ดร.อนันต์ เตือนอย่าประมาท 'โควิด' ชี้อันตรายคาดเดาไม่ได้ ประเมินโอมิครอน BA2.2 จากฮ่องกง

Covid Hong kong / AFP

15 มีนาคม 2565 – ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และนักไวรัสวิทยา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า บทความนี้เป็นความเห็นของนักวิชาการที่ได้ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการระดับ Nature Reviews Microbiology ฉบับล่าสุด บอกว่า โอมิครอนเป็นไวรัสที่ก่อโรคไม่รุนแรง เป็นเพียงแค่ “coincidence” หรือ เหตุบังเอิญเท่านั้น การอนุมานคิดต่อว่า ไวรัส SARS-CoV-2 ตัวต่อไปถ้ามีจริงคงไม่รุนแรงมากไปกว่าโอมิครอนอีกแล้ว เป็นความคิดที่อันตรายและผิดต่อหลักการทางไวรัสวิทยาอย่างค่อนข้างชัดเจน จากหัวข้อของบทความนี้จะเห็นว่า เราคงเดาไม่ได้ว่าไวรัสสายพันธุ์น่ากังวลตัวต่อไปจะเป็นอย่างไร เพราะการเปลี่ยนแปลงของไวรัสในปัจจุบันเป็นไปในทิศทางที่ไม่มีใครรู้ว่าไวรัสจะไปทางไหน ความรุนแรงของไวรัสเป็นสิ่งที่เกินคาดการณ์ –“unpredictable”

ทำไมเค้าถึงคิดอย่างนั้น เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย สามารถอ่านได้จาก link ครับ https://www.nature.com/articles/s41579-022-00722-z

อีกโพสต์ ดร. อนันต์ เขียนว่า หลายคนเห็นพาดหัวข่าวเรื่องไทยพบโอมิครอน BA2.2 คล้ายกับที่ระบาดหนักในฮ่องกงจึงเริ่มเกิดความกังวลว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้จะเข้ามาระบาดและเป็นปัญหาในไทยเหมือนในฮ่องกงหรือไม่ ไวรัส BA.2.2 หน้าตาเหมือน BA.2 มาก โดยตำแหน่งบนโปรตีนหนามสไปค์ของ BA.2.2 ที่ตำแหน่ง 1221 เกือบจะถึงปลายของโปรตีนแล้ว เปลี่ยนจาก I (Isoleucine) ไปเป็น T (Threonine) เรียกว่า I1221T การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนี้อยู่นอกตำแหน่งที่มีผลต่อการหนีการจับของแอนติบอดี

ดังนั้น เชื่อว่าความสามารถในการหนีภูมิของวัคซีนของ BA2.2 ไม่แตกต่างไปจาก BA.2 ปกติ ส่วนหน้าที่อื่นๆของโปรตีนสไปค์ที่อาจมีผลจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ครับ เริ่มมีคำอธิบายออกมาบ้างว่า I1221T นี้ อาจจะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือ ไม่มีนัยสำคัญอะไรทางชีววิทยา แต่บทบาทของกรดอะมิโนดังกล่าวยังไม่ชัดครับว่าจะทำให้ไวรัสเปลี่ยนไปอย่างไร

ประเด็นเรื่องคุณสมบัติการแพร่กระจายของไวรัส BA.2.2 ถ้าดูเฉพาะในฮ่องกง จะเห็นว่า เกือบ 100% ของไวรัสที่ระบาดเป็น BA2.2 ทั้งสิ้น ทำให้มีการมองว่าเป็นไวรัสที่แพร่กระจายได้ไวมาก แต่ ถ้าดูการแพร่กระจายของไวรัสสายพันธุ์นี้ในประเทศอื่นๆที่มี BA.2 ปกติระบาดอยู่แล้วด้วย จะเห็นภาพที่แตกต่างกันชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น UK หรือ USA ที่พบ BA.2.2 เช่นกัน ก็ไม่พบการเพิ่มของเคสแบบกรณีของฮ่องกง

ลักษณะนี้ทำให้คิดได้ว่า ปรากฏการณ์ในฮ่องกงไม่ใช่เป็นเพราะ BA.2.2 ที่แพร่ไว แต่เป็นเพราะไวรัสตัวแรกที่เข้าไปสร้างปัญหา และ แพร่กระจายก่อนไวรัสตัวอื่นๆคือ BA.2.2 หรือที่รู้จักกันคือปรากฏการณ์ Founder Effect พูดง่ายๆคือ BA.2.2 เข้าไปจองพื้นที่ในฮ่องกงก่อนใคร ทำให้สายพันธุ์อื่นที่ตามมาทีหลังวิ่งตามไม่ทันนั่นเอง

ประเทศไทยบริบทต่างจากฮ่องกงครับ ผมคิดว่า BA.2.2 เข้ามาตอนนี้คงไม่มีที่ให้ขยายตัวมาก เพราะ BA.1 และ BA.2 ครองพื้นที่ในประเทศไทยไปมากพอสมควรแล้ว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โควิดพุ่งตามคาด! สายพันธุ์ไม่เปลี่ยน อาการคล้ายหวัด

กรมควบคุมโรคเผยสถานการณ์โรคโควิด 19 พบแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้เมื่อต้นปี สายพันธุ์ไม่เปลี่ยนอาการคล้ายหวัด แนะ กลุ่มเสี่ยง 608 ระมัดระวังหากมีอาการสงสัยป่วยควรปรึกษาแพทย์

โควิดสงกรานต์พุ่ง! ไทยติดเชื้อรอบสัปดาห์ 849 ราย

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 7 - 13 เมษายน 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) 849 ราย

โควิดยังพุ่ง! ไทยติดเชื้อรอบสัปดาห์ 728 ราย ผู้สูงอายุดับ 2 คน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 24 - 30 มีนาคม 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่

'บิวกิ้น' ศิลปินไทยคนแรก จัด Solo Concert ระดับสเตเดียมที่จีน ผู้ชมกว่า 6 หมื่น!

จัดเต็มแบบไม่มีแผ่ว!! สำหรับ “Billkin Tempo Tour 2024” กับ Solo Concert ระดับสเตเดียม กระหึ่ม!! 2 เมือง 2 สัปดาห์ติดต่อกัน เรียกว่าบัตร Sold Out ไปอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ร่วมชม รวมกว่า 6 หมื่นคน

โควิดพุ่ง! ไทยติดเชื้อใหม่รอบสัปดาห์ 630 ราย ดับเพิ่ม 5 คน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 17 - 23 มีนาคม 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) 630 ราย