21 พฤษภาคม 2566 – เวลา 07.39 น. บริเวณทุ่งนาหลังวัดศรีสะอาด หมู่ 1 บ้านดอนยานาง ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครพนม นายประสงค์ สุวิวัฒน์ธนชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ นายจเร รุ่งฐานีย รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รอง ผว.รฟท.) เป็นประธานประกอบพิธีบวงสรวงวางศิลาฤกษ์ โครงการรถไฟรางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม ช่วงก่อสร้างระยะ 2 (ร้อยเอ็ด,ยโสธร,มุกดาหาร,นครพนม) รวมระยะทางช่วงนี้ 180 กิโลเมตร
โดยเริ่มจากประธานจุดธูปเทียนบูชาฤกษ์ ณ โต๊ะเครื่องบวงสรวง พราหมณ์ชิษณุชา อักษรเสือ อ่านโองการอัญเชิญเทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาสถิตสถาพรในพิธี และจุดประทัดเปิดจำนวน 3,000 นัด มีเลขหางประทัดเป็นมงคล 60,464 จากนั้นพระสงฆ์ 9 รูปสวดเจริญชัยมงคลคาถา พร้อมเจิมเครื่องมงคล
จากนั้นเวลา 09.39 น. ซึ่งตามหลักโหราศาสตร์ในวันดังกล่าวนี้ เป็นฤกษ์อันเป็นมหามงคล โดยพระสงฆ์นำประกอบพิธีตอกเสาไม้มงคล ก่อนจะมอบให้ประธานตลอดจนผู้ร่วมพิธี ตอกเสาไม้มงคลทั้ง 9 หลักลงในหลุม วางเครื่องมงคล อาทิ เพชร นิล จินดา เงิน ทอง โปรยข้าวตอกดอกไม้ในหลุมศิลาฤกษ์ พระสงฆ์อนุโมทนา และจุดประทัดปิด จำนวน 10,000 นัด ได้เลขมงคลหางประทัด 25,890 ขณะที่ธูปเสี่ยงทายโต๊ะบวงสรวงเป็นเลข 117 รวมเวลาประกอบพิธีบวงสรวงวางศิลาฤกษ์ โครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ 3 ชั่วโมง
หลังเสร็จพิธีดังกล่าว ดร.สุภชา ศิริวงษ์ยิ่งเจริญ ผู้จัดการโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า วันนี้มีความฉุกละหุกมาก เพราะหลังจากได้ฤกษ์มงคลที่ดีที่สุด ก็ทำการจัดตั้งโต๊ะบวงสรวงทันที ถ้าไม่ประกอบพิธีตามความเชื่อในวันนี้ ฤกษ์อื่นก็ดีแต่ไม่เท่าฤกษ์นี้ ถือเป็นการเปิดประตูสู่ความสำเร็จ หลังจากนี้ก็จะนำเครื่องจักรทยอยเข้ามาปรับเกรดพื้นที่ โดยบริเวณที่ประกอบพิธีบวงสรวง คือ สถานีนครพนม ที่ใหญ่สุดในจังหวัด เป็นศูนย์รวมเส้นทางสำคัญ เพราะนอกจากมีรางคู่เป็นหลักแล้ว ยังเพิ่มรางขึ้นมาอีกไม่น้อยกว่า 3-4 ราง เพื่อรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต ตามสัญญาว่าจ้างจะแล้วเสร็จภายในปี 2572 แต่ถ้าไม่มีอุปสรรคด้านสสสภาพดินฟ้าอากาศ คาดจะแล้วเสร็จก่อนระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา
โดย ดร.สุภชา ศิริวงษ์ยิ่งเจริญ ผู้จัดการโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ กล่าวต่ออีกว่า ในพิธีวางศิลาฤกษ์ครั้งนี้ จะสำเร็จไม่ได้ถ้าไม่มีเจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนร่วมให้ความอนุเคราะห์ ทั้งนี้ทั้งนั้นการก่อสร้างรถไฟรางคู่ ได้เวนคืนที่ดินรวมเนื้อที่ 4,600 แปลง มีการทยอยจ่ายค่าเวนคืนไปแล้วเกือบ 2,000 แปลง ตรงที่ยืนอยู่นี้ยังไม่ได้รับเงินค่าเวนคืน แต่ด้วยความน่ารักของพี่น้องชาวจังหวัดนครพนม ที่ต้องการเห็นความเจริญเติบโตเกิดขึ้นโดยเร็ว จึงอนุญาตให้เข้าดำเนินการก่อสร้างได้ จึงขอขอบคุณเป็นอย่างสูง
ขณะเดียวกันมีกลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาในพื้นที่เวนคืน อ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัท ขอเคลียร์พื้นที่เพื่อเตรียมวางรางรถไฟ เจ้าของที่ไม่เฉลียวใจจึงอนุญาต กลุ่มมิจฉาชีพก็จะขุดเอาดินออกจากบริเวณนั้น คาดนำไปขายต่ออีกทอด เมื่อเจ้าหน้าที่ตัวจริงมาเห็นได้สอบถามข้อเท็จจริง ทราบว่าเสียรู้แก่กลุ่มพวกนี้แล้ว จึงขอแจ้งเตือนไปยังเจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืน ว่า ทุกครั้งจะมีการเชิญเจ้าของที่ดินมาคุยกันที่สำนักงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นหากมีผู้ใดเข้ามาแอบอ้างให้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที
ทั้งนี้ โครงการรถไฟรางคู่ ระยะสองนี้จะเริ่มจากสถานีหนองพอก จ.ร้อยเอ็ด มาสิ้นสุดที่สะพานมิตรไทยลาวแห่งที่ 3 รวมระยะทาง 180 กิโลเมตร มูลค่าการก่อสร้างทั้ง 2 ระยะเป็นเงิน 80,000 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'โตโน่ ภาคิน' สุดปลื้ม รับมอบเหรียญเชิดชูเกียรติสูงสุดชั้น 1 ของสปป.ลาว
ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โตโน่-ภาคิน คำวิลัย ศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดงชื่อดัง เข้าพิธีรับประดับเหรียญชัย ชั้น 1 ซึ่งเป็นเหรียญเชิดชูเกียรติสูงสุดของ สปป.ลาว
พ่อไม่ติดใจตำรวจจับตาย มือยิงประธานสภา อบต. รับลูกก่อเหตุเพราะเสพยาบ้า
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 20 หมู่ 7 บ้านต้าย ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ซึ่งเป็นบ้านของนายยุทธพล หมอกต้ายซ้าย หรือไอ้ยุทธ อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครพนม ฐานความผิดพยายามฆ่า หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนอาก้าจ่อยิงนายวินัย มณีรัตน์ อายุ 55 ปี ส.อบต.บ้านต้าย 3 สมัย และยังมีตำแหน่งประธานสภา
วิสามัญ คนร้ายยิงประธานสภา อบต. ยิงใส่ตำรวจก่อน เลยถูกตอบโต้ดับคาไร่อ้อย
นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น เข้าตรวจสอบการติดตามจับกุม นายยุทธพล หมอกต้ายซ้าย อายุ 49 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุนายวินัย มณีรัตน์
จนท.ตรึงกำลัง ล่ามือยิงประธานสภา อบต. คนร้ายมีปืนอาก้า ระเบิดมือ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดจ่อยิง นายวินัย มณีรัตน์ อายุ 55 ปี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโพนจาน บ้านต้าย หมู่ 7 (ส.อบต.ฯ ม.7) ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์
แม่เหยื่อคานก่อสร้างถล่ม เล่าทั้งน้ำตา อีกไม่กี่นาทีลูกชายก็จะเลิกงานแล้ว
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 145 หมู่ 9 ต.วังตามัว อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งเป็นบ้านของนายสำเริง พะพันทาง อายุ 48 ปี และ นางกันนิกา ทุมทอง อายุ 48 ปี พ่อแม่ของนายโจ้ผู้ตาย โดยพบว่าบริเวณหน้าบ้านได้มีกางเต็นท์
หนังเค็มอีสาน ดังไกลข้ามโลก เมืองนอกสั่งออเดอร์ โกยเดือนละแสน
หนังเค็มผลิตมาจากหนังควาย คือการถนอมอาหารตามแบบภูมิปัญญาชาวอีสาน มาหลายชั่วอายุคน เหมือนเป็นมรดกสืบทอดวัฒนธรรมการกิน ส่งจากรุ่นสู่รุ่นถึงปัจจุบัน โดยชาวอีสานมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย รวมถึงอาหารก็จะกินอย่างง่ายๆ และเพื่อให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ชาวอีสานจึงรู้จักแสวงหาอาหารในท้องถิ่น