เปิดใจแม่สาวแบงค์เหยื่อ 'แอม ไซยาไนด์' ลอบวางยา ยันชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต

เปิดใจแม่สาวแบงค์ เหยื่อ ‘แอม ไซยาไนด์’ ลอบวางยา ยันชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต สุดอำมหิตเกินมนุษย์ ลูกสาวเพิ่งคลอดลูกได้เดือนเดียว

30 เม.ย. 2566 – กรณีมีข่าวเหยื่อของ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาลักทรัพย์ ด้วยการวางยา น.ส.ก้อยสาวลูกแชร์วัย 32 ปี และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของบุคคลที่รู้จักกับแอมอีก 10 กว่าศพ ซึ่งน่าจะเสียชีวิตในลักษณะเดียวกันกับ น.ส.ก้อย อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ล่าสุด วันที่ 29 เมษายน 2566 ในพื้นที่จังหวัดนครพนม พบว่ามีเหยื่อโผล่อีกราย คือ น.ส.สาวิตรี บุตรศรีรักษ์ หรือ หนิม อายุ 40 ปี อดีตพนักงานแบงค์ พื้นเพเป็นชาว อ.เมือง จ.มุกดาหาร ได้สามีอาชีพรับราชการตำรวจ เป็นชาว อ.นาแก จ.นครพนม โดย น.ส.หนิมเสียชีวิตปริศนา เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 ในบ้านพักอยู่เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร ที่สำคัญช่วงเสียชีวิตเพิ่งคลอดลูกสาวคนที่สอง ได้ประมาณ 1 เดือนเท่านั้น โดยทางญาติผู้เสียชีวิต ไม่ได้นำศพส่งไปตรวจชันสูตร เพราะไม่มีเบาะแสว่าถูกฆาตกรรม ถึงแม้ในเบื้องลึกจะคาใจ เพราะผู้ตายไม่มีโรคประจำตัว จนกระทั่งมีข่าวการจับกุม น.ส.สรารัตน์ หรือแอม ไซยาไนด์ ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี จึงมั่นใจว่า น.ส.หนิม อดีตพนักงานแบงค์ เป็น 1 ในเหยื่อที่ถูกวางยาเสียชีวิต

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นางนงเยาว์ บุตรศรีรักษ์ อายุ 65 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต คือ น.ส.สาวิตรี บุตรศรีรักษ์ หรือ หนิม อายุ 40 ปี อดีตพนักงานแบงค์ เปิดเผยว่าปัจจุบันตนเองได้มาพักอาศัยที่บ้านลูกเขย เขต อ.นาแก จ.นครพนม เพื่อดูแลหลานชายกับหลานสาว เผยความในใจว่าลูกสาวรู้จักสนิทสนมกับแอม ไซยาไนด์ มาตั้งแต่ปี 2558 เนื่องจากลูกสาวเคยทำงานที่ กทม. และทำธุรกิจด้วยกัน ส่วนสามีของลูกสาวรับราชการตำรวจเป็น ตม.บึงกาฬ มั่นใจว่าการเสียชีวิตของลูกสาว ต้องเป็นฝีมือของแอม ไซยาไนด์ เพราะทำธุรกิจร่วมกัน และมีหนี้สินกับลูกสาวเป็นเงินจำนวนมาก

ทั้งนี้หลังติดตามข่าวการจับกุมแอม ไซยาไนด์ รู้ถึงการวางยาเหยื่อเพื่อล้างหนี้ ยิ่งทำให้รับไม่ได้ เพราะลูกสาวเป็นคนดี ไม่เคยคิดร้ายใคร ไม่คิดว่าจะถูกทำร้ายแบบนี้ รับไม่ได้ที่กระบวนการยุติธรรมไม่ลงโทษขั้นประหาร วอนลงโทษประหาร เพราะชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต

นางนงเยาว์ บุตรศรีรักษ์ อายุ 65 ปี แม่เหยื่อแอม ไซยาไนด์ เปิดเผยต่อว่า ยอมรับว่าเสียใจมากหลังจากลูกสาวเสียชีวิตตั้งแต่ปี 2563 หลังจากนางสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ ส่งยาลดน้ำหนักมาให้กิน ยอมรับคาใจมาก เพราะเสียชีวิตปริศนา และยังหาสาเหตุไม่เจอ ทั้งนี้ลูกสาวไม่มีอาการป่วยมาก่อน สุขภาพแข็งแรง โดยขณะมีชีวิตอยู่ลูกสาวทำงานพนักงานธนาคาร และทำธุรกิจหลายอย่าง ส่วนสามีเป็นชาว อ.นาแก จ.นครพนม หลังลูกสาวเสียชีวิต ตนจึงมาดูแลหลาน ลูกของลูกสาวหรือหนิมที่เสียชีวิต โดยมีลูกทั้งหมด 2 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน

ส่วนบ้านที่มุกดาหาร ให้ญาติดูแล ไม่มีคนอยู่ เพราะสามีตนเสียชีวิตหลายปีแล้ว ที่สำคัญช่วงลูกสาวเสียชีวิต เพิ่งคลอดลูกสาวคนที่ 2 ได้แค่ประมาณ 1 เดือน ยอมรับคาใจ แต่หาสาเหตุที่มาไม่เจอว่าเกิดจากอะไร จึงไม่ได้ส่งศพไปชันสูตร จนกระทั่งมาทราบจากข่าวภายหลัง ยิ่งมั่นใจว่าลูกสาวตกเป็นเหยื่อ ถูกวางยา เพราะสนิทสนมคุ้นเคย ทำธุรกิจร่วมกันกับ แอม ไซยาไนด์ มานานหลายปี รับรู้ตลอดว่าโทรศัพท์คุยกัน แต่ตนไม่เคยเห็นมาหาที่บ้าน เพียงรู้ว่าสนิทกับลูกสาว พอทราบถึงสาเหตุยิ่งเสียใจ รับไม่ได้ ไม่คิดว่าจะทำร้ายลูกสาวขนาดนี้ ซ้ำร้ายทราบจากข่าวว่า คดีนี้ผู้ก่อเหตุไม่ได้รับโทษประหาร ยิ่งสงสารลูกสาว ไม่ขอเรียกร้องอะไร ถึงจะไม่คุ้มกับการเสียชีวิต สิ่งเดียวที่ต้องการคือ ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต อยากให้ถูกโทษประหารชีวิตเท่านั้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตั้งอัยการพิจารณา 14 คดี ’แอม ไซยาไนด์‘ ฆาตกรต่อเนื่องวางยาพิษสังหารเหยื่อ

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธํารงค์ผู้ช่วย ผบ.ตร. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผบก.ป. นำทีมพนั

เผยแจ้งความออนไลน์ 1 มี.ค 65 - 31 ต.ค. 67 เฉลี่ยเสียหายวันละ 7.7 ล้านบาท

'รองโฆษกรัฐบาล' เผยสถิติแจ้งความออนไลน์ ตั้งแต่ 1 มี.ค 65 – 31 ต.ค.67 มูลค่าความเสียหายรวม 7.48 หมื่นล้านบาท เฉลี่ย 77 ล้านบาทต่อวัน

ยอดเหยื่อ ’ดิไอคอนกรุ๊ป’ เข้าแจ้งความแล้ว 9,469 ราย เสียหายรวม 2,916 ล้านบาท

สรุปยอดผู้เสียหาย ดิไอคอนกรุ๊ป เข้าแจ้งความจากทุกศูนย์รับแจ้งความ และทุกสถานีตำรวจนครบาล - สถานีตำรวจภูธร ทั่วประเทศ

ชวน 'นายกฯอิ๊งค์' ลงใต้ ฟังความทุกข์ทรมานจากปาก 'เหยื่อ-ครอบครัวผู้เสียชีวิต'

'อังคณา' ชี้รัฐบาลพท.-แพทองธาร ปฏิเสธความรับผิดชอบคดีตากใบไม่ได้ ชวนนายกฯ ลงใต้ ฟังความทุกข์ทรมานจากปากเหยื่อ-ครอบครัวผู้เสียชีวิต เตือนระวังคนรู้สึกไม่เป็นธรรม อาจเข้าร่วมขบวนการก่อเหตุ