นายกฯ ชื่นชมผลงานศึกษาวัคซีนโควิด-19 สูตรไขว้จากกระทรวงสาธารณสุขและสถาบันการศึกษาในไทยได้รับการยอมรับในระดับสากล หลังนักวิชาการจาก WHO อ้างอิงในเอกสารวิชาการข้อแนะนำการใช้วัคซีน ย้ำเป็นความก้าวหน้าสำคัญของประเทศ
17 ธ.ค.2564 - น.ส.ไตรศุลี ไตรสรกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขว่าขณะนี้ผลงานการศึกษาทางวิชาการเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยการใช้วัคซีนสูตรไขว้ของนักวิชาการไทย ได้รับการยอมรับและอ้างอิงในรายงานทางวิชาการโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้วัคซีนโควิด-19 (Strategic Advisory Group of Expert-SAGE) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด-19 สูตรไขว้ในประเทศไทยเริ่มได้รับการยอมรับในระดับสากล
“นายกรัฐมนตรีรับทราบความก้าวหน้าที่น่ายินดี และชื่นชมคณะผู้ศึกษาจากทั้งกระทรวงสาธารณสุขและมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งผลงานจากประเทศไทยที่ได้รับการอ้างอิงโดยนักวิชาการ SAGE ในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้ทั่วโลกยอมรับในแนวทางที่ประเทศไทยดำเนินการให้วัคซีนแก่ประชาชนเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุด” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. WHO ได้ออกรายงานทางวิชาการเรื่อง Interim recommendations for heterologous COVID-19 vaccine schedules ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นข้อแนะนำแนวการฉีดวัคซีนโควิด-19 ชั่วคราว เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการป้องกันโรคในระดับสูงสุด ในเวลาที่รวดเร็ว
ทั้งนี้ ในการออกคำแนะนำชั่วคราวของกลุ่ม SAGE ครั้งนี้ได้อ้างอิงถึงผลงานวิชาการที่ศึกษาสูตรการฉีดวัคซีนทั้งหมด 48 ผลงาน โดยมีผลงานของประเทศไทยที่ได้รับการอ้างอิงทั้งหมด 5 ผลงาน ทั้งหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข และสถาบันต่างๆ ได้แก่ สถาบันชีววิทยศาสตร์ทางการแพทย์ สถาบันชีววัตถุ สถาบันโรคผิวหนัง กรมควบคุมโรค และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในช่วงที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เดินทางไปร่วมประชุม สมัชชาอนามัยโลก สมัยพิเศษ ณ สำนักงานใหญ่องค์การอนามัยโลก(WHO) นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 64 รองนายกรัฐมนตรีได้หารือทวิภาคีกับนาย Tedros Adhanom Ghebreyesus ผู้อำนวยการใหญ่ WHO โดยได้แลกเปลี่ยนถึงแนวทางการให้วัคซีนสูตรไขว้ในประเทศไทย ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีระบุถึงผลการศึกษาโดยนักวิชาการไทยว่าได้ผลสร้างภูมิคุ้มกันโรคในระดับสูง ในระยะเวลาที่สั้น ซึ่งหาก WHO มีงานวิชาการที่รับรองแนวทางของไทยจะทำให้เป็นประโยชน์กับทั่วโลก
“ประเทศไทยได้ผลักดันผ่านเวทีต่างๆ ให้ทั่วโลกเห็นว่าการใช้วัคซีนสูตรไขว้ให้ประสิทธิผลในการป้องกันโรคในระดับสูง รวมถึงในช่วงการร่วมประชุมกับ WHO ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขก็ได้แลกเปลี่ยนเรื่องนี้กับผู้อำนวยการใหญ่ WHO ซึ่งการที่ผลงานทางวิชาการของไทยได้รับการอ้างอิงในเอกสารคำแนะนำของ WHO ก็นับเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญของไทย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
นายกฯ ประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล 'ร.9'
นายกฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 'ในหลวง ร.9' วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2568
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง


