8 พ.ย.2567 - กรณี ตำรวจกองปราบปราม กองบังคับการ 3 ร่วมกับชุดสืบสวนของกองกำกับการ 5 ตำรวจทางหลวง นำกำลังเข้าสกัดจับกุม ทนายตั้ม-นายษิทรา เบี้ยบังเกิด อายุ 43 ปี ในคดีหลอกลวงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.2567 ในข้อหา ฉ้อโกง,ฟอกเงิน,ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิด ฐานฟอกเงิน รวมทั้งจับกุม นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือเดือน อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของทนายตั้ม ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย. 2567 ในข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน ฉ้อโกง,ฟอกเงิน และ ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน หลังพบหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว โดยจับกุมตัวสองสามีภรรยาได้บนถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 304 บริเวณแยกพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ขณะมุ่งหน้าไปยัง จ.สระแก้ว ซึ่งซึ่งสายดังกล่าวสามารถเชื่อมต่อไปยังชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเวลาประมาณเที่ยงเศษ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา
ถือเป็นคดีแรกของทนายตั้มกับภรรยา ที่เจ๊อ้อยโอนเงินให้ จำนวน 39 ล้านบาท โดยมีแก๊งสแกมเมอร์ทิพย์ ประกอบด้วย น.ส.สารินี ภรรยาของนายนุคนสนิทของทนายตั้ม ได้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางซื่อ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 ว่าถูกดูดเงินจากบัญชีที่ใช้โอนบิทคอยน์กว่า 2 ล้านบาท โดยมีตัวละครเพิ่มขึ้นมาอีกตัวชื่อมีมี่ ซึ่งเฉพาะคดีนี้มีทั้งหมด 5 คน ถูกจับแล้ว 2 คนคือทนายตั้มกับภรรยา ส่วน น.ส.สารินีกับนายนุและสาวชื่อมีมี่ ล่องหนหายตัวเข้ากลีบเมฆ คาดจะมีการขออนุมัติหมายจับเป็นล็อตที่สอง
ต่อมา วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังด่านพรมแดนนครพนม สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) เพื่อสอบถามการเข้มงวดบุคคลต้องสงสัยในคดีดังกล่าว ซึ่งอาจจะหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้รับทราบถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนครพนม (ตม.ฯ) ร.ต.อ.กฤษฎินทร์ กันไชยา สารวัตรเวรประจำสะพานมิตรภาพฯ เปิดเผยว่ากรณีมีคนไทยประสงค์เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ถ้าไม่มีหมายจับถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ เอกสารสำหรับการเดินทางเช่นพาสปอร์ตไม่หมดอายุ ก็ต้องอนุญาตให้ออกนอกประเทศได้ ยกเว้นเป็นบุคคลมีหมายจับ รายละเอียดรวมถึงข้อกล่าวหา จะขึ้นที่หน้าจอเจ้าหน้าที่ทันที เล็ดลอดออกนอกประเทศไม่ได้แน่นอน
ในส่วนคดีดังกล่าวถ้า ตม.นครพนมพบผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวพันกับเงิน 39 ล้านบาท มีความประสงค์จะเดินทางออกนอกประเทศ ตม.นครพนมไม่สามารถกักหรือควบคุมตัว เพราะยังไม่มีหมายจับ จะต้องสอบถามไปยังส่วนกลางให้มีคำสั่งเป็นกรณีพิเศษ โดยปกติ ตม.นครพนมเข้มงวดการเข้า-ออกของบุคคลอยู่แล้ว
ขณะเดียวกันที่ท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว เทศบาลเมืองนครพนม ถือเป็นด่านสากลแห่งแรกของจังหวัด ก่อนจะมีสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 พบประชาชนทั้งชาวไทยและลาว ได้โดยสารเรือข้ามแม่น้ำโขงพลุกพล่าน โดยมีเจ้าหน้าที่ ตม.นครพนม อำนวยความสะดวกและตรวจตราบุคคลต้องสงสัย การปฏิบัติหน้าที่ยึดตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาอย่างเข้มงวด ถ้าแก๊งสแกมเมอร์ทิพย์ของทนายตั้มจะใช้ช่องทางชายแดนไทย-ลาว จ.นครพนม เป็นเส้นทางหลบหนีถือว่าคิดผิดถนัด
ทั้งนี้ จากการจับกุมตัวทนายตั้มพร้อมภรรยา โดยได้ตรวจค้นภายในรถยนต์หรูยี่ห้อ PORSCHE รุ่น Cayenne ทะเบียน ธก 999 กรุงเทพมหานคร ด้านหลังรถพบกระเป๋าเดินทาง พร้อมเครื่องนอน และเอกสาร 1 ซอง คาดเตรียมหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกลุ่มที่ร่วมกระทำความผิดครั้งนี้ อาจจะใช้วิธีเดียวกันเพื่อหลบหนี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉ‘สแกมเมอร์’ เล็งหลอกคนแก่ ดูดเงินในมือถือ
ตร.เตือนภัย สแกมเมอร์พุ่งเป้าข้าราชการบำนาญ ลวงอัปเดตข้อมูล รับสิทธิ์ ติดตั้งแอปควบคุมโทรศัพท์ดูดเงิน
เตือนภัย 'สแกมเมอร์' พุ่งเป้าข้าราชการบำนาญ หลอกอัปเดตสิทธิ ติดตั้งแอปดูดเงิน
ตำรวจเตือนข้าราชการบำนาญและผู้สูงอายุ ระวังมิจฉาชีพโทรอ้างหน่วยงานรัฐ หลอกอัปเดตข้อมูลรับสิทธิ ก่อนส่ง
กกล.บูรพา บุกค้นบ้านหนองจาน พบเชื่อมโยงขบวนการสแกมเมอร์กัมพูชา
กกล.บูรพาเข้าตรวจค้นบ้านในพื้นที่บ้านหนองจาน พบอุปกรณ์สื่อสารและเอกสารจำนวนมาก เชื่อมโยงขบวนการสแกมเมอร์ เตรียมขยายผลโยงเครือข่ายฝั่งกัมพูชา
จีนทุบ‘สแกมโบเดีย’ ‘จงอี้’แฉโยงผลประโยชน์หลายมิติ/กห.ลั่นภารกิจใกล้เสร็จ
"หลิว จงอี้" ทุบโต๊ะ! รัฐบาลกัมพูชามีความเชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการสแกมเมอร์ในหลายมิติ
'หลิว จงอี้' พบกองทัพบก จีนชี้รัฐบาลกัมพูชาเอี่ยวขบวนการ 'สแกมเมอร์' หลายมิติ
หลิว จงอี้ ร่วมหารือกองทัพบก ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาไซเบอร์สแกม เผยรัฐบาลกัมพูชามีความเชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการสแกมเมอร์ในหลายมิติ

