America First ในอีกมุมมอง (1)

ถ้าสหรัฐไม่แก้ปัญหาที่ต้นตอ นโยบายใดๆ จะเป็นเพียงแค่บรรเทาอาการ โรคร้ายกระจายทั่วร่าง กัดกินจนถึงกระดูก ทำลายแม้กระทั่งจิตวิญญาณรากฐานอเมริกันชน ต่อให้รีเซตระเบียบโลกก็ช่วยไม่ได้

คอลัมนิสต์จีนวิพากษ์ “ลัทธิคุ้มครองทางการค้า” (trade protectionism) ของทรัมป์ 2.0 สะท้อนมุมมองจีนที่มีต่อรัฐบาลอเมริกัน บทความนี้นำเสนอการวิพากษ์เหล่านั้น พร้อมการวิเคราะห์ ดังนี้

ภาพ: ทรัมป์กับ America First

เครดิตภาพ: ภาพจากปัญญาประดิษฐ์

พฤติกรรมบีบบังคับของนักเลงโลก:

ท่าทีกับพฤติกรรมภายใต้หลัก “America First” ของทรัมป์ แสดงตัวเป็นนักเลงโต เช่น ข่มขู่ผนวกดินแดนของประเทศอื่น ใช้ภาษีตอบโต้เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ นานาชาติตื่นตระหนก ตลาดหุ้น ตลาดทุน บริษัทเอกชน แม้กระทั่งประชาชนพากันตกใจ

“America First” ของทรัมป์ 2.0 ตอกย้ำว่าสหรัฐมองโลกเป็นสมรภูมิแห่งผลประโยชน์ ใครมีกำลังมากกว่าคนนั้นได้ ไม่สนใจว่าคนอื่นเสียอะไร แม้กระทั่งพันธมิตรใกล้ชิด บางคนจึงตีความว่าทรัมป์เปลี่ยนสหรัฐให้กลายเป็นรัฐมาเฟีย (mafia state)

วิเคราะห์: การประกาศอย่างเปิดเผยว่า ต้องการครอบครองกรีนแลนด์ อยากเข้าควบคุมคลองปานามา แคนาดาต้องสิ้นชาติเพื่อเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐ เหล่านี้ควรเป็นพฤติกรรมของฝ่ายประชาธิปไตยโลกหรือ รัฐบาลสหรัฐที่พร่ำสอนว่าต้องการสันติภาพ ชี้นำให้นานาชาติรักษากฎระเบียบตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่กลับละเมิดอธิปไตยตามกฎบัตรสหประชาชาติ พฤติกรรมเช่นนี้ชวนให้นึกถึงนาซีมากกว่า

 ไม่เพียงเท่านี้ รัฐบาลสหรัฐถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก ข้อตกลงปารีส (Paris Climate Accord) ตัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ประหลาดแท้ที่รัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยทำเช่นนี้ สวนทางนานาชาติที่ร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก พยายามช่วยกันแก้ไขภาวะโลกร้อน ร่วมมือให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามกำลัง พฤติกรรมเหล่านี้ ชวนให้ตั้งคำถามว่า “โลกจะน่าอยู่ขึ้นเพราะระบอบเสรีประชาธิปไตย” หรือไม่

ที่แปลกประหลาดกว่านั้นคือ ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่เชื่อเรื่องภาวะโลกร้อน ไม่ยอมรับงานวิจัยผลกระทบสิ่งแวดล้อม แม้กระทั่งจากสถาบันวิจัยชั้นนำของสหรัฐ ตรงข้ามกับรัฐบาลเดโมแครตอย่างไบเดน โอบามา ที่สนับสนุนข้อตกลงปารีส พยายามแสดงตัวเป็นผู้นำโลกแก้ปัญหาโลกร้อน เรื่องนี้เป็นพฤติกรรมที่น่าคิดใช่ไหม เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ภาวะนำของสหรัฐเสียหายหนักในสายตาโลก

รัฐบาลทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ด้วยเหตุผลต้องการนำการผลิตกลับสู่ประเทศ อ้างว่าเพื่อนบ้านไม่ควบคุมคนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย ไม่ปราบปรามยาเสพติด เป็นการนำการค้าระหว่างประเทศเข้าพัวพันกับปัญหาสังคมของอเมริกัน ปัญหาอุตสาหกรรมของตน

ทั่วโลกรู้จัก iPhone ว่าเป็นของสหรัฐ แต่ไม่มีสักเครื่องที่ผลิตในประเทศนี้ ทำไมไม่ถามบริษัทผู้ผลิตว่าเหตุใดจึงไม่ตั้งโรงงานในอเมริกา รัฐบาลจีนหลอกเอกชนให้ลงทุนมหาศาล ตั้งโรงงานใหญ่ที่สุดในโลกที่จีนหรือ หรือว่านี่คือหลักทุนนิยมเสรีทั่วไป ที่ตอนนี้รัฐบาลสหรัฐผู้นำทุนนิยมเสรีกำลังละเมิดหลักการนี้ เหมือนพวกอำนาจนิยมมากขึ้นทุกที

บริษัทเอกชนก่อนจะเปิดโรงงานในต่างแดนต้องคิดอย่างรอบคอบ รายงานของ AmCham China เมื่อปี 2025 ระบุว่า 48% ของบริษัทสหรัฐที่สำรวจ ให้จีนเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของจุดหมายปลายทางการลงทุนระดับโลก 53% วางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในปีนี้

ความตั้งใจที่จะให้เอกชนอเมริกันกลับไปตั้งโรงงานในประเทศตัวเองมีมานานมากแล้ว มีก่อนหน้ารัฐบาลทรัมป์สมัยแรก ส่วนที่ทำได้ทำไปนานแล้ว ผลลัพธ์เป็นอย่างที่เห็น สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คือผลลัพธ์ของอดีต สิ่งที่เป็นอยู่ในวันนี้คือหลักฐานในตัวเอง

ข้อเสนอจีนคือ สหรัฐควรกลับไปพิจารณาตัวเอง ทบทวนคุณค่าและความเชื่อ จริงๆ แล้วสหรัฐเป็นอย่างไร ยึดถือสิ่งใด ควรยึดหลักการที่ถูกต้องกว่านี้หรือไม่

จีนอาจพูดผิด แต่ถ้าสหรัฐไม่แก้ต้นตอปัญหา นโยบายใดๆ ที่ทำจะเป็นเพียงแค่การบรรเทาอาการ เปลี่ยนอวัยวะบางชิ้นที่โรคร้ายกระจายทั่วร่างและค่อยๆ ซึมลึก กัดกินจนถึงกระดูก ทำลายแม้กระทั่งจิตวิญญาณรากฐานอเมริกันชน ต่อให้รีเซตระเบียบโลกก็ช่วยไม่ได้

อดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ (Jimmy Carter) กล่าวถึงตำแหน่งประธานาธิบดีว่า “การพูดความจริงเป็นหลักศีลธรรมสำคัญ (basic moral values)” “การเคารพกฎหมายอยู่ในคำสาบานก่อนประธานาธิบดีทุกคนเข้าทำงาน”

“ข้าพเจ้าคิดว่าประธานาธิบดีต้องพูดความจริง พูดเพื่อสร้างสันติภาพ และปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม” “ดังนั้น ความเท่าเทียมกัน สันติภาพและความจริง และความยุติธรรมพื้นฐาน (basic justice) คือหลักศีลธรรมที่ข้าพเจ้าคิดว่า (ประธานาธิบดี) ทุกคนต้องมี”

คำว่า “ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม” หมายถึงปฏิบัติต่อคนต่างชาติด้วย

ความเป็นเจ้าคืออยุติธรรม:

ประธานาธิบดีทรัมป์ชี้ว่าสหรัฐเสียเปรียบทางการค้า บางประเทศใช้มาตรการทุ่มตลาด บิดเบือนค่าเงิน จึงขาดดุลมหาศาล จำต้องคืนความยุติธรรมแก่สหรัฐด้วยภาษี เพื่อลดการนำเข้า ส่งเสริมการผลิตในประเทศ เพิ่มการจ้างงาน ผลคือสหรัฐรุ่งเรือง คนอเมริกันกินดีอยู่ดี

เมื่อทรัมป์ 2.0 ขึ้นภาษีศุลกากรกว่าร้อยประเทศทั่วโลก เรื่องนี้ถูกวิจารณ์ว่าตรรกะวิบัติ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ยึดกฎแห่งป่า โลกในมุมมองของรัฐบาลสหรัฐนั้นโหดร้าย ป่าเถื่อน จิตใจไม่พัฒนา ยังยึดสัญชาตญาณคนเถื่อน และพยายามสร้างระเบียบโลกบนกฎคนเถื่อนเช่นนี้

ควรให้โลกในศตวรรษที่ 21 เป็นเช่นนี้หรือ

รัฐบาลสหรัฐเรียกร้อง “fair trade” การค้าที่เท่าเทียมและเป็นธรรม แต่ที่ทำจริงๆ คือไม่ยึดกติกาการค้าเสรีขององค์การการค้าโลก

ตามตำราเศรษฐศาสตร์ตะวันตก การค้าเสรีที่เสรีที่สุดคือ การค้าเสรีภายใต้องค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO) มุ่งลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของสินค้า บริการ และการลงทุนอย่างเสรีและเป็นธรรมมากขึ้น เชื่อว่าการค้าที่เปิดกว้างทำให้เศรษฐกิจเติบโต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ผลลัพธ์สุดท้ายคือยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก

นี่คือสิ่งที่ครั้งหนึ่งรัฐบาลสหรัฐกับพวกพยายามพร่ำบอกนานาชาติไม่ใช่หรือ

เฮนรี คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger) เคยอธิบายการจัดระเบียบโลกของสหรัฐว่าคือการส่งผ่านแนวคิดรัฐบาลที่มาจากผู้แทนราษฎรอย่างเสรี เป็นแนวคิดเสรีภาพ ประชาธิปไตย ภายใต้ความเชื่อที่ว่าแนวคิดเหล่านี้จะจรรโลงความยุติธรรม สันติภาพอันยั่งยืน ตลาดเสรีจะยกระดับปัจเจกชน สังคมมั่งคั่ง เกิดระบบเศรษฐกิจที่ประเทศต่างๆ พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน แทนการแข่งขันดังเช่นศัตรู

ระเบียบโลกที่สหรัฐกำลังสร้างใหม่คือ การค้าทวิภาคีที่ยึดสหรัฐเป็นศูนย์กลาง ควบรวมนโยบายการเมืองระหว่างประเทศ ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของสหรัฐ พยายามแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เข้าสู่สถานการณ์สงครามเย็นใหม่ เป้าหมายคือรักษาความเป็นเจ้าของตน

นักวิชาการหลายสถาบันฟันธงว่า นโยบายดังกล่าวจะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นทั่วโลก รวมทั้งที่สหรัฐ เพิ่มภาระทางเศรษฐกิจ เพิ่มความทุกข์แก่ประชาชน แม้กระทั่งต่อพลเมืองอเมริกัน แต่จนถึงวันนี้ผู้นำอเมริกาพูดตรงข้าม ชี้ว่าเงินเฟ้อไม่เป็นปัญหา สินค้าบางรายการถูกลง แต่คำพูดเหล่านี้ถูกพิสูจน์แล้วว่า “เป็นเท็จ”

วิเคราะห์องค์รวมและสรุป:

นับวันรัฐบาลสหรัฐถอยห่างจากประชาธิปไตยตะวันตก หันหลังให้การค้าเสรีตามกติกา WTO ที่ตนกับพวกเป็นแกนนำจัดตั้งขึ้นมา

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่รัฐบาลสหรัฐจะยอมรับความจริง คนอเมริกันจะตื่นตัว ค้นหาความจริงว่า ลึกๆ แล้วประเทศหรือสังคมที่มีคุณค่าหมายถึงอย่างไร ยึดถืออะไร จึงจะมั่งคั่งมั่นคงยั่งยืน

บัดนี้นานาชาติตื่นตัว ควรหรือยอมให้ศตวรรษที่ 21 เป็นโลกที่ประเทศผู้มีอำนาจมากกว่าสามารถทำตามใจชอบ กระทำอย่างอยุติธรรมต่อประเทศอื่นๆ หรือควรสร้างระเบียบโลกที่ตั้งบนกฎเกณฑ์ที่มีความเท่าเทียมและเป็นธรรมมากขึ้น

ถ้าสหรัฐวิกฤต เศรษฐกิจสังคมปั่นป่วน เรื่องนี้กระทบหลายประเทศทั่วโลก นานาชาติควรให้ความช่วยเหลือ ร่วมมือในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงขั้นพาประเทศตัวเองเข้าสู่วิกฤตแทนสหรัฐ ถ้ารัฐบาลสหรัฐคิดปกป้องตัวเอง นานาชาติก็คิดเช่นกัน

สังคมอเมริกันควรเริ่มที่การแก้ไขตัวเอง เปลี่ยนทัศนคติการบริโภคเกินตัว เสรีภาพที่นำสู่การทำลายตัวเอง ใช้ระบอบการเมืองเศรษฐกิจที่เจริญยั่งยืน นี่ต่างหากที่ควรเรียกว่า “America First”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สงครามอิสราเอล-อิหร่าน (ไซออนิสต์-ชีอะห์) 2025 (3)

อิสราเอลอ้างทำสงครามเพื่อป้องกันตนเอง ตามยุทธศาสตร์ชิงลงมือก่อน อาหรับเป็นปัจจัยสำคัญสกัดสงครามยืดเยื้อ ทำไมต้องทนรับผลกระทบจากสงครามที่ไม่ได้ก่อ

สงครามอิสราเอล-อิหร่าน (ไซออนิสต์-ชีอะห์) 2025 (2)

ถ้าอิสราเอลชี้ว่าความปลอดภัยของชีวิตสำคัญ ไม่อาจปล่อยให้ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชีวิตหลังความตายของชีอะห์ยิ่งสำคัญกว่า มุสลิมต้องปกป้องยิ่งชีพ

ชาตินิยมกับคลั่งชาติต่างกันอย่างไร

ชาตินิยมเป็นรากฐานการอยู่ร่วมกัน ประเทศไม่ได้ให้ทุกอย่างดังหวัง แต่ดีกว่าคนสิ้นชาติ ไม่เหลือประเทศกับคนรักให้ปกป้อง พวกคลั่งชาติจะรุกรานผู้อื่น