สตม.ก้นร้อน! ผุดคณะทำงานสางหลักเกณฑ์ขออยู่ในประเทศต่อ

สตม.ตื่นตั้งคณะทำงานทบทวนหลักเกณฑ์ขออยู่ต่อในราชอาณาจักรคนต่างด้าว ชี้ต้องแยกระหว่างคนดีกับบุคคลต้องห้ามให้ขาดจากกัน

08 ธ.ค.2565 - พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองออกมาแถลงว่าตำรวจ ตม.อำนวยความสะดวกให้กลุ่มคนจีนอยู่ในประเทศโดยการเปลี่ยนแปลงวีซ่านักท่องเที่ยวโดยผิดกฎหมายผ่านมูลนิธิ โดยเฉพาะเมื่อปี 2563-2564 ตม.4 และ ตม.5 มีการอนุมัติเปลี่ยนวีซ่าแล้วกว่า 3,325 คน และต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละ 100,000 -300,000 บาทว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับภาพลักษณ์ของ สตม. ซึ่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ตระหนักดีอยู่ระหว่างดำเนินการสั่งให้จเรตำรวจลงไปตรวจสอบเพราะเป็นหน่วยงานกลาง ถ้าให้ สตม.ลงไปตรวจสอบมันจะมองไม่ดีจึงใช้ส่วนกลางลงไปตรวจสอบ

พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ระบุว่า การขออยู่ต่อเป็นบริบทส่วนหนึ่งในเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับคนต่างด้าวที่มีความประสงค์อยู่ในประเทศไทย ซึ่งมันมีหลักเกณฑ์ อย่างไทยแลนด์อีลิทมีมานานแล้ว มีการท่องเที่ยวแห่งประทศไทย (ททท.) เป็นผู้ออกบัตร ถ้าคนต่างด้าวได้บัตรนี้มา ตม.มีหน้าที่ตรวจสอบว่าถูกต้องไหม เป็นบุคคลต้องห้ามหรือเปล่า ถ้าเขาได้รับบัตรมาโดยถูกต้องตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ไม่เป็นบุคคลต้องห้ามอยู่ในบัญชีของ สตม.ที่ห้ามเดินทางเข้าประเทศ ตม.ต้องให้เขาอยู่ต่อ เพราะฉะนั้น ตม.จะดู 2 อย่าง 1.ดูว่าเป็นตัวตนตามพาสปอร์ตหรือไม่ 2.ดูว่าเป็นบุคคลต้องห้ามหรือไม่ ถ้า 2 กรณีนี้ครบ ตม.ต้องอนุญาตให้เขาเข้าประเทศ แต่เราไม่รู้ว่าเขาทำผิดหรือทำถูก แต่ถ้าทำผิดก็ต้องบังคับกฎหมายจับกุมให้ได้เร็วที่สุด จะไปบอกว่าให้คนไม่ดีเข้าประเทศมันคนละนัยยะ เราให้คนที่มีคุณสมบัติและไม่เป็นบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ มิติของ สตม.คนไม่ดีคือคนที่เป็นบุคคลต้องห้ามคนที่กระทำผิดกฎหมาย หรือหน่วยงานระหว่างประเทศออกหมายจับ ถ้ามีหมายจับเราก็ดำเนินการจับกุมนี้คือบุคคลต้องห้าม ต้องแยกระหว่างคนดีกับบุคคลต้องห้ามให้ขาดจากกัน

ผบช.สตม.กล่าวต่อว่า การเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เราเข้มมาตลอด 1 ปี เพราะรู้ว่าความอ่อนไหวที่คนต่างด้าวอาศัยหลักเกณฑ์หรือเจ้าหน้าที่ ตม.เองตรวจเอกสารไม่ครบถ้วนสมบูรณ์มีการเข้มงวดมาตลอด ตอนนี้เรากำลังตั้งคณะทำงานทบทวนหลักเกณฑ์ขออยู่ต่อในราชอาณาจักรในแต่ละเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมูลนิธิ เรื่องการรักษาพยาบาล เรื่องการศึกษาของเอกชนทั้งในระบบนอกระบบ เช่นเดียวกับที่นายชูวิทย์ บอกว่า โรงเรียนไม่กำหนดอายุ เราจะกลับไปทบทวน เพราะหนึ่งในมิติการเรียนรู้สิ่งหนึ่งที่ยอมรับสากลโลก การเรียนรู้ทำได้ตลอดชีวิต บางครั้งจะใช้อายุไปจำกัดเหมาะสมหรือไม่ต้องไปหารือกัน คนที่เข้ามาอยู่ด้วยเหตุผลการศึกษามันต้องมีหนังสือรับรองจากสถาบันการศึกษา สถาบันการศึกษาก็ต้องจัดตั้งถูกต้อง ทุกสิ่งทุกอย่างในหลักเกณฑ์ของ สตม.เป็นเรื่ององคาพยพของทุกหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ต่อไปทุกหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในมิติของคนต่างด้าวอยู่ต่อในราชอาณาจักรต้องกอดกันให้แน่นๆ แนบแน่นยิ่งขึ้น

“ยกตัวอย่าง ตม.เชียงใหม่ที่มีปัญหา ตั้งแต่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้การ ตม.5 ได้ไปทำเอ็มโอยูกับมูลนิธิ สถาบันการศึกษา สถาบันการศึกษาต้องรายงานผลการเรียนของต่างด้าวให้ ตม.5 ทราบทุก 3 เดือน หากไม่มีการรายงานหรือผลการเรียนถือว่าการอนุญาตสิ้นสุดเขาต้องเดินทางออกนอกประเทศ มูลนิธิก็ต้องรายงานการจัดกิจกรรมที่มีคนต่างด้าวไปอยู่ในมูลนิธินั้นด้วย อันนี้เราทำแล้วไม่ใช่พึ่งทำ ทำก่อนมีกระแสข่าวออกมาอีก” ผบช.สตม.กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผงะ! พบศพเหลือแต่โครงกระดูก เกยซอกหินริมทะเล

ร.ต.ท.ณัฐธนน ลิ่มประจวบพงษ์ รอง สว.(สอบสวน) แจ้งว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ปากพนังว่า พบโครงกระดูกมนุษย์ ริมแนวกั้นคลื่นริมชายทะเล ม.9 ต.ท่าพยา อ.ปากพนัง

อนุกกต.เรียกหจก. บุรีเจริญ แจงบริจาคเงินเข้าภูมิใจไทย

ผู้สี่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อเดือนมี.ค. 66 ก่อนการเลือกตั้ง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นคำร้องต่อกกต.ขอให้ยุบพรรคภูมิใจไทย โดยอ้างเหตุว่า นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ มีพฤติการณ์เป็นนอมินีถือหุ้นในหจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นแทนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​คมนาคม และทั้งนายศุภวัฒน์ หจก. บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น บริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ จำกัด ได้มีการบริจาคเงินเข้าพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่ปี 2561-2565 รวมจำนวนหลาย 10 ล้านบาท เงินบริจาคดังกล่าว จึงอาจเข้าข่ายขัดมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 นั้น

'เศรษฐา' บริจาคเงินเดือนนายกฯ ให้ 8 มูลนิธิ ตั้งแต่ ต.ค.

'โฆษกชัย' แจงยิบ 'เศรษฐา' ส่งต่อเงินเดือน-เบี้ยประชุม 3 เดือน แก่มูลนิธิต่างๆ ขณะที่รัฐบาลจัดสรรงบเกือบ 1.4 ล้านล้านบาท พัฒนาและสร้างโอกาสให้ประชาชน

'เศรษฐา' ลั่นบริจาคเงินทำส่วนตัวอย่าไปกดดันรัฐมนตรีต้องทำตาม!

'เศรษฐา' เผยประกาศไม่รับเงินเดือน-เบี้ยประชุม เป็นเจตนารมณ์ส่วนตัว ยันรับมาเคลียร์ภาษีก่อนบริจาค ไม่หวังกดดัน ครม.ต้องทำตาม ชี้ความจำเป็นส่วนตัวมีทุกคน พร้อมให้ฝ่าย กม.ดูกฎเหล็ก 3 พัน