ภาพ: ประธานาธิบดีปูตินเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับสตรี
เครดิตภาพ: http://en.kremlin.ru/events/president/news/76418
ประเทศเครือรัฐเอกราช:
ให้ความสำคัญต่อความมั่นคงเสถียรภาพ บูรณภาพแห่งดินแดนของกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States: CIS - กลุ่มประเทศที่ก่อตั้งขึ้นหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย สมาชิกส่วนใหญ่เป็นอดีตสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียต ได้แก่ อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน เบลารุส คาซัคสถาน คีร์กิซสถาน มอลโดวา ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน และรัสเซีย)
มักมีชายแดนติดหรือใกล้รัสเซีย พึ่งพาอาศัยกันและกัน มีภาษาวัฒนธรรมใกล้ชิด มีนโยบายดังนี้ 1) ป้องกันและแก้ไขความขัดแย้งทางทหาร พัฒนาความสัมพันธ์ ให้มั่นใจว่าประเทศเหล่านี้มีเสถียรภาพ ไม่เกิดการปฏิวัติสี (Colour Revolution-การล้มล้างระบอบแล้วตั้งรัฐบาลใหม่ที่ไม่เป็นมิตรต่อรัสเซีย) 2) ประกันความมั่นคงทางการเมืองและการทหารต่อรัสเซีย เสริมสร้างความมั่นคงตามภูมิภาคต่างๆ 3) ต่อต้านโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร (Military Infrastructure) ที่มาติดตั้งในประเทศที่ไม่เป็นมิตรและคุกคามใกล้รัสเซีย 4) ส่งเสริมบูรณาการของ CIS กับ EAEU สร้างความร่วมมือกับแถบยูเรเชีย (Eurasia-ผืนแผ่นดินขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยทวีปยุโรปและเอเชีย) 5) ขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับมิตรประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกับสมาชิก EAEU และประเทศที่อยากมีส่วนร่วมตามแนวทางยูเรเชีย
วิเคราะห์: รัฐบาลรัสเซียมักคิดว่าพวกตะวันตกพยายามแทรกแซงการเมืองภายในกลุ่ม CIS หวังได้รัฐบาลที่ต่อต้านรัสเซีย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเล่นงานรัสเซีย ในอีกมุมตีความว่ารัฐบาลรัสเซียอ้างเหตุดังกล่าวจึงเฝ้าระวังกำกับไม่ให้ประเทศเหล่านี้กลายเป็นเครื่องมือตะวันตก
รัสเซียอ้างว่าระบบปล่อยอาวุธที่สหรัฐติดตั้งในโปแลนด์กับโรมาเนียสามารถบรรจุจรวดร่อน Tomahawk ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ ซึ่งสหรัฐกับนาโตปฏิเสธเรื่อยมา ต่อมารัฐบาลเซเลนสกีแห่งยูเครนขอเข้าเป็นสมาชิกนาโต รัสเซียถือว่าเรื่องนี้เป็นเส้นต้องห้าม (red line) ที่ประกาศมานานหลายปีแล้ว เพราะหากยูเครนเป็นสมาชิกนาโตและติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ ยูเครนจะสามารถยิงใส่เมืองหลวงมอสโกภายใน 4-5 นาที ไม่ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เป็นอีกเหตุผลที่รัฐบาลปูตินชี้ว่าไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ประธานาธิบดีปูตินถึงกับกล่าวว่า สหรัฐ “ควรเข้าใจว่าไม่มีทางให้เราถอยอีกแล้ว” เป็นเหตุผลสำคัญข้อหนึ่งที่กองทัพรัสเซียบุกยูเครน เป็นตัวอย่างเหตุผลนโยบายต่อต้านโครงสร้างพื้นฐานทางทหารที่ใกล้รัสเซีย
รวมความแล้ว รัสเซียให้ความสำคัญกับประเทศที่มีพรมแดนติดกันหรืออยู่ใกล้กัน มองว่าเป็นความมั่นคงร่วมโดยยึดตัวเองเป็นแกนกลาง
แถบอาร์กติก:
รัสเซียหวังรักษาสันติภาพกับเสถียรภาพในอาร์กติก (Arctic) หรือพื้นที่แถบขั้วโลกเหนือ ให้สิ่งแวดล้อมยั่งยืน ลดภัยคุกคามรัสเซียจากพื้นที่แถบนี้ สร้างเป็นเขตพื้นที่พัฒนา Arctic zone ของรัสเซีย ส่งเสริมการเดินเรือสู่นานาชาติ มีแนวทางดังนี้
1) แก้ไขความขัดแย้งของย่านนี้ด้วยสันติวิธี ยึดอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 (UNCLOS) 2) ต่อต้านปรปักษ์ที่หวังติดตั้งอาวุธในย่านนี้ ที่พยายามสร้างกฎเกณฑ์ควบคุมแต่ฝ่ายเดียว 3) ส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศนอกอาร์กติกที่เป็นมิตรต่อรัสเซีย พัฒนาโครงสร้างเส้นทาง Northern Sea Route
พื้นที่ยูเรเชีย:
รัสเซียตั้งเป้าพัฒนาความสัมพันธ์กับมิตรประเทศในยูเรเชียหรือแผ่นดินทวีปยุโรปกับเอเชีย พื้นที่หลักที่รัสเซียให้ความสำคัญ เล็งถึงระเบียบโลกใหม่ และเป็นกุญแจจัดการปัญหาต่างๆ ในการเมืองโลก
รัสเซียจะยกระดับความสัมพันธ์กับจีนและอินเดียรอบด้าน บนประโยชน์ร่วม 2 ฝ่าย ส่งเสริมการค้าการลงทุน ประสาน EAEU กับ BRI ของจีน ส่งเสริมเศรษฐกิจตามทางรถไฟสายหลักไบคาล-อามูร์ (BAM-เส้นขนานกับทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรีย) และเส้นทรานส์-ไซบีเรียเดิม
สหรัฐกับยุโรป:
ประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ดำเนินนโยบายก้าวร้าวต่อรัสเซีย หวังฉวยประโยชน์ทางเศรษฐกิจ บ่อนทำลายความมั่นคงทางการเมืองรัสเซีย กัดเซาะคุณค่าทางจิตวิญญาณ ศีลธรรมจรรยา กีดขวางความร่วมมือ รัสเซียจึงป้องกันโดยสร้างรูปแบบการอยู่ร่วมกันแบบใหม่
ปัจจัยหลักมาจากการที่รัฐบาลสหรัฐกับพวกพยายามแบ่งแยกยุโรป เพื่อบั่นทอนทำลายรัสเซียกับชาติยุโรป จำกัดอธิปไตยของประเทศยุโรปเพื่อรักษาอิทธิพลสหรัฐ
รัสเซียให้ความสำคัญกับบทบาทสหรัฐผู้เป็นศูนย์กลางแห่งหนึ่งของโลก ผนึกกำลังเป็นพวกตะวันตกที่ยึดนโยบายต่อต้านรัสเซีย ต้นตอความเสี่ยงภัยความมั่นคง สันติภาพระหว่างประเทศ การพัฒนามนุษยชาติอย่างสมดุล เท่าเทียม และก้าวหน้า
รัสเซียหวังอยู่ร่วมกับสหรัฐโดยสันติ สร้างผลประโยชน์สมดุลร่วมกัน ในฐานะมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่มีความรับผิดชอบต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ สัมพันธ์กับสหรัฐจะลึกซึ้งขึ้นหากสหรัฐเลิกนโยบายครอบงำด้วยอำนาจ และจะยึดแนวทางนี้กับประเทศอื่นที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐ
วิเคราะห์: เรื่องนี้เป็นหลักฐานอีกชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่าแท้จริงแล้วสัมพันธ์รัฐบาลสหรัฐกับยุโรปแนบแน่นแม้มีเรื่องไม่ลงรอย ผลประโยชน์ไม่ลงตัว ในภาพรวมรัฐบาลหลายประเทศในยุโรปยึดแนวทางเป็นพันธมิตรสหรัฐ เพราะผลประโยชน์ร่วมนั้นมหาศาล การยอมให้สหรัฐบางครั้งเป็นเรื่องปกติ
ยุทธศาสตร์นาโตขยายตัว (NATO Enlargement) สงครามยูเครนเป็นหลักฐานสำคัญชี้ว่า นาโตที่มีสหรัฐเป็นแกนนำยังคงสู้กับรัสเซีย เพียงแต่ว่าไม่ใช่รบกันทุกวัน การรบมีจังหวะพักจังหวะหยุด แต่การต่อสู้แข่งขันยังไม่หยุดแม้ผ่านมาหลายทศวรรษแล้ว
ภูมิภาคอื่นๆ:
ร่วมมือกับอาเซียน สนับสนุนโครงสร้างความมั่นคงย่านนี้ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ร่วมมือกับ APEC ต่อต้านการบ่อนทำลายอาเซียน
เป็นมิตรกับอารยธรรมอิสลามที่เป็นตัวของตัวเอง เป็นส่วนหนึ่งของ "polycentric world" หรือโลกที่มีศูนย์กลางอำนาจและอิทธิพลหลายแห่ง ด้วยแนวทางดังนี้
1) ร่วมมือกับอิหร่านเต็มที่ทุกด้าน ร่วมมือกับตุรกี หลายประเทศในตะวันออกกลางบนผลประโยชน์ร่วม ร่วมสร้างโครงสร้างความมั่นคงภูมิภาครอบด้านกับประเทศในย่านนี้ ส่งเสริมศาสนาความเชื่อที่แตกต่าง ร่วมกันปกป้องคุณค่าทางจิตวิญญาณ ศีลธรรม ต่อต้าน Islamophobia 2) ปรับความเข้าใจ ท่าทีที่แตกต่างเพื่อคืนสู่ความสัมพันธ์ตามปกติกับประเทศในย่านนี้ รวมทั้งองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) หาทางแก้ปัญหาปาเลสไตน์ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ 3) ร่วมมือทางเศรษฐกิจ นำสมาชิก OIC เป็นส่วนหนึ่งของ Greater Eurasian Partnership
รัสเซียหวังเชื่อมสัมพันธ์กับประเทศในแอฟริกาบนความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกันมากขึ้น ภายใต้ระบบโลกแกนนำหลายขั้ว (polycentric) สนับสนุนอธิปไตย ความเป็นอิสระของประเทศต่างๆ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือด้านความมั่นคง อาหาร พลังงาน การทหาร ช่วยแก้ความขัดแย้งทางทหาร ทั้งต้นเหตุจากชาติพันธุ์ ภายใต้กรอบ "African problems-African solution" เพิ่มการค้าการลงทุน ฯลฯ
ด้านภูมิภาคลาตินอเมริกากับแคริบเบียน รัสเซียจะส่งเสริมผลประโยชน์ของประเทศแถบนี้ที่อยู่ภายใต้แรงกดดันของสหรัฐกับพวก ช่วยรักษาอธิปไตยและความเป็นอิสระ
วิพากย์องค์รวมและสรุป:
แนวคิดนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย 2023 (Russian Foreign Policy Concept 2023) สะท้อนมุมมองรัฐบาลรัสเซียต่อสถานการณ์โลกปัจจุบัน บริบทที่ปรปักษ์พยายามบั่นทอนบ่อนทำลาย สงครามยูเครนเป็นตัวอย่างปัจจุบันที่ชัดเจน แม้ไม่สามารถล้มรัฐบาลรัสเซียแต่ทำให้อ่อนแอ สกัดการฟื้นตัว รัสเซียหวังอนาคตที่เป็นระบบโลกหลายขั้วหรือหลายแกนนำที่มีความเท่าเทียมมากขึ้นอันจะส่งเสริมความมั่นคงของตนแต่เท่ากับขัดขวางฝ่ายตรงข้าม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อทรัมป์ยึดลัทธิคุ้มครองทางการค้า
สิ่งแอบแฝงหรือข้อตกลงลับที่มาพร้อมกับภาษีทรัมป์ คือมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) นักลงทุนทั่วโลกรับรู้ว่าตลาดสหรัฐมีความเสี่ยงสูงมาก
สิ่งแอบแฝงที่มากับภาษีทรัมป์2.0 (1)
ลัทธิล่าอาณานิคมยุคใหม่ (neocolonialism) ชาติมหาอำนาจจะต่อต้านโลกหลายขั้ว ต่อต้านการแข่งขันเสรี และจะบีบให้ประเทศอื่นๆ ยอมรับข้อตกลงที่เอื้อประโยชน์แก่ตน
แผน100วันล้มระบอบอิหร่าน2025
มาจากแผนระยะยาวที่ตั้งใจว่าวันหนึ่งจะต้องล้มระบอบอิหร่านให้จงได้ รัฐบาลทรัมป์มาแล้วก็ไปแต่ความตั้งใจล้มอิหร่านจะอยู่ต่อไป
โครงการนิวเคลียร์อิหร่านกับสหรัฐ2025 (2)
จุดยืนร่วมจีน รัสเซีย และอิหร่าน 2025 บ่งบอกว่าจีนกับรัสเซียทนไม่ได้ที่รัฐบาลสหรัฐเล่นงานอิหร่านด้วยโครงการนิวเคลียร์อีกแล้ว
โครงการนิวเคลียร์อิหร่านกับสหรัฐ 2025 (1)
การเจรจารอบปี 2025 คือการเริ่มเล่นงานอิหร่านอีกครั้ง อาจต่างกันที่รายละเอียดวิธีการตามบริบทล่าสุด เป้าหมายสุดท้ายคือล้มระบอบอิหร่าน
เจ้าพ่อทรัมป์ (Trump the Godfather)
ทรัมป์ไม่ได้ทำงานคนเดียว ต้องรวมสมาชิกรัฐสภารีพับลิกัน รวมทั้งคนอเมริกันหลายล้านคนที่สนับสนุนอย่างแข็งขัน เป็นพวกอำนาจนิยม