ชงรัฐบาลจัดตั้งศูนย์ตรวจมลพิษจังหวัดเชียงราย สางปัญหาสารปนเปื้อนแม่น้ำ 4 สาย

ชงรัฐบาลจัดตั้งศูนย์ตรวจมลพิษจังหวัดเชียงราย-กสม.จัดเวทีใหญ่ ภาคประชาชนและหลายหน่วยงานรัฐไม่เห็นด้วยสร้างฝายดักตะกอนพิษ-แนะรัฐเร่งสำรวจเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ

8 สิงหาคม 2568 - ที่ห้องประชุมแสนหวี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จ.เชียงราย สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่องแนวทางการจัดการปัญหามลพิษ สิ่งแวดล้อม ในภาพรวมของแม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย โดยมีตัวแทนจากภาครัฐและภาคประชาชน รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

น.ส.เพียรพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) และ International Rivers กล่าวว่าปัญหามลพิษแม่น้ำ 4 สาย กก สาย รวก โขง หากไม่ยุติเหมืองเถื่อนรัฐฉานโดยทันที อาจจะเป็นเหมือนประสบการณ์ที่รัฐคะฉิ่น ภาคเหนือของพม่า คือกลุ่มคนจีนเข้ามาทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทบนภูเขาต้นน้ำลำธารกว่า 400 เหมืองเพื่อส่งแร่ราคาแพงนี้กลับไปจีน ส่งผลร้ายแรงต่อคุณภาพน้ำ แม่น้ำกลายเป็นกรด กระทบต่อสุขภาพของประชาชน ที่แม่น้ำโขงคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ได้ตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานตลอดแนวชายแดนไทยลาว และในตอนนี้แม่น้ำโขงกำลังจะถูกกั้นด้วยโครงการเขื่อนปากแบง ในลาว ซึ่งกำลังจะทำให้แม่น้ำโขงกลายเป็นอ่างนิ่งๆ สะสมสารโลหะ จึงเป็นคำถามว่าจะดำเนินการอย่างไร หากมีการเดินหน้าสร้างเขื่อนแล้วแม่น้ำโขงกลายเป็นน้ำพิษ

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่าตั้งแต่ว่ามีการตรวจพบสารโลหะหนักจนถึงปัจจุบัน การแก้ปัญหานี้ของรัฐบาลสอบตก ขณะที่องค์กรภาครัฐระดับท้องถิ่นทำงานอย่างเต็มที่ แต่ไม่เห็นภาครัฐบาลให้ความสนใจอย่างจริงจังโดยเฉพาะเรื่องอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน การทำงานของรัฐต้องยกระดับในการแก้ไขปัญหา เหมือนกับกรณีของกัมพูชา เพราะที่นี่ก็เป็นสงครามเช่นกัน เป็นวิกฤตของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เรื่องนี้ไม่ใช้เป็นปัญหาเฉพาะบ้านเรา แต่เป็นความมั่นคงของรัฐและระหว่างประเทศ ดังนั้น กสม.ก็ต้องยกระดับไปถึงสิทธิมนุษยชนของอาเซียน หากปล่อยให้เป็นอยู่เหมือนปัจจุบัน หายนะเกิดขึ้นแน่นอน เพราะตอนนี้ไม่มีการแก้ไขที่ทำให้สารพิษหายไปได้ เพราะต้นเหตุคือเหมืองแร่ก็ยังปล่อยสารพิษอยู่ ชีวิตของประชาชนเหมือนอยู่ในสงคราม

“โครงการเขื่อนปากแบงที่จะกั้นแม่น้ำโขง เป็นเรื่องใหญ่ หากสารพิษตกตะกอนในอ่างจะเป็นเรื่องแก้ไขได้ยาก อาจต้องใช้เวลาอีกนับร้อยปี” นายนิวัฒน์ กล่าว

นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่กล่าวว่า ได้เก็บตัวอย่างน้ำที่ท่าตอนเมื่อ 19 มีนาคม ผลออกปลายเดือน ตนใช้เวลาดูข้อมูลอยู่ 3 วัน ต้องถามเจ้าหน้าที่อยู่หลายรอบเพราะทราบดีว่าเมื่อประกาศออกไปว่ามีค่าสารโลหะหนักเกินค่าจะมีประเด็นตามมาอีกมาก แรกๆ ชุลมุนวุ่นวายมาก คำถามที่ย้อนมาคือผลตรวจถูกต้องหรือไม่ เราได้เพิ่มจุดตรวจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะช่วงแรกไม่มีงบประมาณ ต้องโยกงบบริหารภายใน ตอนนี้เก็บตัวอย่างมา 9 ครั้ง พบมีการปนเปื้อน บางครั้งเพิ่มขึ้น บางครั้งลดลง

“ข้อเท็จจริงคือมีการปนเปื้อนแน่นอน แต่ที่เรารู้สึกอึดอัด เมื่อเราไปคุยกับชาวบ้าน เช่น ปางช้างไม่มีนักท่องเที่ยวทำให้เหลือช้างเพียง 4 เชือก คนขายของก็ขายไม่ได้ คำถามคือเราไปเก็บข้อมูลแล้วเก็บอีก ก็พบอีก ประเด็นคือเราจะอยู่กันอย่างไร” นายอาวีระ กล่าว

ผศ.ดร.เสถียร ฉันทะ นักวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย กล่าวว่าการตั้งศูนย์ตรวจเคยมีการเสนอแต่ถูกผลักตกจากราชการเพราะกลัวซ้ำซ้อน จริงๆเรื่องของการเก็บตัวอย่าง หากมีมาตรฐานสากลก็ไม่มีอะไรต้องถกเถียงเพราะเกินค่ามาตรฐานเหมือนกันอยู่แล้ว เพียงแต่ผลที่ออกมาแล้วจะนำไปขับเคลื่อนอย่างไร ถ้ามีศูนย์ตรวจสอบของมหาวิทยาลัย 3 แห่งของเชียงราย สามารถวางแผนจัดการร่วมกันได้

เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผอ.มูลนิธิบูรณะนิเวศกล่าวว่า ตอนนี้ทุกหน่วยงานกำลังแบกรับปัญหาที่ใหญ่ แต่รัฐบาลนิ่งมากโดยเฉพาะรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงสาธารณสุข ที่ควรทำงานใกลิชิดกัน เพราะกรณีนี้มีความเสี่ยงสูงร้ายแรงในวันข้างหน้า ควรมีการตั้งกลไกระดับประเทศของ 2 หน่วยงานนี้ร่วมกัน และให้ทุกหน่วยงานมาทำงาน ที่สำคัญคือประชาชนอยู่กันอย่างไรเมื่อตรวจพบแล้ว เพราะมันหมายถึงชีวิตของเขา

“ทั้ง 2 กระทรวงควรคุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้าง เช่น การสำรวจความเสียงหายครอบคลุมพื้นที่เท่าไร ลักษณะความเสียหายเป็นอย่างไร ประสานความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่น เช่น กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ 2 กระทรวงนี้ต้องเป็นเจ้าภาพ ต้องมีมาตรการเป็นรูปธรรม เช่นผู้เสียหายทางเศรษฐกิจ จะมีมาตรการพิเศษช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร เช่น มาตรการลดภาษีให้ผู้ประสบภัยมลพิษข้ามพรมแดน เรื่องนี้เช่นนี้จะปล่อยให้ทำงานไปตามยถากรรมไม่ได้ และเรื่องนี้ควรขยับให้เป็นมลพิษข้ามแดนของอาเซียน” เพ็ญโฉม กล่าว

ขณะที่ผู้แทนของประมงจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการสร้างฝายดักตะกอน เพราะไม่มีงานวิจัยรองรับ และฝายจะทำลายบ้านของปลา จึงไม่เห็นด้วยที่เอาน้ำกกกลายเป็นส้วมสาธารณะแล้วต้องคอยดูดอุจาระออกไป

“เราเก็บตัวอย่างปลาแค้ที่เป็นตุ่มไม่ได้ ปลาตัวใดที่เป็นตุ่มชาวบ้านโยนทิ้งเลย เพราะชาวประมงเขากลัวขายปลาไม่ได้จึงไม่ยอมให้สำนักงานประมงเอาไปตรวจ อยากให้มีการเยียวยาชาวประมง เพราะเขาหาปลาแต่ขายไม่ได้ เห็นด้วยว่าควรตั้งศูนย์ตรวจไว้ที่เดียว มีงบกลาง” ผู้แทนประมงจังหวัด กล่าว

ทั้งนี้ในที่ประชุมเห็นตรงกันว่าควรมีศูนย์ตรวจสอบและความร่วมมือของจังหวัดเชียงรายโดยใช้มหาวิทยาลัย 3 แห่งเป็นฐาน เนื่องจากในปัจจุบันมีหลายองค์กรที่เข้ามาตรวจคุณภาพน้ำ ดิน สัตว์ พืชและระบบนิเวศ แม้ผลออกมาจะตรงกันว่ามีสารโลหะหนักในแม่น้ำเกินมาตรฐาน แต่กำลังจะกลายเป็นความสับสนให้กับชาวบ้าน ดังนั้นจึงควรมีการจัดตั้งศูนย์ขึ้นมา

นอกจากนี้ในที่ประชุม ภาคประชาชนได้ร่วมกันสะท้อนปัญหาหลากหลาย แต่สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการคือการยุติเหมืองแร่ต้นแม่น้ำซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสารพิษ โดยขณะนี้ปัญหาสารพิษในแม่น้ำได้ส่งผลกระทบด้านสุขภาพจิต เพราะทุกคนต่างวิตกกังวลและเป็นความเครียดสะสม บางคนเป็นโรคซึมเศร้า เพราะหาทางออกไม่ได้ เนื่องจากแม่น้ำกลายเป็นแม่น้ำพิษ โดยมีข้อเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์การตรวจสอบ

ผู้แทนภาคประชาชนทั้งหมดยังไม่เห็นด้วยกับการสร้างฝายดักตะกอน โดย นส.จุฑามาศ ราชประสิทธิ์ มูลนิธิพชภ. กล่าวว่าโครงการฝายดักตะกอนแม่น้ำกก ทราบว่าขณะนี้ได้รับอนุมัติแล้ว งบประมาณไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านบาท ซึ่งจะมีการประชุมชาวบ้านแล้วเริ่มก่อสร้างทันทีซึ่งถือว่าเสี่ยงมากเนื่องจากยังไม่มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยอ้างว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ไม่มีการพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ในการแก้ปัญหามลพิษครั้งนี้ และกรมป่าไม้เองก็ยอมทำข้อตกลงพิเศษให้ใช้พื้นที่

ทส.จังหวัดเชียงราย กล่าวว่ามีพืชบางชนิดกินสารหนูได้ เราควรใช้พืชเหล่านี้ได้หรือไม่ ควรเอาธรรมชาติมาแก้ไขธรรมชาติ ไม่ใช่เอาวิทยาศาสตร์มาแก้ไขธรรมชาติ

ทั้งนี้ในช่วงท้าย กสม.ได้มีการนำข้อเสนอส่งให้รองผู้ว่าราชการเชียงรายเพื่อดำเนินการต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดผลตรวจ 'สารหนู' ในแม่น้ำสาย-รวก-โขง เกินมาตรฐานทุกจุดตรวจวัด

ผลตรวจเดือน พย.พบสารหนูเกินมาตรฐานในแม่น้ำสาย-รวก-โขงทุกจุดตรวจวัด ขณะที่แม่น้ำกกหนักอยู่ที่ ต.ท่าตอนส่วนจุดอื่นเบาบางลง นักวิชาการชี้รัฐยังเฉื่อยไร้แผนตรวจในคน-พืช-สัตว์ แนะเร่งสังเคราะห์ข้อมูลใช้ขับเคลื่อนเวทีระหว่างประเทศ

กรมทรัพยากรน้ำสรุปผลรับฟังความคิดเห็นประชาชน ปัญหาแม่น้ำกก “สุชาติ” ย้ำรัฐบาลยึดเสียงประชาชนเป็นศูนย์กลาง ยุติแนวคิดสร้างฝายดักตะกอนเด็ดขาด

นายธีระชุณ บุญสิทธิ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เปิดเผยผลการประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่อำเภอท่าตอน จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก โดยมี นางสลีลญา คำภาแก้ว

นักวิชาการแนะนายกฯ ตั้งคณะทำงานรับมือ MOUแร่แรร์เอิร์ธ

'นักวิชาการสิ่งแวดล้อม' แนะนายกฯ ตั้งคณะทำงานศึกษา-รับมือ เอ็มโอยูสหรัฐรุกไทยแร่หายาก ค้านตั้งเหมือง เต็มที่แค่ตั้งโรงงานสกัด เหตุเสี่ยงเจอมลพิษ สารปนเปื้อน กัมมันตภาพรังสี

กระทรวงทรัพย์ฯ รุกลงพื้นที่เป่าล้างบ่อบาดาล ที่ใช้ในการผลิตน้ำประปาหมู่บ้านในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ผู้ใช้น้ำ

นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 และคณะ ร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย และเทศบาลตำบลดอยฮาง ลงพื้นที่ติดตามการเป่าล้างบ่อบาดาล ที่ใช้เป็นน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาหมู่บ้าน ณ หมู่ 3 เทศบาลตำบลดอยฮาง เพื่อคลายความกังวลของประชาชนผู้ใช้น้ำ

“รองนายกฯ สุชาติ” ลุยเชียงใหม่–เชียงราย เปิดรับฟังข้อเสนอภาคประชาชน เร่งแก้ปัญหาสารปนเปื้อน “แม่น้ำกก” ให้เกิดผลเชิงรูปธรรมโดยเร็ว

วันนี้ (9 ตุลาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงฯ ดร.สุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่

'สุชาติ' เตรียมลงเชียงราย แก้ปัญหาสารพิษแม่น้ำกก ย้ำเป็นเรื่องเร่งด่วน พร้อมเตรียมเร่งผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด แก้ปัญหาฝุ่น

นายสุชาติ กล่าวว่า “การลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ครั้งนี้ เป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกในฐานะรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย์ฯ เพื่อที่จะไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ และเพื่อเน้นย้ำว่างานของอุทยานฯ อีกส่วนที่สำคัญคือ การให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมและศึกษาธรรมชาติ