28 ต.ค.2565 - จากกรณีที่โลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เยแพร่ภาพคลิปที่ถ่ายโดย ส.ต.อ.อัษฏางค์ หรือโบ้ส แก้วบุญเรือง อายุ 34 ปี ผบ.หมู่ คพส.สภ.เมืองไหม เผยแพร่ในโซเชียล และผู้บังคับบัญชา เห็นว่าไม่เหมาะสม มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั่น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 16.00 น. ส.ต.อ.อัษฏางค์ หรือโบ้ส แก้วบุญเรือง อายุ 34 ปี ยอมรับว่า เป็นตำรวจสายตรวจประจำ สภ.เมืองไหม ถ่ายคลิปและพูดจาตามคลิปจริง ที่พูดเช่นนั้น เพราะไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากผู้บังคับบัญชา ในกรณีที่ครอบครัวมีข้อพิพาทกับนายบวร แสนส่อง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 153 ม.1 บ้านโคกสี ต.โคกสี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นชาวบ้านที่มีที่นาติดกับที่ดินของครอบครัว วางเพลิงเผาทรัพย์ ไฟลุกลามเข้ามาในที่ดินของครอบครัว ทรัพย์สินเสียหาย แต่แจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองไหม ไม่รับแจ้งความ กลับรับแจ้งความจากชาวบ้าน จนตนเองถูกแจ้งข้อหาหนัก ข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย,ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโคยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือชุมชน,ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ, ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง นั้น
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนายบวร แสนส่อง อายุ 43 ปี ที่บ้านพัก ในหมู่บ้านโคกสี ซึ่งนายบวร ได้นำก๊อกเปิดปิดน้ำประปาที่ยังติดอยู่กับท่อพีวีซี ที่มีรอยไหม้ติดอยู่มาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกับเปิดเผยว่า ช่วงเดือนมกราคม 2564 ช่วงฤดูทำนาปรัง จึงไปเตรียมพื้นที่ทำนา รื้อหญ้าและวัชพืชออกจากที่ดินที่ติดกับริทรั้วของครอบครัว ส.ต.อ.อัษฏางค์ หรือโบ้ส แก้วบุญเรือง อายุ 34 ปี เมื่อรื้อหญ้าออกแล้วจึงทำการเผาหญ้า ทำให้ไฟลุกลามไหม้เข้าไปในพื้นที่ที่ดินของบ้านตำรวจประมาณ 2 เมตร จึงรีบวิดน้ำในทุ่งนาเพื่อดับไฟ จากนั้นจึงรีบไปผแจ้งให้น้องสาวของตำรวจ ที่ขายกาแฟอยู่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามให้รู้ว่า ทำไฟลุกลามเข้าในที่ดิน ไฟไหม้หญ้าและก๊อกน้ำประปา และจะทำการซ่อมแซมให้
“ผมแจ้งให้ทางครอบครัวตำรวจทราบเรื่อง และพร้อมที่จะรับผิดชอบซ่อมให้ หลังจากแจ้งให้น้องสาวตำรวจทราบเรื่องแล้วก็รีบหายางรัด หาอุปกรณ์ไปซ่อมท่อประปาให้ ขณะที่ผมกำลังซ่อมท่อประปาอยู่นั้น ตำรวจกับน้องสาว ก็วิ่งมาหาที่จุดเกิดเหตุ ด้วยความโกรธ โดยฝ่ายตำรวจพูดว่า สูรู้มั้ยกูเป็นใคร กูเป็นตำรวจ พร้อมกับชักอาวุธปืนสั้นออกจากกระเป๋าคาดเอว ยิ่งขู่ 1 นัด แล้วพูดต่อว่า สูต้องซ่อมให้เสร็จไม่งั้นบ้านกูไม่มีน้ำใช้ จากนั้นก็มีเพื่อนบ้านที่ได้ยินเสียงปืนวิ่งมาดูผม และช่วยซ่อมท่อประปา แต่ถูกตำรวจใช้ปืนชี้หน้าข่มขู่ต่างๆนานา”
นายบวร กล่าวต่ออีกว่า หลังซ่อมท่อประปาเรียบร้อย กูถูกตำรวจเรียกไปพบที่สภ.เมืองไหม ซึ่งนอกจากตนและเพื่อนบ้านอีก 2 คนแล้ว เพื่อนบ้านที่มีที่ดินติดกับที่ดินของครอบครัวตำรวจก็ถูกเรียกตัวไปด้วย ทุกคนก็ให้ความร่วมมือ เพราะคิดว่า พูดคุยกันในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่พอไปถึงโรงพัก ครอบครัวตำรวจไม่คุยและไม่มีทีท่าอ่อนโยน ยืนยันจะดำเนินคดีและนำไปสู่ขบวนการชั้นศาล การพบกันและคุยกันจึงไม่จบ เพราะครอบครัวตำรวจยืนยันจะเอาเรื่อง เมื่อกลับถึงบ้านจึงหารือกันในครอบครัวและเพื่อนๆ พร้อมใจกันเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับส.ต.อ.อัษฏางค์ ในกรณีที่ยิงปืนข่มขู่ จากนั้นทุกอย่างก็ไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยศาลรับฟ้องในคดีที่ตนเป็นโจทย์ฟ้อง ส.ต.อ.อัษฏางค์ ส่วนคดีที่ส.ต.อ.อัษฏางค์ ฟ้องตนในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์นั้นศาลยกฟ้อง คดีจึงเป็นที่สิ้นสุด และจบกันที่ชั้นศาล ตนและครอบครัวก็เลิกทำนาแปลงดังกล่าวเพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย และไม่อยากมีเรื่องกับตำรวจ ถือว่าทุกอย่างจบกันแล้ว
"เห็นคลิปแล้ว เกิดความกลัว ไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนเลย เพราะเป็นคำพูดที่น่ากลัว จึงขออยู่แต่ในบ้าน ไม่เกี่ยวข้องกันอีก ใครทำอะไรไว้ก็รับผลที่ตามมาของตัวเองไป เพราะตนและครอบครัวไม่เกี่ยวข้อง ข้อพิพาทที่มีต่อกันก็จบที่ศาลแล้ว ส่วนเรื่องที่ ส.ต.อ.อัษฏางค์ ยื่นอุทรณ์คดี ก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับตน และคนในครอบครัว"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หนุ่มปากน้ำโดนยิงสาหัส ซิ่งจยย.หนีตาย 10 กม. ขอความช่วยเหลือชาวบ้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ รับเหตุยิงกันบริเวณอู่รถเมล์เก่า ริมถนนสุขุมวิท ทิศทางมุ่งหน้าปากน้ำ ตำบลเทพารักษ์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
'สว.ชิบ' เค้นรัฐบาล! ใครสั่งโยกคดี 'ดิไอคอน' ให้ดีเอสไอ หวั่นบอสรอดคุก
'สว.ชิบ' ตั้งกระทู้ถามนายกฯ ข้องใจคำสั่งจากใคร ทำให้รัฐบาลโยกคดี 'ดิ ไอคอน' ใส่มือดีเอสไอ หวั่นสรุปคดีไม่ทันเวลา เปิดโอกาสบรรดา 'บอส' รอดคุก
คู่อริโหด! ขับรถสวนกัน ก่อนชักปืนยิงดับกลางถนน
ร.ต.อ.มารุต นิลโกสีย์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สิงหนคร จ.สงขลา รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันที่ภายในชุมชนบ้านเขาแดง หมู่ 5 ต.หัวเขา อ.สิงหนคร
จ่อออกหมายเรียก 'เท้าแชร์กิ๊ฟซี่' โกงเหยื่อ 66 ราย เสียหาย 15 ล้าน
ร.ต.อ.พนัส โกรดประโคน รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านกรวด ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหาย และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
ยอดเหยื่อ ’ดิไอคอนกรุ๊ป’ เข้าแจ้งความแล้ว 9,469 ราย เสียหายรวม 2,916 ล้านบาท
สรุปยอดผู้เสียหาย ดิไอคอนกรุ๊ป เข้าแจ้งความจากทุกศูนย์รับแจ้งความ และทุกสถานีตำรวจนครบาล - สถานีตำรวจภูธร ทั่วประเทศ
'บิ๊กจวบ' ชื่นชมตำรวจจราจรกระบี่ ช่วยปชช. 2 เหตุการณ์รถคว่ำไฟไหม้
พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ