหร่านด้วยโครงการนิวเคลียร์อีกแล้ว
โครงการนิวเคลียร์อิหร่านกับสหรัฐ 2025 (1)
การเจรจารอบปี 2025 คือการเริ่มเล่นงานอิหร่านอีกครั้ง อาจต่างกันที่รายละเอียดวิธีการตามบริบทล่าสุด เป้าหมายสุดท้ายคือล้มระบอบอิหร่าน
แนวคิดนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย 2023 (3)
รัสเซียหวังระบบโลกหลายแกนนำที่มีความเท่าเทียมมากขึ้น อันจะส่งเสริมความมั่นคงของตน แต่เท่ากับขัดขวางฝ่ายตรงข้าม
เจ้าพ่อทรัมป์ (Trump the Godfather)
ทรัมป์ไม่ได้ทำงานคนเดียว ต้องรวมสมาชิกรัฐสภารีพับลิกัน รวมทั้งคนอเมริกันหลายล้านคนที่สนับสนุนอย่างแข็งขัน เป็นพวกอำนาจนิยม