S26T ดำไปโผล่เขมร?

แม้จะเหลืออีกถึงกว่า 3 เดือน ตามกฎ ตามระเบียบการแต่งตั้ง "นายพล" วาระประจำปี ที่กำหนดให้การแต่งตั้งตำรวจระดับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)  หรือเทียบเท่า ลงไปถึง ผู้บังคับการ (ผบก.) ยศ พล.ต.อ.-พล.ต.ต. ต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 สิงหาคมของทุกปี แต่ตอนนี้กระบวนการแต่งตั้งทางธุรการก็เริ่มขยับ ก็เริ่มดำเนินการกันแล้ว โดยสำนักงานกำลังพลส่งหนังสือแจ้งฝ่ายกำลังพลทุกหน่วยสำรวจคุณสมบัติตำรวจระดับ รอง ผบก. ที่ครบเกณฑ์เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น เพื่อเก็บเป็นข้อมูลในการจัดทำบัญชีแต่งตั้งวาระประจำปี โดยโฟกัสแต่งตั้ง "สีกากี" ปีนี้ ระดับ "ผู้นำ" 

ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะ ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่กรมปทุมวัน ยังเหลืออายุราชการอีก 1 ปี เกษียณอายุราชการในปี 2569 แต่เก้าอี้ "นายพล" รายอื่นมีตำแหน่งว่างจากผู้เกษียณอายุราชการกว่า 70 ตำแหน่ง อาทิ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. และ พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็นต้น ๐

น่าจะทำให้ “สีกากี” ทั่วประเทศ และ “ประชาชน” ที่ติดตามคดี สจ.กอล์ฟ ลูกชาย สส.สงขลา สั่งลูกน้องทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ประจำหน่วยเลือกตั้งที่จังหวัดสงขลา ได้รับบาดเจ็บสาหัส อุ่นใจขึ้น เมื่อ ผบ.ต่าย เซ็นคำสั่งโอนคดีจากโรงพักเมืองสงขลา มาให้ “กองปราบปราม” รับผิดชอบ เพราะ บิ๊กก้อง-พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ยืนยันด้วยตัวเองบอก “กองปราบจะดำเนินการทำคดีให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล ซึ่งเป็นหน้างานของกองปราบอยู่แล้ว จะทำอย่างเต็มที่” แต่อีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนอยากเห็น หลายคนกำลังรอ “ฟ้าสางที่สงขลา” น่าจะเกิดขึ้น เพราะกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่สงขลาดูจะเหิมเกริม ดูจะไม่เกรงกลัวใคร แม้แต่ตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ใส่เครื่องแบบชัดเจนก็ยังทำร้ายได้ ก็ควรถึงเวลาที่จะกวาดล้างมาเฟียครั้งใหญ่ ไม่ให้ไปก่อเหตุ ไปก่อความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอีก เพราะเท่าที่ได้ยินยังมีอีกหลายเคส ยังมีอีกหลายกรณีที่เกิดขึ้น เพียงแต่ผู้เสียหายไม่ใช่ตำรวจ ไม่ได้มีคลิป ไม่ได้เป็นข่าวแบบนี้ หาก “กองปราบ”  ลงซักครั้ง ก็น่าจะทำให้ชาวสงขลาอยู่อย่างปลอดภัย ไม่ต้องนอนระแวง ๐

เตือนดังๆ อีกครั้งจาก บิ๊กปิ่น-พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์จราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังโซเชียลเผยแพร่ภาพรถบนท้องถนนป้ายทะเบียนมองไม่เห็นป้ายจังหวัด รวมทั้งบางคันตัวอักษรจาง ตัวอักษรเลอะเลือน ใช้กรอบป้ายทะเบียนที่บดบังข้อมูลสำคัญ หรือติดตั้งกันชนหน้า/หลัง แล้วปิดบังข้อความบนแผ่นป้ายทะเบียน ช่วงแรกตำรวจอาจจะแค่ตักเตือน หากยังไม่แก้ไขปรับปรุงถือว่าฝ่าฝืนพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 11 มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และหากมีการใช้กรอบป้ายที่บดบังตัวอักษร เข้าข่ายฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 7 มีโทษปรับไม่เกิน 4,000 บาท โดยกฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าต้องติดแผ่นป้ายทะเบียนให้สามารถมองเห็นได้โดยสะดวก และต้องไม่มีการปิดบังหรือทำให้แผ่นป้ายชำรุด รวมทั้งการปลอมแปลงหรือดัดแปลงป้ายทะเบียน เช่น การใช้ตัวเลขหรืออักษรที่ผิดจากทะเบียนจริง การทำเลียนแบบ หรือการแก้ไขข้อมูล ถือเป็นความผิดร้ายแรงตามกฎหมาย ซึ่งนอกจากจะฝ่าฝืนพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 60 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดปลอมแปลงหรือใช้แผ่นป้ายทะเบียนโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ยังอาจเข้าข่ายความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท และหากมีการใช้เอกสารราชการปลอมดังกล่าว ยังอาจถูกดำเนินคดีเพิ่มตามมาตรา 268 ฐานใช้เอกสารปลอมอีกด้วย ๐

คาราคาซังมาเนิ่นนานเต็มทีสำหรับ เรือดำน้ำ S26T  ที่กองทัพเรือไทยจ้างบริษัทจีนสร้างทำขึ้นมาร่วมสิบปี สะดุดตรงที่ติดตั้งเครื่องยนต์ที่ระบุไว้ในสัญญาไม่ได้ เป็นปัญหามาตั้งแต่ปลายรัฐบาล “ลุงตู่” จนมาถึงรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน”  ต่อมาถึงรัฐบาล "แพทองธาร ชินวัตร” จาก รมว.กลาโหม ที่ชื่อ “สุทิน คลังแสง” มาถึง "ภูมิธรรม เวชยชัย" ทุกอย่าง  “วนลูป” กลับไปหาคำตอบเดิมๆ ที่เคยได้รับมาแล้ว ล่าสุด รมต.ภูมิธรรมกลับจากเยอรมนี ได้ยินกับหูตัวเองเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ที่ ทร.ทำเรื่องขึ้นไปนั้นมันเป็นข้อเท็จจริง การขายตรงให้ประเทศไทยไปติดตั้งในเรือดำน้ำจีนนั้นไม่สามารถทำได้ ขั้นตอนต่อไปก็ยังขอเวลาพิจารณาอีกรอบ แต่เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยจี้ขอคำตอบมารัวๆ หากรัฐบาลปล่อยจอยไปมากกว่านี้เพื่อซื้อเวลา ไม่กล้าตัดสินใจ ทุกฝ่ายก็ล้วนแล้วแต่เสียโอกาสทั้งสิ้น ๐

แผนสองของ "จีน" ซึ่งต่อเรือดำน้ำรุ่นนี้ส่งออก มี ทร.ปากีสถานเป็นลูกค้าสั่งซื้อไปหลายลำ หมุดหมายทางยุทธศาสตร์ที่จีนต้องการวางเรือดำน้ำในรุ่นที่จีนผลิตในย่านนั้นประสบความสำเร็จไปแล้ว เหลือแต่ในฝั่งอ่าวไทยที่ยังรอคำตอบจากรัฐบาลไทย แต่หากสุดท้ายรัฐบาลยกเลิก ทั้งเหตุผลเรื่องเงิน และการเมืองที่ไม่เอา “เรือลุง” ก็มีแนวโน้มว่าจีนจะเดินหน้าต่อเรือให้เสร็จและส่งให้ ทร.กัมพูชาแบบให้เปล่า แต่นั่นก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ ท่ามกลางกระแสข่าวเรื่องโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากท่าเรือสีหนุวิลล์ ข้ามมาทางลาวใต้กำลังดังกระหึ่ม ส่วน ทร.ไทยต้องถอยมาวางแผนรองรับเพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด นอกจากเงินงวดที่จ่ายไปแล้วเกือบ 7 พันล้านบาท รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานที่หมดเงินไปก้อนใหญ่ แนวทางการ เช่า-ยืมใช้ ก็อาจทำให้เราไม่ต้องเสียเงินงวดไปฟรีๆ และยังได้เรียนรู้เทคโนโลยีเรือดำน้ำที่พัฒนาไปอีกรุ่นหลังจากเวลาล่วงเลยมาแล้ว 10 ปี ด้วยความสัมพันธ์ของ ทร.สองชาติที่แนบแน่น เชื่อว่า "ผบ.แมว" พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผบ.ทร.คนปัจจุบัน ซึ่งก็เป็นศิษย์เก่า วปอ.จีนมาก่อน น่าจะมีทางออกที่วิน-วินทั้งคู่

แต่ยังย้ำว่า “โมเดล” การจัดซื้อโครงการอาวุธที่เปรียบเหมือนกระดูกสันหลังของแต่ละเหล่าทัพ ในยุคที่เงินน้อย เศรษฐกิจไม่ดี หากไม่มีการวางแผนในการเรียก "ฉันทามติ" จากสังคมได้ ก็ถือเป็นเรื่องลำบาก กองทัพอากาศวางทั้งยุทธวิธี งบประมาณ และวางตัว ผบ.ทอ.เพื่อรับมือกับทุกปัจจัยได้อย่าง "เนียนกริบ" ใน 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ คาดว่า ครม.คงจะมีการอนุมัติแบบเครื่องบินกริพเพน สวีเดน ที่ ทอ. คัดเลือก และให้ทีมเจรจา “ออฟเซต” ทำเอกสารรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน เพื่อแจกแจงให้เห็นถึงความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ประกอบกับตอนนี้ยุทธการทางอากาศระหว่างปากีสถาน-อินเดีย ได้กลายเป็นฉากทัศน์การรบที่ไม่ได้มีเฉพาะแค่เครื่องบินเท่านั้น ที่เป็นปัจจัยชี้ขาดแห่งชัยชนะ เหล่านี้ยิ่งเป็นการเอื้อต่อโครงการการจัดซื้อกริพเพน ที่ ทอ.เล็งเห็นถึงเทคโนโลยีที่ก้าวทันยุคไว้ก่อนแล้ว ทุกอย่างดูเป็นใจไปเสียทุกอย่าง และต้นเดือน มิ.ย.นี้  “ผบ.ไก่” พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. พร้อมคณะทำงานทั้งหมดจะตั้งโต๊ะแถลง ตอบคำถามแบบสดๆ ไขข้อสงสัยทุกประเด็น ถือเป็นการปิดฉากอย่าง “ฟีนาเล” ก่อนจะเกษียณอายุราชการในช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ ๐

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สองพ่อลูก...สองแผ่นดิน ฤๅจะสิ้นวาสนาและบารมี

เวลาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาสืบเนื่องมาเป็นร้อยปี หากจะมองตั้งแต่ยุคต้นของรัตนโกสินทร์ อาณาจักรกัมพูชาในตอนนั้นคืออาณาจักรเขมรที่เป็นประเทศราชของสยามมาจนถึงรัชกาลที่ 4

ประเทศไทยกับ'หมากตาอับ'!!!

ภายใต้โลกยุคใหม่ สังคมสมัยใหม่...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า บรรดา ทวยไทย หรือ ปวงชนชาวไทย ท่านได้ เปลี่ยนแปลง ไปเยอะแล้ว แบบชนิด พลิกหน้ามือเป็นหลังตีน

สีกากีติดลบ!

ยิ่งกว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก แวดวง "สีกากี" แค่เพียงสัปดาห์เดียวก็มีบุคลากรตกเป็นผู้ต้องหา ตกเป็นจำเลย ตกเป็นที่พูดถึงในมุมลบของสังคมแทบจะเป็นรายวัน

แรงกดดันดร.ทักษิณยังเป็นเพียงหนังตัวอย่างของคนลัคนาสถิตกันย์

ก่อนหน้านี้ผู้เขียนเคยให้สัมภาษณ์สื่อหลายแห่งรวมทั้งที่ไทยโพสต์ คุณศลิลนา ภู่เอี่ยม และคุณบุญระดม จิตรดอน ที่แนวหน้า ว่า ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่ ลัคนาส

ฤๅเขาคือเจ้าของประเทศ

มีคนคนหนึ่งประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ทำให้เขากลายเป็นอภิมหาเศรษฐีมีเงินเป็นแสนๆ ล้าน เขามีความร่ำรวย แต่เขาไม่พอเท่านั้น เขามีความทะเยอทะยานอยากเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย

กลไกแห่งการวิวัฒนาการ

ภายใน ตัวตน ของมวลมนุษย์ในแต่ละคน...ดูๆ แล้วมันอาจมี กลไก บางอย่าง ที่ซุกซ่อนอยู่ในยีน ในดีเอ็นเอ โดยจะเป็นสิ่งที่ พระเจ้า ท่านประทานมาให้หรือไม่? อย่างไร?