
บทความนี้ "ส่งต่อ" กันในห้องไลน์ค่ะ มนุษย์ป้าอ่านแล้วรู้สึกเข้าใจอะไรกระจ่างแจ้งขึ้นบ้าง จึงอยากส่งต่อให้ลองพิจารณากัน
เขาเริ่มต้นบอกว่า..ท่ามกลางความวุ่นวายป่วนโลกที่โดนัลด์ ทรัมป์ ก่อขึ้น คำถามของชาวบ้านชาวช่องที่ไม่ได้เป็นนักเศรษฐศาสตร์หรือเข้าใจการเมืองอะไรนัก ก็จะมีคำถามว่าที่ทรัมป์ทำแล้วดูจะเชื่อมั่นมากๆ ว่าเป็นไอเดียที่ถูกต้องนั้น...ถูกจริงหรือ
แล้วทำไมถึงทำอะไรได้ตามอำเภอใจแบบวันต่อวัน เหมือนเผด็จการที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ อยากทำอะไรก็ทำ เหมือนเทียบกับไทยคือมี ม.44 อยู่ในมือ อเมริกาไม่มีสภาแล้วหรือไง คนเดียวถึงป่วนได้อย่างไม่มีใครยั้งอะไรได้ขนาดนี้
ถ้าจะมีใครซักคนที่อธิบายเรื่องนี้ได้กระจ่าง ก็น่าจะเป็นโปรเฟสเซอร์เจฟฟรีย์ แซคส์ (Jeffrey Sachs) แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ผู้เขียนหนังสือดีๆ หลายเล่ม ปัจจุบันยังเป็น director of Sustainable development Solution network ของ UN อีกด้วย โปรเฟสเซอร์แซคส์เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ทั้งโลกยอมรับ แม้กระทั่งโดนัลด์ ทรัมป์เองก็ยังเคยแชร์บทสัมภาษณ์ของโปรเฟสเซอร์อยู่หลายครั้ง เวลาพูดอะไรที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจก็จะฟังเสมอ
ล่าสุดโปรเฟสเซอร์ไปขึ้นเวที Antalya Diplomacy Forum ที่ตุรกี แล้วเล่าสรุปภาพรวมแบบป่าทั้งป่าได้อย่างน่าสนใจมาก
โปรเฟสเซอร์เริ่มด้วยการเล่าให้เห็นภาพง่ายๆ ว่า “เหมือนกับเราเอาบัตรเครดิตไปช็อปปิ้งแล้วก่อหนี้ก้อนใหญ่ แล้วเราไปโทษเจ้าของร้านที่เราไปช็อปว่าทำแบบนี้คือทำให้ตัวเองขาดดุล พวกเอ็งเอาเปรียบๆๆๆ …นั่นคือความเข้าใจแบบตื้นๆ ของประธานาธิบดีสหรัฐในตอนนี้
การขาดดุลไม่ใช่นโยบายการค้า แต่มันบอกถึงการใช้จ่ายเมื่อเทียบกับเงินที่หาได้ ผม (โปรเฟสเซอร์) สอนเรื่องนี้ซึ่งเป็นวิชาการเงินระหว่างประเทศตั้งแต่วันที่สองของนักศึกษาปีหนึ่ง ถ้าทรัมป์เป็นนักศึกษาก็คงตกตั้งแต่วันที่สอง เพราะเขาไม่เข้าใจและเที่ยวไปบอกว่าทุกคนโกงหมด แท้จริงก็คือสหรัฐใช้เงินเกินรายได้ที่มี ที่เราเป็น เพราะเรามีบัตรเครดิตใบใหญ่มาก ที่เรียกว่ารัฐบาลสหรัฐ เพราะรัฐบาลใช้เงินมากกว่ารายได้ไปถึงสองล้านล้านเหรียญฯ ต่อปี
แล้วทำไมถึงไม่เก็บภาษีมากขึ้นเอามาชดเชย? ก็เพราะผู้แทนฯ ทั้งหลายในสภาเวลาเลือกตั้งก็มีผู้สนับสนุนเป็นคนรวยๆ ที่ไม่ชอบจ่ายภาษีเยอะ เวลาจะต้องโหวตเรื่องภาษีก็ไม่กล้า ระบบการเมืองสหรัฐก็คือการใช้เงินเยอะๆ แต่อย่าเก็บภาษีเยอะ ก็เลยบานปลายมากขึ้นเรื่อยๆ แต่โดนัลด์ ทรัมป์ แทนที่จะไปโทษระบบตัวเอง กลับไปโทษประเทศอื่นว่าเป็นต้นเหตุ
ฟังโปรเฟสเซอร์แซคส์พูดแล้ว ผมมีความรู้สึกเหมือนกับว่ายังเป็นแค่บทแรกของจุดเริ่มต้น (end of beginning) เท่านั้น เพราะอำนาจในระดับเผด็จการที่มี ม.44 ที่ระบบสหรัฐออกแบบมาให้ผู้นำที่เด็ดขาดนั้น ตอนนี้ตกอยู่ในมือคนบ้าที่ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่พร้อมจะทำอะไรก็ได้ การปลดก็ทำไม่ได้ง่ายๆ จะไป impeach ก็แทบเป็นไปไม่ได้ เราจะยังต้องเจอความบ้าของทรัมป์กันต่อไปอีกสามปี ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการค้า แต่เป็นทุกเรื่องที่จะเฉียดไปถึงสงครามเมื่อไหร่ก็ไม่รู้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เสียงดนตรีแห่งความภักดี
มีบางบทเพลงที่ไม่ใช่แค่ดนตรี… แต่มันคือความทรงจำ คือแรงบันดาลใจ และคือพลังของความจงรักภักดีที่ส่งผ่านจากหัวใจหนึ่งไปสู่อีกหัวใจหนึ่งอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
อ่านเรื่อง..น่ารักบ้าง(ดีกว่า)
เรื่องราวต่อไปนี้ดูเหมือนจะเป็นนิยายเชยๆ แต่อยากเชิญชวนอ่านให้จบ มันคือศาสตร์และศิลป์แบบง่ายๆ ที่มักถูกมองข้าม...คนส่งเรื่องนี้มาให้อ่าน เริ่มต้นด้วยข้อความว่า เกรี้ยวกราดทุกข์ร้อนกันไปทำไม แบกทุกข์แก่ง่ายโดยไม่รู้ตัว
ดัชนีชี้วัด..ความสุข
เมื่อต้นเดือนกระมังที่เห็นข่าวแถลงของทำเนียบรัฐบาล อวดอ้างเป็นปลื้มว่า คนไทยติดอันดับ 7 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ทำให้มนุษย์ป้าต้องคิดไปคิดมา หาเหตุผลว่า จริงแท้แค่ไหน?!? ท่ามกลางเครื่องหมายคำถามของเพื่อนสนิทมิตรสหายมากมายเหมือนกัน
เกม..ก็แค่เกม
ส่งกันจริงส่งกันจัง ประมาณว่า เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการตรวจสอบอายุสายตาบ้าง อายุสมองบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเกมเรียงตัวเลข เกมจับผิดภาพ เกมจับปลา และอะไรอื่นๆ อีกมากมาย
วันกาชาดโลก
เคยไหม...ในวันที่ใครบางคนล้มลง เจ็บป่วย หรือเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แล้วมีมือที่ยื่นเข้ามาช่วยโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน มือคู่นั้นอาจไม่ใช่หมอ หรือพยาบาล แต่อาจเป็น “คุณ” ผู้บริจาคโลหิต ที่ช่วยต่อลมหายใจให้กับอีกชีวิตหนึ่ง
เที่ยวเสียให้..เข็ด!!
เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงวัย 60+ …ก็ถึงเวลาที่เราจะออกเดินทางอีกครั้ง...ถ้อยความนี้เป็นคำบอกเล่าของ "ลูกสาว" ข้าราชการวัยเกษียณคนหนึ่ง