'นพ.นิธิ' กระทุ้งรัฐเร่งฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง

'หมอนิธิ' กระทุ้งเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทุกประชากร เพราะจะได้มีภูมิคุ้มกัน

25 พ.ย.2564 - ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โพสต์เฟซบุ๊กพร้อมแนบลิงก์ข่าวเดอะการ์เดียนที่รายงานเกี่ยวกับโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่มีการกลายพันธุ์สูงในหัวข้อ “มันจะหยุดไหมนะ” ว่าข่าวข้างล่างยืนยันให้เราเข้าใจได้ว่า ทั้งโลกใบนี้ ไม่มีใครเอาตัวรอดคนเดียวได้ จากเจ้าโควิด

สำหรับประเทศไทย…….การกระจายวัคซีนต้องทั่วถึงและรวดเร็ว ครอบคลุมทุกตารางนิ้ว ให้ทุกคนมีระดับภูมิในตัวที่พอดีทั้งประเทศ (ทุกประเทศ) ไม่เช่นนั้นมันก็จะแอบไปกลายพันธุ์อยู่ในกลุ่มประชากรที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน

ประเทศไทยขณะนี้วัคซีนมีเยอะ(แต่อายุใช้งานสั้น) รีบๆฉีดให้หมดในคนที่ ภูมิคุ้มกันลดลงแล้วหรือไม่เคยมี กระจายให้ทั่วถึง ให้เท่าเทียมกัน ทุกพื้นที่ ทุกกลุ่มประชากร…….เร่งมือกันหน่อย รีบคิดรีบตัดสินใจสิ่งที่ควรทำกันครับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หมอมนูญ’ เผยผลติดตามสถานการณ์ 5 โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ

ข้อมูลของโรงพยาบาลวิชัยยุทธที่ติดตามโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ไวรัสไข้หวัดใหญ่  ไรโนไวรัส (Rhinovirus) อาร์เอสวี (RSV) และ ฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส Human metapneumovirus (hMPV)

‘หมอยง’ ย้ำโควิดยังสายพันธุ์โอมิครอน JN.1 ไม่รุนแรง หายไข้-ไอมาก 1 วัน ใส่แมสทำงานได้

โควิด 19 ได้เปลี่ยนแปลงลดความรุนแรงลง จนปัจจุบันความรุนแรงเท่ากับโรคไข้หวัดใหญ่ RSVและเป็นการระบาดตามฤดูกาล

'หมอธีระวัฒน์' ของขึ้น เชี่ยมั้ย! ใครจะมาพูดอะไร แ-่ง ต้อง declare ผลประโยชน์ทับซ้อน

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความ

รัฐบาลชวนผู้ปกครองพาบุตรหลานรับวัคซีนป้องกันโรคหัด-ไอกรน

'รัฐบาล' ห่วงใยโรคหัดและไอกรน ชี้เด็กรับวัคซีนขั้นพื้นฐานน้อยลง เชิญชวนผู้ปกครองนำบุตรหลานรับวัคซีนพื้นฐาน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันฟรี

อาจารย์หมอ วิเคราะห์การระบาดโควิด มาจาก โอมิครอน สายพันธุ์ JN.1 เป็นหลัก

แม้ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไทยจะเป็นขาลง แต่จำนวนคนที่ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันยังมีจำนวนไม่น้อย จึงควรใช้ชีวิตโดยไม่ประมาท

อาจารย์หมอจุฬาฯ วิเคราะห์การระบาดโควิดไทย อยู่ในช่วง ’ขาลง’

ตัวเลขสัปดาห์ล่าสุด 25 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม 2024 จำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 462 ราย เสียชีวิต 2 ราย ปอดอักเสบ 263 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 91 ราย