พบค่ายพักโรฮิงญา รอหนีเข้าไทยอีกกว่า 200 คน แฉแก๊งค้ามนุษย์ปล่อยข่าวลวงเผาทำลายที่พัก

แฉกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ 3 สัญชาติ ไทย-กะเหรี่ยง-พม่า ปล่อยข่าวเผาทำลายค่ายพักโรฮิงญา ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร ที่แท้ยังอยู่เหมือนเดิม ลักลอบขนไปแล้ว 200 คน เหลืออีกกว่า 200 คน รอขนเข้ามาพำนักในราชอาณาจักรไทย

27 มีนาคม 2568 - จากกรณีที่มีชาวโรงฮิงญา 2 คน คือ นายบาเมาะ ซอพี อายุ 33 ปี และ นายซอลิมเจาะ อายุ 20 ปี ได้พากันหนีตายออกมาจากค่ายพักในพื้นที่คุ้มครองของกองกำลังชนกลุ่มน้อย บริเวณชายแดนไทย - เมียนมา โดยชาวโรงฮิงญาทั้ง 2 คน ได้หลบหนีข้ามแดนเข้ามาทางหมู่บ้านสันตินิมิตร หมู่ที่ 10 ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร มีชาวบ้านพบเห็นได้แจ้งผู้นำท้องถิ่นและประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าแซะ ตามข่าวที่เสนอนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ว่า เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง กอ.รมน.ภาค 4 และ เจ้าหน้าที่สำนักสอบสวน 4 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้สอบปากคำเพื่อเก็บข้อมูลในเชิงลึก ชาวโรฮิงญาทั้ง 2 คน ที่หลบหนีข้ามแดนเข้ามาในราชอาณาจักรไทย รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องที่พบตัวชาวโรงฮิงญา และล่ามชาวเมียนมา

จากการสอบสวนในเชิงลึกของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 หน่วยงาน ชาวโรฮิงญา ทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นเครือญาติกัน อ้างว่าได้พาลักลอบหนีออกจากค่ายในเขตคุ้มครองของกองกำลังชนกลุ่มน้อย ซึ่งเป็นแหล่งเดียวกับชาวโรฮิงญา จำนวนกว่า 400 คน ตามที่เจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายความมั่นคงกอ.รมน.ภาค 4 และ เจ้าหน้าที่สำนักสอบสวน 4 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ลงพื้นที่ทำการตรวจสอบเมื่อห้วงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 68 ที่ผ่านมา โดยมีชาวเมียนมานำพามาพักไว้เพื่อส่งขายต่อไปที่ประเทศมาเลเซีย โดยใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งพำนัก จากนั้นจึงส่งต่อไปยังประเทศมาเลเซีย

โดยผ่านนายหน้าแก๊งค้ามนุษย์เป็นกลุ่มบุคคล 3 สัญชาติ มีทั้งคนไทย พม่า กะเหรี่ยง มีลักษณะการกระทำของบุคคลร่วมกันเป็นขบวนการเป็นธุระจัดหาจัดคนมาจากประเทศเมียนมา มีการซื้อขายในราคา 45,000 บาท ถึง 50,000 บาท เป็นการขายโดยพามาจากค่ายพักในประเทศเมียนมา ลักลอบนำเข้ามาที่พำนักในประเทศไทย บริเวณพื้นที่ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จากนั้นได้ส่งต่อจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง จนถึงผู้รับเป้าหมายปลายทางที่ประเทศมาเลเซีย ที่ผ่านมามีการลักลอบนำพาผ่านประเทศไทยไปประเทศมาเลเซีย แล้วกว่า 200 คน

จากพฤติกรรมการกระทำดังกล่าวเป็นในรูปแบบลักษณะของกระบวนการค้ามนุษย์ กระทำการกักขังไว้ในประเทศไทย จัดที่พักจริงให้อาศัย จากนั้นมีบุคคลรับต่อส่งไปให้ผู้อื่น พาไปสู่ที่พักไว้ที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีวิธีการคือทำให้กลัว บังคับใช้แรงงาน หรือใช้กำลังบังคับ มีการพาตัวไปเป็นการแสวงหาผลประโยชน์มิชอบ ให้เงินแก่รายได้เพื่อแสวงหาประโยชน์จากตัวบุคคลชาวโรฮิงญาทั้ง 2 คน

นอกจากนี้จากข้อมูลเชิงลึก เจ้าหน้าที่ยังได้ข้อมูลว่า ภาพที่ปรากฏออกเป็นข่าวว่ามีการเผาทำลายค่ายชาวโรฮิงญา ที่อยู่ห่างชายแดนไทยประมาณ 5 กม. ในเขตคุ้มครองของกองกำลังชนกลุ่มน้อย ไม่เป็นความจริง เนื่องจากปัจจุบันชาวโรฮิงญายังอาศัยอยู่ในค่ายดังกล่าว โดยมีนายหน้า 3 สัญชาติ ที่ร่วมกันเป็นกระบวนการ ยังคงร่วมกันทำการขาย และทยอยส่งต่อชาวโรงฮิงญาไปยังประเทศมาเลเซีย โดยใช้ประเทศไทยเป็นจุดพำนัก

โดยการกระทำมีลักษณะเป็นรูปแบบกลุ่มบุคคล ร่วมกันทำเป็นแบบขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ การขายคนเพื่อแสวงหาประโยชน์ การค้ามนุษย์ มีนายหน้าในแต่ละประเทศส่งต่อ และทยอยส่งครั้งละ 30 - 40 คน ชาวโรฮิงญาทั้ง 2 คน ที่หลบหนีออกจากค่ายพัก ได้ข้ามแดนเข้ามาในพื้นที่ ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นค่ายพักจุดเดิม ที่ได้ปรากฎเป็นข่าวว่าได้ถูกเผาทำลายไปแล้วนั้น แต่ความจริงค่ายพักชาวโรฮิงญาแห่งนี้ยังอยู่ที่เดิม และไม่ได้อพยพชาวโรฮิงญาออกไปห่างชายแดน 60 กม.แต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการปล่อยข่าวลวง หลอกเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงของทางการไทยในพื้นที่ จ.ชุมพร เท่านั้น

โดยชาวโรฮิงญาทั้ง 2 คน ให้การยืนยันว่าตนเองได้หลบหนีออกมา จากค่ายเดิมที่อยู่ห่างชายแดนไทย ประมาณ 5 กม. เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายให้กับแก๊งค้ามนุษย์นำพาไปส่งยังประเทศมาเลเซีย และต้องทนอยู่อย่างลำบาก หิวโหย ถูกบังคับใช้แรงงาน ข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย จึงต้องพากันหนีตายเข้ามายังฝั่งประเทศไทยดังกล่าว

ชาวโรงฮิงญาทั้ง 2 คน ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง กอ.รมน.ภาค 4 และ เจ้าหน้าที่สำนักสอบสวน 4 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินอีกว่า ขณะนี้ค่ายพักชาวโรฮิงญาในพื้นที่เดิมดังกล่าว ยังมีชาวโรฮิงญาพำนักอยู่อีกกว่า 200 คน รอการส่งตัวลักลอบข้ามแดนไปผ่านเข้ามาพำนักในพื้นที่ ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เพื่อส่งต่อไปยังประเทศมาเลเซีย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชายแดนเมียนมาสู้รบเดือด ผู้อพยพข้ามฝั่งไทยเพิ่มอีก 233 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ว่า ช่วงเที่ยงวันนี้ กกล.KNLA กองพล.น้อยที่ 7 (พล.น.7) ร่วมกับ กองกำลังพิทักษ์แห่งชาติกะเหรี่ยง (กกล.KNDO) กองพันที่ 5 (พัน.5) ของกลุ่ม สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง ( KNU)

อดีต รมว.กต. อวย 'ทักษิณ' คุย 'อันวาร์' ช่วยให้เห็นแสงสว่างในเมียนมาอย่างไม่เคยมีมาก่อน

อดีตรมว.ต่างประเทศ มอง "อันวาร์-ทักษิณ" พบกันเป็นเรื่องที่น่ายินดีต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในเมียนมา

กต. แถลงผลการหารือ 'อันวาร์-มินอ่องหล่าย' นำไปสู่การฟื้นฟูเมียนมาจากแผ่นดินไหว

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ถึงการหารือร่วมกันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน

ต่างด้าวเมียนมาคว้าขวดเบียร์ตีหัวแม่ค้าร้านขายของชำ ชิงสร้อยทอง

ร.ต.อ.สุรกิจ กล่ำพัก รอง สว.(ป.)สภ.บ้านวิสัยเหนือ ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำ ที่ร้านขายของชำเลขที่ 75/2 หมู่ 11 ตำบลวิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร

'พ่อนายกฯ' ชี้ต้องคุยกับ 'เมียนมา' มากขึ้น ร่วมแก้ยาเสพติด-แก๊งคอลฯ-ฝุ่นPM2.5-สารหนู

'ทักษิณ' ชี้ต้องคุยกับเมียนมามากขึ้น ร่วมกันแก้ปัญหา ทั้งปมยาเสพติด-คอลเซ็นเตอร์-ฝุ่นPM2.5-สารหนู พร้อมปลอบคนเชียงใหม่และเชียงราย รัฐบาลเร่งจัดการ

สทร. ยอมรับได้คุย ‘มินอองไลง์’ หวังเห็นเมียนมาเปิดเจรจาปูทางสันติสุข

"ทักษิณ" รับได้คุย "มินอองไลง์" ปัดเข้าข้าง - หวังเห็นเมียนมาเปิดเจรจาปูทางสันติสุข - แนะคุยชนกลุ่มน้อย-ปล่อยนักโทษการเมืองก่อนเลือกตั้ง