เดินหน้าสานต่อคดีโฮปเวลล์

เป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอีกครั้ง ภายหลังศาลปกครองกลางได้อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 81-83/2565 โดยมีมติกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น กรณีให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จ่ายค่าชดเชยค่าตอบแทนตามสัญญาสัมปทานให้บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำนวน 24,000 ล้านบาท เป็น ให้พิจารณาคดีใหม่ตามคำขอของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

หากใครได้ติดตามที่ต่อสู้มาอย่างยาวนานสำหรับคดีมหากาพย์ค่าโง่โฮปเวลล์ นับตั้งแต่ปี 2551 ระหว่าง รฟท. กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) สำหรับคดีนี้เริ่มต้นมาจากในช่วงปี 2533 มีการเปิดประมูลโครงการถนนและทางรถไฟยกระดับในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยผู้ชนะการประมูลคือ บริษัท โฮปเวลล์ โฮลดิ้ง ยักษ์ใหญ่แห่งวงการก่อสร้างของฮ่องกง และมีการเซ็นสัญญาในวันที่ 9 พ.ย.2533 โดยสัญญาสัมปทานมีอายุยาวนานถึง 30 ปี ซึ่งบริษัทโฮปเวลล์จะเป็นผู้ลงทุนออกแบบเองทั้งหมด วงเงินลงทุนทั้งโครงการประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 8 ปี

ต่อมาการก่อสร้างเกิดล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้มาก โดยบริษัทโฮปเวลล์อ้างเหตุที่ก่อสร้างล่าช้าเนื่องจาก รฟท.ไม่ส่งมอบที่ดินให้ได้ตามข้อตกลง ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทขาดสภาพคล่องทางการเงินและปัญหาเศรษฐกิจหลายด้าน ทำให้ต้องล้มเลิกโครงการและเริ่มทำต่อในหลายรัฐบาล ก่อนจะหยุดการก่อสร้างอย่างสิ้นเชิงในช่วงปี 2540-41 ต่อมาบริษัทโฮปเวลล์ยื่นฟ้องกระทรวงคมนาคม และ รฟท. จึงเป็นที่มาของการฟ้องร้องกันจนถึงปัจจุบัน

จนล่าสุด ฝั่งรัฐได้ตั้งคณะกรรมการศึกษากรณีการจ่ายค่าชดเชยให้บริษัทโฮปเวลล์ โดยได้รับข้อมูลมาว่าการจ่ายเงินให้โครงการโฮปเวลล์ไม่น่าจะถูกต้อง ที่ผ่านมามีข้อพิรุธหลายประการที่หน่วยงานของรัฐไม่นำไปเป็นคู่ต่อสู้คดี ซึ่งคณะทำงานได้ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับโครงการทุกฉบับอย่างรอบคอบ และเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ศาลปกครองกลางได้อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำสั่งรื้อคดีค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้าน

หลังจากนี้ก็ต้องจับตาดูกันว่าแนวทางการต่อสู้คดีในอนาคตของกระทรวงคมนาคม โดย รฟท.นั้นจะนำประเด็นอะไรมาต่อสู้ ทั้งประเด็นปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องของอายุความ หรือการนับระยะเวลาการฟ้องคดีตั้งแต่วันที่รู้ หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี และประเด็นมติคณะรัฐมนตรี รวมถึงประเด็นการจดทะเบียนของบริษัทที่มีวัตถุประสงค์ของบริษัทที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนั้นยังมีประเด็นบริษัทที่มาลงนามกับภาครัฐไม่ได้เป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากภาครัฐ ซึ่งจะเห็นได้ว่าโดยคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดวันนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ภาครัฐได้ต่อสู้คดีใหม่ แต่ทั้งนี้ก็ไม่จบสิ้นกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด อย่างไรก็ตามจากคำสั่งครั้งนี้ต้องขอบพระคุณคณะผู้พิพากษาศาลปกครองสูงสุดด้วย

ด้านนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าฯ รฟท. ให้รายละเอียดหลังคำตัดสินของศาลว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีกับภาครัฐ และหลังจากนี้จะต้องเตรียมความพร้อมในการเดินหน้าต่อไปตามกฎหมาย ซึ่งยืนยันว่าทางกระทรวงคมนาคมและ รฟท.มีความพร้อมในเรื่องนี้ และพร้อมปรับตัวให้เข้ากับรูปคดีที่เกิดขึ้นจนถึงที่สุดต่อไป โดยส่วนตัวมั่นใจว่าการต่อสู้คดีในครั้งนี้เราจะได้รับความยุติธรรมจากกระบวนการยุติธรรมในครั้งต่อไป

นอกจากการเตรียมตัวในเรื่องกฎหมายแล้ว ทาง รฟท.ยังได้มีการหารือกันในเรื่องของการวางรูปคดีของเรื่องนี้ให้ดีที่สุด เพื่อให้ศาลได้ค้นหาความจริงได้อย่างเต็มที่ จนนำไปสู่ดุลพินิจที่ถูกต้อง ที่ผ่านมาเป็นการต่อสู้คดีที่มีคณะทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงคมนาคมกับ รฟท. ซึ่งเรื่องนี้ที่ผ่านมา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้มอบนโยบายในการดำเนินการให้เป็นไปตามกกฎหมายและระเบียบอย่างเคร่งครัด และได้มีการติดตามในเรื่องดังกล่าวนี้อย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้แล้ว ยังมีหลากหลายภาคส่วนที่ได้มาแสดงความยินดีกับคำตัดสินในครั้งนี้ และให้รายละเอียดว่า หลังจากนี้ต้องกลับมาพิจารณาคดีใหม่เริ่มที่ศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งประเด็นปัญหาในข้อเท็จจริงจบไปแล้ว เท่ากับว่าวันนี้จะมีเฉพาะประเด็นข้อกฎหมายเท่านั้น ทั้งนี้ต้องรอว่าศาลปกครองกลางจะกำหนดนัดอย่างไร แน่นอนว่าคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดที่ตัดสินออกมานั้นต้องถือว่าเป็นโอกาสประเทศไทย เพราะที่ผ่านมาทั้งรัฐบาล โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ก็เต็มที่มาโดยตลอด ฉะนั้นเรื่องนี้ก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร ทั้งนี้ถ้าตอบโดยอิงข้อกฎหมายคิดว่าน่าจะประสบผลสำเร็จ.

กัลยา ยืนยง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร

ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย

ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?

เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด

เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย

ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน

เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย

อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP

อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ

ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย

ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า